วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2549

หลีเป๊ะ...เกาะสวาท หาดสวรรค์ ตอน 2 หมู่เกาะหลีเป๊ะ, หินงาม, หินซ้อน, ราวี, จาบัง คือความมหัศจรรย์ของทะเลเมืองไทย


วันนี้เป็นวันที่สองบนเกาะสวาท หาดสวรรค์แห่งนี้ น้องสุและน้องนกไกด์ 2 สาวของเราที่มีภูมิลำเนาคนละภาคของไทย นัดทานอาหารเช้าเวลาประมาณ 7:00 น. และหลังจากนั้นคงจะเริ่มออกไปดำน้ำทั้งวัน โดยเรือหางยาวจะมารอรับเราประมาณ 8 โมงครึ่ง 
วันนี้ผมเตรียมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องไว้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ถุงกันน้ำ DicaPAC ที่เคยไปใช้แล้วที่สิมิลันที่ผ่านมา ยังใช้งานได้ดี แน่นอน กล้องคอมแพ็คคู่กายพร้อมกับแบตเตอรี่อีก 2 ชุด และอีกอย่างคือ GPS กะว่าจะไปบันทึก Location ของแต่ละเกาะซะกะหน่อย ทั้งหมดนั้นใส่ในถุงกันน้ำของ Ocean Pack 5 Kg. สีเหลืองไว้พร้อมสรรพ 
โปรแกรมดำน้ำน่าจะคล้ายๆกับคนอื่นที่เขาไปๆกัน ผมเองเฝ้าจินตนาการปะการัง 7 สีที่ร่องน้ำจาบังว่ามันจะเป็นเหมือนที่เคยเห็นในรูปมั๊ย และช่วงที่ไปกันนี้น้ำนิ่งพอที่จะเห็นหรือเปล่า กลัวมาแล้วไม่ได้ดูจริง แต่ไม่เป็นไรแค่วันแรกที่ผ่านมาผมก็ประทับใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว คงเทียบกับสิมิลันที่ไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เลย


ตื่นเช้าๆอีกครั้งหลังจากเมื่อวานเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน ตั้งแต่เครื่องบิน รถยนต์ และสุดท้ายที่เรือ แม้ว่าจะมาไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็ได้ดูบรรยากาศและวิวสวยๆบนเขายามเช้านี้


เกือบแปดโมง อาหารเช้าจากรีสอร์ทมาเสิร์ฟแล้ว ตอนแรกที่เห็นคิดว่ามีแค่นี้ซะอีก ยังคิดในใจว่าแพงจัง แต่สักครู่ก็มีข้าวต้มหมูร้อนๆพร้อมกับกาแฟกรุ่นๆตามมา


นั่งทานอาหารเช้าพร้อมกับจิบกาแฟซึ่งมิใช่กาแฟสดแต่ก็พอหยวนๆกันได้ พร้อมๆกับบรรยากาศท้องทะเลรายรอบ ผมว่าช่างเป็นความสุขที่หามาได้แบบคุ้มค่าจริงๆ กับระยะทางพันกว่ากิโลเมตรห่างจากกรุงเทพเมืองศิวิไล ณ ที่แห่งนี้ หลีเป๊ะ


เรือบางลำพอนักท่องเที่ยวครบก็แล่นออกไปกลางทะเล วิวเกาะด้านหน้าที่เห็นคือเกาะอาดังนั่นเอง


ณ ยามนี้ แสงแดดเริ่มสาดส่องมาพอสมควรแล้ว โต๊ะที่ว่างยังรอคอยลูกค้าอีกต่อไป


โอ้ทะเลสีครามใส เราขอแค่นี้จริงๆกับการดั้นด้นมา


เกือบ 9 โมง เรือก็มารอรับที่ชายหาด น้องสุและน้องนกบอกกับเราให้ลงไปขึ้นเรือด้านล่าง ในเรือมีกลุ่ม 8 สาวพราวเสน่ห์ที่มาจากกรุงเทพเหมือนกัน นั่งรออยู่แล้ว เป็นกลุ่มที่เมื่อคืนพักที่วารินทร์รีสอร์ท แม้ว่าจะเจี๊ยวจ้าวไปบ้างแต่ก็ดูสนุกสนานครื้นเครงตามประสาสาวโสด
พอลงเรือได้ทุกคนก็ต่างทะยอยส่งเสื้อชูชีพให้กัน การเดินทางไปดำน้ำจึงเริ่มขึ้น ณ บัดนี้


