วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

มัลดีฟส์...หมู่เกาะในฝัน สรวงสวรรค์บนพื้นดิน ตอน 1 เดินทางสู่เกาะสวาท หาดสวรรค์ พักหรู เซ็นทาราแกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์


อาจมีหลายๆคนที่มีความฝันว่าครั้งหนึ่งจะไปเที่ยวมัลดีฟส์ให้ได้  เราก็เป็นคู่หนึ่งในนั้น บัดนี้ฝันที่วาดไว้ก็กลายเป็นจริงสักที

ย้อนกลับไปเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ บางกอกแอร์เวย์ได้ออกโปรโมชั่นตั๋วราคาพิเศษ ฉลองครบรอบ 45 ปี จึงไม่รอช้า เข้าไปสำรวจราคาตั๋วพิเศษนี้ เส้นทางก็ต้องเป็นกรุงเทพ-มาเล่ เมืองหลวงแห่งมัลดีฟส์ ปรากฎว่ามีราคาที่ลดจากปกติถึง 50% จริงๆ ด้วย และมีพอประมาณ จึงได้ลองแพลนระยะเวลาท่องเที่ยวคร่าวๆ คือไม่มากไปน้อยไปสัก 4 วัน 3 คืน น่าจะดี ใจจริงอยากเพิ่มอีกวัน แต่ลองดูแล้ว ราคาที่พักก็เพิ่มขึ้นอีกทีเดียว บวกกับลางานได้ไม่มากนัก จึงเลือกที่จะไปแค่ระยะเวลาเท่านี้

วันเดินทางลงตัวที่เดือนกันยายน เร็วกว่านี้ก็จะมีงานที่ต้องสะสาง ไม่สามารถไปได้ เอาช่วงนี้ละกัน
เดินทางวันอาทิตย์กลับวันพุธ(เพราะไปวันอื่นจะราคาสูงกว่านี้) ปีนี้รู้สึกว่าเวลาเครื่องออกจะอยู่ช่วงเช้าและไปถึงสนามบินมาเล่ช่วงบ่ายๆ ทำให้สามารถเข้าพักในรีสอร์ทที่มัลดีฟส์ภายในวันแรกที่เดินทางได้เลย ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่ไปถึงสนามบินมาเล่ในช่วงค่ำ จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางไปเกาะภายในวันแรกที่เดินทางถึง ต้องพักค้างคืนที่ตัวเมืองมาเล่และค่อยไปเกาะในวันรุ่งขึ้นแทนซึ่งจะเสียเวลามาก แต่สุดท้ายแบบไหนจะคุ้มกว่ากันต้องลองดูกันต่อไปครับ

ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-มาเล่-กรุงเทพ ก็จบลงด้วยราคา 12,705 บาท/คน ราคาสุทธิแล้ว
ต่อไปก็เว้นช่วงสัก 1-2 อาทิตย์เพื่อหาข้อมูลที่พักหรือแพ็คเกจที่พักที่น่าสนใจอื่นๆ หาไปหามา หลายแหล่งมากทั้งเอเยนซี่ที่ดังๆอย่าง Atoll Paradise (เพิ่งมาทราบว่ามีปัญหาไม่จ่ายเงินให้กับรีสอร์ท) ซึ่งราคาก็ถีบตัวสูงมาก, เว็บมัลดีฟส์แพ็คเกจก็หาด้วย แต่ราคาจะแพงและไม่ตรงตามความชอบเรา, ติดต่อทางรีสอร์ทโดยตรง ก็ได้ราคาแพงเช่นกัน

สุดท้ายไปได้เว็บจองที่พักชื่อดังอย่าง Agoda นั่นเอง เปลี่ยนที่พักหลายที่ เอาแบบที่คนรีวิวให้คะแนนสูงๆ ซึ่งราคาก็สูงขึ้นไปด้วย แล้วเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้เลยที่จะมาพักที่รีสอร์ทบนเกาะในมัลดีฟส์ครั้งแรกนี้คือ ต้องนั่งซีเพลน (Seaplane) ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ เราคงไปไม่บ่อย อาจจะแค่ครั้งเดียว ยังไงก็ต้องเลือกนั่งซีเพลน ซึ่งเป็นช็อตบังคับในทริปนี้เลยก็ว่าได้

