วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2550

หลีเป๊ะ...เกาะสวาท หาดสวรรค์ ภาค 2 ตอน 1 มาเหนือเมฆ มุ่งสู่เกาะสวรรค์...หลีเป๊ะ


ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่หัวใจได้โหยหาการกลับมาเยือนเกาะหลีเป๊ะ หมู่เกาะที่ได้ขึ้นชื่อว่า มีปะการัง 7 สีที่สวยงามที่สุดในโลกก็ว่าได้  

จากการที่ได้มีโอกาสมาเยือนที่หมู่เกาะตะรุเตา-อาดัง-ราวี-หลีเป๊ะ เมื่อวันที่ 3-5 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ทำให้รับรู้ถึงธรรมชาติทางทะเลที่สวยงามของไทยเรา โดยเฉพาะทะเลอันดามัน ว่าทำไมใต้ท้องทะเลนั้นถึงมีธรรมชาติ สัตว์น้ำ ปะการัง ฯลฯ ที่สวยๆอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ ความประทับใจเริ่มแรกของเรานั้นคือการได้ดำน้ำแบบ snorkel ทุกๆที่ไม่ว่าจะเป็น หินงาม หินซ้อน ราวี และไฮไลท์สุดๆของทริปที่ผ่านมาคือ ร่องน้ำบัง ซึ่งก็ไม่ทำผิดหวัง เพราะภาพปะการังสีสดๆสวยๆ 7 สีที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้น คลายให้ลืมโลกหรืองานวุ่นๆที่ผ่านมาในชีวิตไปได้เลย 

จากความประทับใจดังกล่าว ทำให้ผมเริ่มหาวันเวลาว่างอีกครั้งหลังจากกลับมาได้ไม่นาน ซึ่งก็คงใช้วิธีการเดินทางแบบเดิมคือเครื่องบิน พอหาช่วงเวลาที่ไม่ใช่หยุดยาวและลองจองตั๋ว ก็พบว่ามีว่างในราคาที่ไม่แพง ซึ่งถูกกว่าครั้งที่ผ่านมาด้วยซ้ำ ทริปครั้งนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เราเลือกไปแบบไปเองบ้างเพราะคุ้นเคยกับการเดินทางเป็นอย่างดีในครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไปกับทัวร์นั้นจะขาดรสชาติหรือไม่สนุกแต่อย่างใด คงเป็นวิธีการเที่ยวที่สนุกไปคนละแบบ 

พอใกล้วันเริ่มเดินทาง ผมเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์ที่ยังมีไม่ครบและชั่งใจอยู่ว่าจะซื้อดีไม่ซื้อดี นั่นคือ fin หรือ ตีนกบ เพราะน่าจะช่วยให้เราว่ายไปได้เร็วเมื่อเจอกับน้ำแรงๆ โดยเฉพาะร่องน้ำจาบัง ผมหาอยู่นานที่ราคาถูกๆ มาโพสต์ถามที่ BP ก็ได้เพื่อนใจดีเข้ามาแนะนำกัน ต้องขอบคุณมากครับ สุดท้ายก็ไปได้ยี่ห้อหนึ่งซึ่งราคาไม่ถึงพันบาท สู้ราคา Mares ไม่ไหว เพราะยังสมัครเล่นอยู่ หวังว่าพอได้ใช้งานแล้วจะอัพเกรดมาใช้อีกที 

ยิ่งใกล้วัน ผมก็ลืมที่จะโทรจองที่พักแบบเต็นท์ที่เกาะอาดัง เพราะตั้งใจว่าจะไปค้างที่นี่ 1 คืนแล้ววันรุ่งขึ้นค้างที่หลีเป๊ะ แต่ก่อนไป 2 สัปดาห์ได้โทรไปจอง ปรากฏว่าที่พักเต็มแล้ว ขนาดเต็นท์ยังเต็มเลย ซึ่งก็ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแผนโดยฉับพลันไปนอนที่หลีเป๊ะอีกคืน ซึ่งเรื่องที่พักก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ได้คุณโกหงวนช่วย ส่วนเรื่องโปสการ์ดผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วโดยทำเอง หากระดาษโฟโต้ 5"x7" มาพิมพ์รูปที่ตัวเองได้ไปมาในครั้งก่อน หาสแตมป์ติดเสร็จสรรพ เหลือเพียงไปเขียนเอาตอนที่ไปถึงเท่านั้น เสียดายที่ผมทำเสียไป 2 อันระหว่างขั้นตอนการ print เลยได้มาเพียง 18 รูปสำหรับเพื่อนๆใน BP แห่งนี้