พี่บังคับเรือหรือน้องๆเรียกว่ากัปตันกำลังขะมักเขม้นควบคุมเรือพาเราไปยังจุดหมายแรกคือเกาะหินงาม


9 โมงยี่สิบก็มาถึงยังจุดดำน้ำจุดแรกที่หลังเกาะหินงาม ไกด์ลักกี้สอนสาธิตการใช้อุปกรณ์ดำน้ำกับน้องๆทั้ง 8 คนก่อนจะปล่อยให้กระโดดตูมลงไป snorkel กัน เราเองก็ไม่พลาด เพื่อนผมเชี่ยวชาญมากถึงกับจะขอลงไปก่อนให้ได้ น้ำทะเลใสอย่างนี้ ใครๆก็อยากลง


โลกใต้น้ำนั้น สวยและงดงามเช่นเดิมโดยเฉพาะในฝั่งอันดามัน อย่างเจ้าปะการังหรืออะไรสักอย่างนี้สิ มีจุดสีแดง น้ำเงิน เหลืองอยู่เต็มไปหมดเลย อัศจรรย์จริงๆ


ณ จุดนี้มีดอกไม้ทะเลกับเจ้าปลาตัวน้อยนีโม่อยู่เต็มไปหมดเลย น่าเสียดายที่น้องๆทั้ง 8 คนคงเพิ่งลงน้ำเป็นครั้งแรกเลยได้แต่เกาะรอบๆเรือ ไม่มีโอกาสได้มาดูสิ่งสวยๆงามๆ น่ารักๆแบบนี้


อ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ของนีโม่และดอกไม้ทะเลแล้วน่าสนใจ เป็นความสัมพันธ์ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน นีโม่เองก็ใช้ดอกไม้ทะเลเป็นที่หลบภัยจากศัตรูที่จะเข้ามาทำร้าย ส่วนดอกไม้ทะเลก็จะได้อาหารจากสัตว์น้ำตัวอื่นที่จะเข้ามาทำร้ายเจ้านีโม่


บางคนบอกว่าถ้าได้ลองดำน้ำแล้ว โดยเฉพาะ scuba แล้วจะติดใจจนต้องหาเวลาไปดำอยู่บ่อยๆ ท่าจะจริงแฮะ ขนาดผมดำแค่ snorkel ยังติดใจเลย ท้องทะเลนั้นมีอีกโลกหนึ่งซ่อนอยู่จริงๆ


ปะการังหลากหลาย หลายสิ่งหลายอย่างแปลกตาเราจริงๆ


ต่อจากนั้น พวกเราขึ้นเรือแล้วไปขึ้นฝั่งที่เกาะหินงาม โดยเรือขับอ้อมไปไม่ไกล


เดินเลาะมาอีกฝั่งหนึ่งของเกาะ หินนั้นกลมมนไม่มีเหลี่ยมเลย ไกด์บอกกับเราว่าใส่รองเท้าจะได้ไม่เจ็บ แต่ผมเลือกที่จะเดินเท้าเปล่า นัยว่านวดเท้าไปในตัว แต่ที่ไหนได้เจ็บเท้าหล่ะไม่ว่า เดินช้ากว่าเขาเพื่อนเลย


เกลียวคลื่นสาดเซาะลูกแล้วลูกเล่าสู่เกาะหินงาม หินที่งามอยู่แล้วยิ่งงามยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อต้องแสงแดด


หินงามเมื่อโดนน้ำแล้วต้องแสงแดดจะสะท้อนแสงราวกับกระจกยังไงยังงั้น
ใครมาที่เกาะนี้ กิจกรรมที่มักจะทำกันก็คือตั้งเรียงหินให้ซ้อนๆกันไป สูงเท่าไหร่ได้ยิ่งดี