หาหลากหลายรีสอร์ท เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนปวดหัว ยังไม่ได้ข้อสรุป จนสุดท้ายจริงๆ ตัดใจเลือกรีสอร์ทที่เจ้าของเป็นคนไทย และเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวหลายคนทีเดียวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นั่นก็คือ Centara Grand Island Resort & Spa Maldives

โชคดีตรงที่ช่วงก่อนจะจองมีโปรโมชั่นจากบัตรเครดิตทั้งของ Standard Chartered และ ธนาคารกรุงเทพ ที่ลดพิเศษอีก 7% เมื่อจองที่พักจาก Agoda เลยได้ใช้โปรนี้พอดี ยิ้ม

ลืมบอกไปว่า แพ็คเกจที่พักที่เราเลือกนั้นคือ All-Inclusive Package จะได้มั่นใจไปเลยว่าจะไม่เสียเงินอีกแล้ว ! แต่ราคาก็แรงน่าดูทีเดียว 555

แบบบ้านพักก็เลือกแค่ Deluxe Water Villa พอ ดูๆมาแล้ว ไม่จำเป็นต้อง Luxury Sunset Water Villa ได้วิวใกล้เคียงกัน เอาส่วนต่างไปทำอย่างอื่นดีกว่า แล้วมาดูกันว่าคุ้มหรือไม่นะครับ

เอาหล่ะ ขอเริ่มพาเพื่อนๆ มาเที่ยวมัลดีฟส์...สรวงสวรรค์บนพื้นโลกกลางมหาสมุทรอินเดียกันเลยครับ


เช้าวันอาทิตย์ ตื่นนอนแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวมาสนามบินสุวรรณภูมิ
ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราเดินทางด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ บูทีคแอร์ไลน์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือไปเข้าเล้าจน์ของที่นี่ ชั้นประหยัดก็เข้าได้ครับ


ที่นั่งสีสดใสมากๆ  เข้ามาถึงที่เล้าจน์เกือบ 7 โมงครึ่ง คนไม่เยอะมาก


เห็นเขาบอกว่าถ้าเข้ามาที่เล้าจน์บางกอกแอร์เวย์ ต้องมาทานข้าวต้มมัดให้ได้  ไหนดูซิ อร่อยขนาดไหน ปรากฎว่ารสชาติอร่อยดีครับ ทานเยอะกว่าอย่างอื่นเลย


9.30 น. ก็เริ่มเทคออฟแล้วครับ ตรงเวลาดี  ตอนนี้กำลังบินผ่าน IKEA และ MEGA BANGNA


และก็ค่อยๆ ข้ามผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จุดที่น่าจะสวยที่สุดจุดหนึ่ง


ประมาณ 10.30 น. ก็เริ่มเสริฟอาหารหนักกัน  ผมเลือกทานบะหมี่ไก่อย่างที่เห็น รสชาติอร่อยดีครับ


ระหว่างทางก็อ่านหนังสือบ้าง หลับบ้าง


วันนี้ฟ้าไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ เมฆเยอะมาก เลยมองเห็น Atoll ไม่ค่อยชัดเจนซะทีเดียวนัก

Atoll หรือ เอตอลล์ หรือ อะทอลล์ เป็นเกาะปะการังรูปวงแหวนที่ล้อมรอบลากูน ที่อาจล้อมปิดลากูนโดยสมบูรณ์หรือล้อมรอบเป็นบางส่วนก็ได้
อะตอลลหน้าสุดเป็นสนามบินมาเล่ มองเห็นรันเวย์อย่างชัดเจน ส่วนที่อยู่ถัดไปด้านซ้ายก็น่าจะเป็นตัวเมืองมาเล่


ถึงแล้วครับ สนามบินนานาชาติอิบราฮิม นาเซอร์ มัลดีฟส์  แดดแจ๋เลยทีเดียว เหมาะกับการมาเกาะมากๆ


ผ่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จก็ออกมาข้างนอกมองหาเคาน์เตอร์ของ Centara Grand Island Resort & Spa Maldives อยู่เคาน์เตอร์ 12 ด้านซ้ายมือ เข้าไปเช็คอินเลยครับ


เจ้าหน้าที่เสื้อสีแดงพาไปออกตั๋ว Seaplane ที่เคาน์เตอร์ Trans Maldivian พร้อมบริการชั่งน้ำหนักสัมภาระ และอื่นๆให้เสร็จสรรพ โดยไม่ต้องติดต่อเองเลยครับ