มาถึงวันพุธที่ 21 มีนาคม ก่อนวันเดินทาง 2 วัน ผมนึกขึ้นได้ว่ายังไม่มีพาสปอร์ตของอุทยานแห่งชาติ เพราะเวลาไปถึงที่นั่นต้องแวะที่ทำการอช.ตะรุเตา จะได้สแตมป์ในสมุด เลยขับรถไปที่อช.เขาใหญ่ในเวลาเที่ยงวันเพื่อที่จะไปซื้อโดยเฉพาะ เพราะผมท้อกับการหาซื้อมาหลายอช.แล้ว ที่นี่เป็นอุทยานแห่งแรกและใหญ่น่าจะมีขาย สุดท้ายไปเก้อ เสียค่าผ่านเข้าอช. 90 บาท ไปถึงที่ทำการ เจ้าหน้าที่บอกไม่มีมา 1 ปีแล้ว เซ็งเลย เอาเป็นว่าไปแบบบันทึกความทรงจำด้วยความทรงจำของสมองและภาพถ่ายละกัน 

ทั้งหมดนี้คือการเตรียมตัวในการเดินทางของเรา งั้นมาลอยเหนือเมฆด้วยกันก่อนจะไป "หลีเป๊ะ" ครับ

หลีเป๊ะ เกาะสวาท หาดสวรรค์ ครั้งแรก ปี พ.ศ.2549
===================================


มาสุวรรณภูมิครั้งนี้ผมเลือกเดินทางโดยแท๊กซี่ ยกเลิกที่จะเอารถส่วนตัวไปจอดทิ้งไว้ที่สนามบิน 3 วันแล้ว เสียดายเงิน 750 บาท ซึ่งแท็กซี่ก็พาเรามาถึงเวลา 5:50 น. โดยเครื่องจะออกเวลา 6:55 น. ดังนั้นเรามาถึงกำหนดเกือบๆ 1 ชั่วโมง


ในเมื่อมาถึงก่อนเวลา หลังจากเช็คอินแล้วก็ไปหาอะไรมาดื่มกันง่วงซะหน่อย เราเลือกนั่งร้าน Black Canyon Coffee ผมสั่ง Espresso ส่วนแฟนผมสั่งโกโก้เย็น


ครั้งที่แล้ว เม็มโมรี่ 1 GB ยังไม่พอ ลบแล้วลบอีก แถมยังต้องลบใต้น้ำทะเลอีกด้วย ครั้งนี้เลยไม่พลาดที่จะหยิบยืมเม็มฯอีก 1 GB จากเพื่อนรุ่นน้องที่บริษัท เจ้าของ 350D คุณ Clinker หวังว่าไปครั้งนี้คงไม่ต้องมาลบอีกแล้วนะ ฮึ่มมม....


ต่อจากนั้นก็เดินเข้าไปที่ Gate 1A เตรียมตัวขึ้นเครื่องแล้ว 6:34 น. พระอาทิตย์กำลังขึ้นสวยเชียว ผมชอบรูปนี้อย่างคือ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นภาพผู้โดยสารที่นั่งรออยู่สะท้อนมาที่กระจก ปรากฏอยู่ในรูปนี้ลางๆ


พนักงานเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องเร็วกว่ากำหนด เครื่องเริ่มแล่นเข้ารันเวย์แล้ว มองเห็นเครื่องแอร์เอเชียอีกเครื่องจอดรอที่หลุมจอดเช่นกัน


พี่เบิ้มการบินไทยก็มาจอดเทียบงวงช้าง ยังไงสุวรรณภูมิก็ยังเป็นสนามบินในใจผม แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาก็ตาม


มองผ่านกระจกหน้าต่างเครื่องบิน เห็นหอบังคับการบินที่สูงที่สุดในโลกถึง 132 ม.(ถ้าจำไม่ผิด) ความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งที่โดนกระแสอื่นมากลบ


เครื่องบางกอกแอร์เวย์ 2 ลำที่จอดด้านข้าง ไว้รอหน่อยเหอะ แล้วถ้ามีโอกาสคงได้เจอกันตอนไปสมุยนะ