ใครที่คิดจะนำหินไป ได้อ่านคำสาปนี้แล้วคงจะหนาวๆร้อนๆเลยหล่ะครับ
พี่ไกด์เล่ากับพวกเราให้ฟังว่าเคยมีเรื่องจริงที่มีคนหนึ่งมาเที่ยวแล้วนำหินเก็บไปที่บ้านรู้สึกจะภาคเหนือของไทย แต่แล้วก็ต้องส่งหินคืนมาทางพัสดุฝากให้ไปคืนที่เกาะหินงามด้วย ในใจความจดหมายบอกว่าตัวเองได้ไปเที่ยวที่เกาะนี้มาและนำหินไปแต่ตอนนี้ล้มป่วยไม่สบายมาก จึงนำหินมาคืนดังกล่าว ไม่รู้เหมือนกันว่าขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง


ผมมองไปมองมาคล้ายๆกับเมอรูของชาวบาหลีเลย ซึ่งจะมีเป็นชั้นๆเลขคี่ ดูสิครับ...หินงามซ้อนกันหลายกองเลยทีเดียว


หินกลมมนหลากหลายสีสันลวดลาย บ้างก็สีดำสนิท บ้างก็สีขาว บ้างก็มีสีน้ำตาล บ้างก็มีลายสีเหลืองมาแจม ช่างเป็นสิ่งที่ธรรมชาติจรรโลงได้อย่างสวยงามไม่มีที่ติเลยจริงๆ


จุดมุ่งหมายต่อไปคือเกาะหินซ้อน และจุดนี้จะไม่สามารถลงไปขึ้นเกาะได้ ทำได้เพียงจอดเรือนิ่งๆให้ถ่ายรูปกันจากภายในเรือ


อ้อมมาอีกมุมหนึ่งที่มองเห็นวางซ้อนกันอย่างชัดเจน อีกประติมากรรมหนึ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์อย่างลงตัว


แล้วก็ได้เวลาลงน้ำอีกครั้ง มีดอกไม้ทะเลอยู่เต็มไปหมด


ณ จุดนี้จะมีปะการังสีม่วงอยู่ แต่ระยะไกลดูไม่ค่อยชัด และได้เห็นปลาดาวสีขาวด้วย นอนนิ่งอยู่ก้นทะเล


จุดนี้ ปลาเสือก็เยอะใช่เล่น รู้สึกมันจะคึกคักมากเมื่อเจอกับนักท่องเที่ยวที่มาลงเล่นน้ำ ดูได้จากที่มันว่ายเล่นน้ำไปกับน้องๆที่ลงเล่นน้ำ


เที่ยงครึ่งก็ได้เวลาทานข้าวกลางวันแล้ว เรือพาพวกเราขึ้นเกาะที่หาดทรายขาว เกาะราวีนั่นเอง


ช่วงนี้มีเรือจอดเรียงรายหลายลำอยู่ เนื่องจากเป็นช่วงเที่ยงวันด้วย หลายกลุ่มคงจะมาทานข้าวกันที่นี่เหมือนกัน


ทานข้าวเสร็จก็ได้เวลาเดินย่อยอาหารกัน ณ ชายหาดทรายขาว


ใครๆที่มาที่เกาะราวี คงไม่มีใครพลาดที่จะถ่ายวิวซากไม้กับป้ายบอกชื่อเกาะแห่งนี้


และก็นี่ ชิงช้าที่ใครๆก็อยากนั่ง


นี่ด้วย...


ย่อยอาหารจนข้าวเรียงเม็ดแล้ว ไปดำน้ำที่หน้าหาดนี้กันเลย  ตอนแรกผมไม่ได้เอากล้องไปด้วยเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไรเนื่องจากอยู่ติดกับเกาะน่าจะพื้นๆ แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะที่นี่ ปะการังและฝูงปลาเยอะมากๆ ดูเจ้าตัวนี้สิ กล้าคนจนกระทั่งว่ายมาลาดตระเวนบริเวณกล้องผม คงสงสัยว่ามันคืออะไร กินได้หรือเปล่า บางตัวก็ตอดเนื้อคนด้วย จั๊กจี้จริงๆ