เสร็จแล้วก็ได้ตั๋ว Seaplane มาแบบนี้ครับ ของเรา Terminal C ไกลสุด


ได้ตั๋วแล้วก็ยืนรอรถแบบนี้นะครับ เดี๋ยวก็จะมาอีกคัน รอไม่นานเหมือนรถเมล์บ้านเรา


ถนนที่จะไปขึ้น Seaplane ก็ทำเลียบทะเล อ้อมสนามบินมาเล่นี้ไป
ด้านที่เห็นตึกรามบ้านช่องที่ไกลออกไปตรงฝั่งโน้น ก็คือตัวเมืองมาเล่นั่นเอง แทบจะเรียกได้ว่าระดับเดียวกับทะเลกันเลยทีเดียว เสียวน้ำท่วมแทนจริงๆ


ทะเลฝั่งเครื่องบินเข้ามาลงจอด คลื่นแรงมากๆ คลื่นม้วนเป็นเกลียวเลยทีเดียว เสียงคลื่นกระทบฝั่งก็เสียงดัง ดูน่ากลัว


รถจอดส่งนักท่องเที่ยวที่ Terminal A --> B และสุดท้ายที่ C
Terminal นี้จะไม่ได้ติดแอร์ แต่อากาศก็ไม่ร้อน สบายๆ หลังคาสูงโปร่งเป็นไม้ไผ่สาน เก้าอี้และโต๊ะไม้ดูเข้ากันดีครับ


ที่นี่มีเกท A, B, C สีฟ้ากับทะเลสีสดมากๆ มองเห็นหอบังคับการบินอยู่ไกลๆ


เรามาถึงมาเล่เร็ว แต่ต้องมารอ Seaplane ที่นี่ถึง 2 ชม. ชักจะไม่เวิร์คซะแล้ว หรือช่วงนี้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเยอะ ไฟล์ทบินของ Seaplane เลยคนเยอะ


แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็คงต้องใช้เวลาที่รอให้เป็นประโยชน์ นั่นคือหามุมสวยๆถ่ายรูปไปเรื่อย


แต่ก็หามุมถ่ายรูปได้ไม่เบื่อเลยครับ เพราะเราไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน


เครื่องบินน้ำก็จะมี 2 สีด้วยกัน สีเหลืองและสีแดง เรามาลุ้นกันว่าจะได้ขึ้นสีอะไรหว่า


ลำนี้ยังไม่ใช่ของเรา(นั่นนะสิ ไม่งั้นถ่ายรูปได้ไง) กำลังจะเทคออฟแล้วครับ


หลังจากรออยู่ด้วยกัน 2 ชม. สุดท้ายจนท.ก็มาบอกพวกเราและคนอื่นๆที่จะไปเที่ยวเดียวกันว่า ให้ไปขึ้นรถมินิบัสเพื่อไปขึ้นเครื่องบินน้ำที่ Terminal B อ้าว....ไหงกลับไปกลับมาละเนี่ย ก็ก็ไปตามปกติไม่มีโวยวายนะ
ที่ Terminal B ห้องรอแต่ละเกทติดแอร์ครับ รอสัก 5-8 นาทีก็ได้เวลาขึ้นเครื่องสักที นักท่องเที่ยวในลำนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนนะครับ แปลกมากๆ ไม่เคยเจอมาก่อน ฝรั่งหัวแดงแค่ 2 คนเอง
ลำนี้ไปส่ง 3 รีสอร์ทด้วยกัน ที่แรกคือ คอนราด และที่ 2 คือ Centara Grand และที่สุดท้ายคือมัซฟูจี หรืออะไรสักอย่างครับ ใกล้ๆกับ Centara Grand แหล่ะ


เครื่องบินลอยเหนือทะเลแล้ว เสียงจากเครื่องยนต์ดังมากๆทีเดียว แต่ก็พอทนได้ครับ เคยขค้นเครื่องใบพัดมันจะต้องมีให้อุดหูนี่หน่า แต่นี่ไม่มี
วิวสวยและแปลกตาอีกแล้วครับ เมืองหลวงมาเล่นั่นเอง


ดูเมืองมาเล่กันแบบเต็มๆ สังเกตตึกรามบ้านช่องเขามีสีสันนะครับ สีเหลืองสีฟ้าสีน้ำเงินสีแดง