เจ็ดโมงตรง เครื่องเริ่มแล่นเข้ารันเวย์แล้ว


เจ็ดโมงสองนาทีหยุดนิ่ง เตรียมตัวเทคออฟ


เครื่องขึ้นแล้ว อย่าลืมรัดเข็มขัดละกัน


เครื่องกำลังไต่ระดับ เอ๊ะ....มองเห็นบ้านผมเปล่าเนี่ย แต่ที่แน่ๆมองเห็นธราซิตี้อยู่ล่างๆของรูป


เครื่องเริ่มตั้งลำได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงระดับเพดานบินที่กำหนดไว้


ได้เห็น Blue Planet หรือดาวเคราะห์สีฟ้าแห่งนี้ทีเราอาศัยแล้ว ฟ้าเข้มได้ใจจริงๆ


บ๊าย บาย ทุกท่านครับ แล้วค่อยเข้ามาชมใหม่วันพรุ่งนี้ก็ได้ครับ
เห็นสีฟ้าอย่างนี้แล้ว ฮึดสู้ขึ้นมาทีเดียว ผมเป็นคนชอบสีฟ้าอยู่แล้วด้วย


ดูกันไปก่อนครับ เพิ่ง 7:11 น. เอง อีกไกลกว่าจะถึง


ที่ตั้งตอนว่า มาเหนือเมฆ ก็เพราะมาเหนือก้อนเมฆปุยน้อยๆพวกนี้นั่นเอง


ยังอยู่ที่เดิม


มีฟ้าสวยๆเป็นแบ็คกราวด์


7:17 น. ยังเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ


7:18 น. เริ่มมีกลุ่มเมฆพัดผ่าน


หลังจากหลับไปหนึ่งตื่น 7:32 น. เครื่องบินเคลื่อนตัวผ่านผืนเมฆใหญ่ หยิบกล้องมาถ่ายแทบไม่ทัน


มาดูผืนเมฆแบบใกล้ๆกันนะครับ


ยังอยู่บริเวณเดิมครับ


ไม่รู้สิ เห็นฟ้าสีฟ้า ท้องทะเลสีคราม ปุยเมฆสีขาวบริสุทธิ์แล้วมีความสึขยังไงไม่รู้


ทำอย่างไรจึงจะได้นอนเกือกกลั้วบนปุยเมฆอันงดงามแบบนี้ได้น๊า


เต็มอิ่นในทุกๆมุมมอง


เริ่มเห็นแสงอาทิตย์สะท้อนลงบนผืนเมฆแล้วหล่ะ


7:51 น. เข้าเขตจังหวัดทางภาคใต้แล้วไปแล้ว เครื่องบินเริ่มลดระดับลง


มองลงไปยังเบื้องล่าง มองเห็นเกาะต่างลอยอยู่กลางทะเลรำไรๆแล้ว


เห็นแสงสะท้อนดวงกลมๆ จากพระอาทิตย์อีกครั้ง


อีกรูปละกัน


7:56 น. ได้เห็นแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ลงบนปุยเมฆอีกแล้ว


รุ้งกินน้ำเริ่มโผล่ให้เห็นแล้ว


รุ้งกินน้ำทาบทอลงบนปุยเมฆ เกือบหยิบกล้องมาถ่ายไม่ทัน


7:59 น. มองเห็นทะเลฝั่งอ่าวไทยกับชายฝั่งเป็นครั้งแรกแล้ว


เครื่องบินลอยอยู่ตรงแหลมสมิหลา เกาะที่เห็นเล็กๆน่าจะเปป็นเกาะหนูและ.....


...เกาะแมว (หรือเปล่า)


8:00 น. มองเห็นแหลมสมิหลา กับเกาะหนูหรือเกาะแมวนี่แหล่ะ


ลงจอดแล้วก็แล่นวนกลับมาที่งวงช้างของสนามบินครับ ผมสังเกตว่ามาที่สนามบินหาดใหญ่ทุกครั้ง เข้างวงช้างทุกครั้งเลย แถมขากลับก็กลับงวงช้างด้วย ดีจริงๆ

ขอจบตอนมาเหนือเมฆไว้แค่นี้นะครับ แล้วติดตามกันใหม่ในกระทู้เดินทางสู่หลีเป๊ะจริงๆครับ ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เฝ้าติดตามนะครับ สวัสดีครับ (_/\_)

Original Published on www.pantip.com at [ 27 มี.ค. 50 15:40:24 ] as below link

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น