ทั้งปลาทั้งปะการังหลากหลายมากๆ จนผมกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง


ดำมาเรื่อยๆก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น ผมได้เจอหอยมือเสือสวยงามมากๆ เห็นกับตาก็ที่นี่ครั้งแรกแหล่ะ


ดำไปดำมาเริ่มสงสัยเหมือนกันว่าป้ายพื้นสีน้ำเงินตัวเลขสีขาวคืออะไร เห็นหลายจุดเหมือนกัน


โอ๊ โอ...ใครรู้ช่วยบอกหน่อยว่ามันคืออะไร มีสีชมพูด้วย


ดงหอยเม่น ถ้าน้ำตื้นหน่อยลอยลอยระวังๆหน่อยละกัน ไม่งั้นเจ็บแน่


สรรพชีวิตหลากหลายใต้ทะเลอันดามัน เกาะราวี


ผมดำมาเจอฝูงปลาชนิดนี้ ตอนแรกคิดว่าตัวเองคิดคนเดียวซะด้วย แต่พอมาถามกันเป็นอันว่าใช่ ก็คือฝูงปลานี้ว่ายลอยตัวใต้ทะเลแบบนิ่งมากๆ เน้นว่านิ่งมากๆ ไม่เคลื่อนไหวไปไหนเลย คิดว่าตายแล้วซะอีก แปลกดีแฮะ


ผมดำอยู่นานมาก ยิ่งใกล้บ่ายสองครึ่ง น้ำเริ่มลด ทำให้ปะการังนั้นอยู่ตื้นกับผิวน้ำมากๆ ดูได้จากรูปนี้ ด้านบนจะเป็นผิวน้ำแล้ว ลงมานิดเดียวก็จะเจอกับปะการังเลย


บ่ายสองครึ่ง เจ้าหน้าที่อุทยานก็เดินมายกธงแดงและเป่านกหวีดยาว ตอนแรกคิดว่าผมล้ำหน้าซะอีก แต่จริงๆแล้วเขาให้คนที่ดำน้ำอยู่ขึ้นไปดำตรงจุดอื่นดีกว่า เนื่องจากน้ำลดปะการังจะอยู่ตื้นทำให้เราอาจไปโดนปะการังได้ ผมเองก็พยายามที่จะออกอยู่พอดี มันตื้นจริงๆ ตื้นชนิดที่ว่าต้องนอนขนานไปกับผิวน้ำไม่งั้นโดนแน่ แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือหอยเม่นมันคอยจะจ้องเราอยู่
พอได้ยินเสียงนกหวีดก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผมเจอเจ้านีโม่ที่อยู่ตื้นมากๆ เลยขอเวลาเจ้าหน้าที่ 3 นาทีเพื่อเก็บภาพนี้ ไม่ผิดหวังจริงๆ เจ้านีโม่โผล่หัวออกมาทักทายกับเราพอดี


ต่อจากนั้นพี่ไกด์บอกกับเราว่า ได้เวลาที่จะไปดูปะการัง 7 สีแล้ว ให้เตรียมตัวลงเรือ แต่ก็ไปแวะที่เกาะอะไรสักเกาะหนึ่งก่อน เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่น้ำที่ร่องน้ำจาบังนิ่ง เลยได้ดำที่นี่ก่อน
เราเองก็ลงน้ำทั้งคู่ มาแล้วไม่ลงได้ไง แต่ดำดูไปดูมาก็เจอกับเจ้านี่ ปลาสิงโต หุ หุ ไม่เคยเจอมาก่อนอีกแล้ว จึงได้กลับไปเอากล้องมาลงน้ำอีกครั้ง รูปลบแล้วลบอีก เพราะมันเริ่มเต็ม 1 GB ตอนออกจากเกาะราวีแล้ว เป็นครั้งแรกที่ต้องมาลบรูปที่ไม่ต้องการออก ทริปนี้ถ่ายเยอะจริงๆ


ปลาสิงโตค่อยๆว่ายอย่างช้าๆสง่างามมากๆ


อีกรูปก่อนไปที่ร่องน้ำจาบัง


ต่อจากนั้นพี่ไกด์พาเราไปที่ร่องน้ำจาบัง นับว่าเป็นโชคดีของพวกเรามากๆที่เรือมาถึงอันดับต้นๆ และก็ได้จอดผูกกับทุ่นเลย พี่ไกด์โยนเชือกแล้วบอกว่าว่ายไปตามเชือกเลย เพราะจุดที่ดูมันอยู่ไกลออกไปจากเรือมาก พอได้ลงน้ำ พี่ไกด์อีกคนของเรืออีกลำตะโกนบอกว่า "รีบว่ายมาดูเร็ว ตอนนี้น้ำนิ่งไป 15 นาที หลังจากนั้นน้ำจะเปลี่ยนทิศแล้ว จะดูไม่ได้" 

พอว่ายและก้มไปดู โอ้ โห......สวยจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงในประเทศไทยเรา และมาเห็นกับตาตัวเองด้วย ผมแทบจะคลั่ง กดชัตเตอร์ไม่หยุด หามุมถ่ายไปเรื่อยๆ ช่างสวยจริงๆ พี่ไกด์ยังบอกอีกว่า ถ้านับไม่ถึง 7 สี ยังไม่ต้องไปไหนจนกว่าจะครับ 555 สุดยอดครับ


คงไม่มีคำบรรยายครับ ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต


สีแดง สีชมพู สีส้ม...


ปลาก็ว่ายมาเป็นนายแบบนางแบบอยู่หลายตัว


ฝั่งนี้ปะการังสีแดงสดจริงๆ


มาดูแบบรวมมิตรบ้างครับ เสียดายมากถ้าไม่โพสต์ เลยเอามาอยู่แบบ 4 in 1 ดีกว่าจะได้ไม่เปลืองเนื้อที่


ดูเพลินๆนะครับ


รูปสุดท้าย ก่อนจากร่องน้ำจาบังด้วยความสุขที่เก็บไว้อย่างเต็มเปี่ยม ขึ้นมาบนเรือต่างกรี้ดกร้าดกันว่าสวยงามมากๆ น้องบางคนไม่ได้ลงน้ำผมเลยเอารูปจากกล้องให้ดู และสัญญาว่าจะส่งรูปพวกนี้ไปให้ น้องๆทั้ง 8 คนเตรียมมาเซฟไปได้ครับ


หลังจากนั้น เรือก็พาเรามาส่งที่หาดหน้าทางขึ้น Mountain Resort เวลาประมาณ 16:45 น. โดยลงที่นี่กันทุกคนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่พักวารินทร์รีสอร์ทก็ตาม แต่น้องๆคงเดินกันเหนื่อยเลยนะเนี่ย เพราใช้เวลาเดินเกือบครึ่งชม.กว่าจะถึงที่วารินทร์
ผมและเพื่อนอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จก็เดินลงมาเพื่อจะไปเก็บภาพยามเย็น โดยเฉพาะพระอาทิตย์ตกที่หาด sunset เราเดินผ่านอันดามันรีสอร์ทที่อยู่ติดๆกับที่พักเรา ที่นี่น่าพักเหมือนกัน หาดทรายสวยและสงบ


ณ ชายหาดหน้าอันดามันรีสอร์ท


มาชมพระจันทร์สวยๆกันอีกวันครับ


ว่างๆ สงสัยต้องจัดทีมชวนไปเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาดที่นี่แล้ว


ไปวารินทร์หรือหาดอื่นๆต้องเดินผ่านมาที่นี่ โรงเรียนบ้านเกาะอาดัง นักเรียนที่ไหนจะมีความสุขเท่านักเรียนโรงเรียนนี้เป็นไม่มีแล้ว นั่งเรียนในห้องเรียนชะโงกหน้านิดเดียวก็ได้เห็นชายหาดและทะเลสวยๆ พอพักกลางวันก็ออกมาเล่นบาสหรือฟุตบอล ที่ข้างๆสนามเป็นชายหาดและทะเลสีคราม อิจฉาจริงๆจ้าน้องๆ


ต่อจากนั้น เราก็เดินไปเส้นทางอีกเส้นหนึ่งที่ทะลุไปยังหาดพระอาทิตย์ตก หรือ sunset แต่เส้นทางค่อนข้างเปลี่ยวกอปรกับแสงอาทิตย์ค่อนข้างจะมืดแล้ว ผมเลยให้เพื่อนเดินกลับไปก่อนแล้วผมเดินไปคนเดียว ล้มเลิกไม่ได้ มาทั้งทีต้องได้รูปพระอาทิตย์ตกหรือไม่ก็แสงสวยๆก่อนลับขอบฟ้าไป
เส้นทางนี้จะผ่าน Jack's Jungle Bar แล้วไปทะลุที่พรรีสอร์ท ในที่สุดก็ถึง


เนื่องจากจุดนี้มองไม่เห็นพระอาทิตย์ตก เพราะต้องข้ามเขาไป จึงได้แสงสุดท้ายมาแทนแต่แค่นี้ก็คุ้มแล้ว


ขาเดินกลับมาค่อนข้างมืดแล้ว แต่แสงพระจันทร์คืนนี้ส่องมาสว่างสวยจริงๆ จึงเก็บภาพไว้ ณ ชายหาดหน้าอันดามันรีสอร์ท
หลังจากทานอาหารมื้อเย็นที่รีสอร์ทแล้ว อากาศเริ่มเย็นโดยมีลมพักมาแรงๆกระทบตัว เราจึงกลับไปที่พักเพื่อนอนเก็บแรงหลังจากวันนี้เสียพลังงานมาทั้งวันและพร้อมสู่เช้าวันใหม่ในวันรุ่งขึ้นอีกครั้งต่อไป


เช้าวันใหม่
เช้าวันนี้ตื่นประมาณ 8 โมงเช้า ไม่สายมากนักเนื่องจากน้องสุและน้องนกนัดเราตามนี้ และเรือจะออกประมาณ 9:30 น.ช่วงเช้าวันนี้จึงเป็นช่วงเก็บตกกับบรรยากาศต่างๆ โดยเฉพาะที่รีสอร์ทแห่งนี้ ใครจะมาเที่ยวหลีเป๊ะ ที่นี่ควรค่าแก่การมาพักเลยครับ ผมรับรอง

จากกำหนดการเดิมว่าเรือจะมารับไปเรือใหญ่ต้องเปลี่ยนมาขึ้นอีกลำหนึ่งที่ออกประมาณ 10 โมงเนื่องจากทางทัวร์จะพาพวกเราไปแวะลงที่เกาะไข่เพื่อถ่ายรูปและเดินลอดซุ้มด้วย พอได้เวลาเราก็ต้องจากหลีเป๊ะไปแล้ว สาวน้อยผู้บอบบางแห่งอันดามันผู้นี้ เราหลงเราเธอเข้าเต็มเปา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เรามาเยือนแต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ยังมีครั้งที่ 2...3...4... รอการมาเยือนของเราอีกต่อไป


เรือพาเรามาที่เกาะไข่ เวลาประมาณ 11:50 น. บางคนไม่ลงเนื่องจากร้อน แต่ส่วนใหญ่จะลงกันไปดูและเดินลอดซุ้ม เขาว่า "ถ้าใครเป็นคู่กันและได้ลอดพร้อมกันก็จะได้แต่งงานหรือรักกันยิ่งๆขึ้นไป"


พอลอดผ่านมาก็จะเจอกันชายหาดกับน้ำทะเลใสๆไม่แพ้เกาะอื่นในละแวกนี้เหมือนกัน


คู่ไหนลอดแล้วก็ขอให้รักกันนานๆนะครับ ทริปหลีเป๊ะครั้งนี้ก็คงได้เวลาจบลงแล้ว กลับไปพร้อมกับความสุขและประทับใจไม่รู้ลืมกับไกด์ทัวร์, น้องๆสาวๆ 8 ชีวิตที่อยู่กลุ่มทัวร์เดียวกัน สถานที่ ธรรมชาติที่ยังคงอยู่ครบ บรรยากาศต่างๆ จึงไม่มีวันที่เราจะลืมสาวน้อยบอบบางแห่งอันดามันผู้นี้ไปได้ เธอคนนั้นคือ...หลีเป๊ะ 

ขอบคุณที่ติดตามชมจนจบ สวัสดีครับ
==========
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่มีรายนามดังต่อไปนี้ครับ
noo_jar : ช่วยให้ข้อมูลทั้งในเว็บ BP แห่งนี้และจากการโทรไปสอบถาม แถมยังโทรติดต่ออาดังซีทัวร์ให้อีกด้วย สุดท้ายพอไปถึงที่ปากบารา ไกด์ทัวร์ยังแอบบอกว่าคุณจ๋าโทรมาหาเมื่อวานแล้วบอกว่า"ฝากดูแลเพื่อนคนนี้ให้ดีๆด้วย" ขอบคุณมากๆกับน้ำใจที่มอบให้มากมากแม้ไม่เห็นหน้าคร่าตากัน
ninue : แนะนำการเดินทาง แถมบันทึกเดินทางที่ไปมาแล้วด้วย แต่จริงๆผมก็เข้าไปดูมาแล้วหล่ะครับ เลยได้ทราบว่าคุณ ninue คือใคร(ก็คนที่มีไฝใต้ตาซ้ายไงครับ อิอิ) 
->บังเอิญไหมที่เราได้พบกัน<- : ข้อมูลการเที่ยวหลีเป๊ะแบบง่ายๆ พร้อมเส้นทางการเดินทาง
NaturalGal : กับข้อมูลบันทึกเดินทางที่ไปมาก่อนหน้านี้
Exitbox : ช่วยแนะนำเรื่องไปเองหรือซื้อทัวร์ไป 
ชื่อไหนจะผ่าน : ช่วยแนะนำเรื่องไปเองหรือซื้อทัวร์ไป
k.j : รายนี้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ ผมได้ print ข้อมูลแบบเที่ยวเองของคุณ k.j ที่โพสต์ไว้ที่เว็บด้วย
LimitBreak : ช่วยแนะนำเรื่องไปเองหรือซื้อทัวร์ไป แนะนำราคาเรือหางยาวในการเช่าไปตามที่ต่างๆ ราคารถไฟ
เทอด : ช่วยแนะนำเรื่องไปเองหรือซื้อทัวร์ไป
^-^MyIdea : ช่วยแนะนำให้ซื้อทัวร์
Gypso : ช่วยแนะนำโปรแกรมและค่าใช้จ่ายคร่าวๆ
ด้วงพร้าว : ช่วยแนะนำบริษัททัวร์แต่ผมไม่ได้ใช้บริการ
อยากเป็นไกด์ ใครช่วยที : ให้ข้อมูลในเรื่องรีสอร์ทที่ไม่น่าพักในหลีเป๊ะ และผมก็ได้เข้าไปดูที่ blog ด้วย
ป้านิด : แนะนำให้ไปเองพร้อมกับโปรแกรมและราคาที่เคยไปมา ได้ทราบว่าป้านิดชอบแนวทะเลใต้อันดามัน 
jk (016) : แนะนำเทคนิคในการไปดำน้ำที่ร่องน้ำจาบัง
peachgirl79th : ช่วยแนะนำเรื่องไปเองหรือซื้อทัวร์ไป
นนทบุรี : ผมแอบไปอ่านเรื่องราวที่คุณไปกับแฟนมาครับ
และอีกหลายๆท่านที่ไม่ได้กล่าวถึง รวมทั้งเพื่อนๆที่เข้ามารอเชียร์และรอชมครับ flower

เว็บไซท์ที่เกี่ยวข้องและเบอร์โทรติดต่อ
http://www.adangseatour.com/ <--- อาดังซีทัวร์
คุณอิน แห่งอาดังซีทัวร์ : 089-735 7637
http://www.our-us.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=51812&Ntype=4 <--- คู่มือเที่ยวหมู่เกาะอาดัง-ราวี-หลีเป๊ะ ฉบับเดินทางเอง ของคุณ k.j 
http://www.kohlipethailand.com/travel_info.html <--- เว็บข้อมูลเกาะหลีเป๊ะล้วนๆ
http://www.kohlipethailand.com/island_map.html <--- แผนที่เกาะหลีเป๊ะพร้อมสถานที่สำคัญต่างๆ
http://www.mt-resort.com/ <--- เว็บเม้าเท่นรีสอร์ท
เบอร์โทรเม้าเท่นรีสอร์ท : 089 738 4580, 074 728 131(โกหงวน) 
http://www.varinbeachresort.com/ <--- เว็บวารินทร์รีสอร์ท
เบอร์โทรวารินทร์รีสอร์ท : 081 598 2225, 081 543 0505, 081 959 6542(คุณนรรถพล  คำพลี)
http://www.liperesort.com/ <--- เว็บหลีเป๊ะรีสอร์ท
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/11/E4874770/E4874770.html <--- หลีเป๊ะไปเองหรือซื้อทัวร์ดี

สรุปค่าใช้จ่าย
1.ค่าเดินทางด้วยเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปสนามบินหาดใหญ่(ไป-กลับ) = 5,987.72  บาท/ 2 คน
2.ค่าเดินทางด้วยรถเก๋งเหมาของคนอื่น(เดินทางไปกับเขาแบบกระทันหันยังไม่รู้ราคาด้วยซ้ำ) = 700 บาท/ 2 คน (ตกกะไดพลอยโจน)
3.ค่าแพ็คเกจทัวร์ของอาดังซีทัวร์ รวมค่าเรือไปกลับ(ปากบารา-หลีเป๊ะ), ค่าเรือหางยาวส่งและรับจากเรือใหญ่ขึ้นเกาะหลีเป๊ะ, ดำน้ำวันที่สองเต็มวัน, อาหาร 6 มื้อ = 3,400 x 2 = 6,800 บาท/ 2 คน
4.ค่าโรตี = 50 บาท
5.ค่ากาแฟสดและโอวัลตินเย็น(มื้อเย็นวันที่สองที่รีสอร์ท) = 100 บาท <--- แพง
6.ค่าถ่านอัลคาไลน์ 2 ชุด = 68 x 2 = 136 บาท
7.ค่ารถสองแถวจากตลาดกิมหยงไปสนามบินหาดใหญ่ = 15 x 2 = 30 บาท
8.ค่าคาปูชิโน่กับโกโก้เย็นร้านกาแฟที่สนามบินหาดใหญ่ = 65+65 = 130 บาท
9.อื่นๆ ค่าบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยว = ไม่เสียมีแต่ได้ 
รวมทั้งหมด 13,933.72 บาท หรือ 6,966.86 บาท/คน

ข้อมูลน่าสนใจจาก GPS iQue 3600
1.แผนที่เวอร์ชั่นของปี 47 มีหมู่เกาะตะรุเตา อาดัง ราวี หลีเป๊ะ แต่ไม่ได้แสดงว่าเกาะไหนชื่ออะไร แค่เขียนรวมๆว่า "อช.ตะรุเตา" สเกลยังผิดไปพอควรเพราะแทนที่จะเป็นทะเลกลับเป็นพื้นดินซะนี่
2.ระยะทางจากเกาะหลีเป๊ะฝั่งเม้าเท่นรีสอร์ท แวะเกาะไข่ ผ่านตะรุเตาและกลับท่าเรือปากบารา(ขากลับ) = 64.5 km.(ใกล้กว่าสิมิลันซึ่งห่งจากท่า 81.9 km.)
3.เวลาเดินทางจากเกาะหลีเป๊ะกลับฝั่งที่ท่าเรือปากบารา = 3-3.5 ชม.(ไม่รวมแวะเกาะไข่ 20 นาที)
4.เรือใช้เวลาจากปากบารามาถึงตะรุเตาประมาณ 1 ชม.
5.ความเร็วเฉลี่ยของเรือที่ทำได้ = 22-23 kph(ช้ากว่า speedboat เยอะที่ความเร็ว 54 kph)
6. Mountain Resort อยู่ที่พิกัดประมาณ N 06,29,31.9" , E 099,18,28.8"


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น