ช่วงนี้กล้องกลับมาทำงานหนักอีกครั้งหนึ่ง กดชัตเตอร์รัวๆไปเลยครับ วิวที่เห็นสวยงามทุกวิว โดยเฉพาะอะตอลล์ที่มีรีสอร์ทอยู่ อันนี้รีสอร์ทแรกๆที่ไม่ไกลจากสนามบินนัก


เครื่องบินน้ำบินผ่านไปไม่ไกลนัก(ไม่ถึงนาที) ก็จะพบกับอีกรีสอร์ทหนึ่งที่อยู่ใกล้กัน ยอมรับว่าช่วงนี้มีความสุขมากๆ เพราะแต่ละวิวนี่สวยงาม อยากพักไปหมดเลย


เครื่องบินเริ่มไต่ระดับสูงขึ้น ได้เห็นอะตอลล์แบบมุมกว้างมากขึ้น


แปลกตาๆ


Atoll ที่เห็นด้านหน้ายาวมากๆ


Atoll ในมัลดีฟส์จะเรียงตัวในแนวเหนือใต้ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,200 เกาะเรียงรายเป็นประเทศรวมแล้วประกอบไปด้วย 22 Atolls 


ลองซูมเข้าไปใกล้ๆดูครับจะเจอทรายและแนวปะการังทับถมอยู่


โอว....กว้างใหญ่ไพศาล


รีสอร์ทอีกที่หนึ่งครับ น่าไปใช่มั้ยล่าาาา


ซูมเข้าไปดูใกล้ๆที่รีสอร์ทดังกล่าว สวยจัง


ถึงแล้วครับ Conrad Maldives ก่อนจะเลี้ยวมาลงจอด


มีเจ้าหน้าที่ยืนรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ ที่รีสอร์ทนี้มีลง 2 คนครับ


ส่งนักท่องเที่ยวเสร็จก็เริ่มเร่งเครื่องเทคออฟไปต่อที่ต่อไป


อีก 8 นาที Seaplane ก็พาเราบินเหนือรีสอร์ที่เราได้จองไว้  เซ็นทาราแกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์ (Centara Grand Island Resort & Spa Maldives)


วิว เซ็นทาราแกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา มัลดีฟส์ (Centara Grand Island Resort & Spa Maldives) เต็มๆ ที่เก็บภาพไว้ได้

ความรู้สึกแรกยอมรับว่าสวยตั้งแต่ยังไม่ได้ลงที่ทะเลเลย ใหญ่และกว้างกว่ารีสอร์ทอื่นๆที่เห็นผ่านตามา รู้สึกว่าเลือกถูกที่เลือกมาพักที่นี่ครับ


เครื่องบินน้ำได้บินเลยไปก่อนแล้วลดระดับค่อยๆหันหัวกลับมาอีกครั้งเพื่อแล่นลงจอด

สักพักก็จอดสนิทพร้อมกับนักท่องเที่ยวลงที่รีสอร์ทนี้ด้วยกัน 3 คู่ หรือ 6 คนด้วยกันรวมเราทั้งสอง


พอดีกับการเดินลงที่โป๊ะ เรือของรีสอร์ทก็มารับพวกเรา เรือแล่นผ่าน Deluxe Family Water Villa


และผ่าน Beach Front Villa


ก่อนจะเข้าโซนรีเซฟชั่นมองเห็นเรือแบบชาวมัลดิเวียนจอดเรียงรายอยู่


และสุดท้าย ผ่านโซน Luxury Sunset Water Villa สังเกตได้จากทุ่นสีส้มทางขวามือ


เจ้านหน้าที่มาชี้แจงและขอเอกสารเช่นใบ Voucher และพาแต่ละคู่ไปยังที่พักของแต่ละคู่ครับ

1 คู่จากญี่ปุ่นซึ่งมีอายุแล้วมาพักที่ Luxury Sunset Water Villa ส่วนอีก 2 คู่รวมทั้งเราพักที่ Deluxe Water Villa

ตอนแรกคิดว่าจะได้นั่งรถกอล์ฟเพราะเห้นวิ่งผ่านไปมา แต่เปล่าเลย ต้องเดินไปครับ เดินตามเจ้าหน้าที่ผู้หญิงไป เฮ้อ...ไกลมาก  ถกอล์ฟมีไว้ขนสิ่งของเท่านั้น ผมไม่เห็นมีแขกคนไหนได้ใช้บริการรถกอล์ฟเลยครับ


มัลดีฟส์เวลาช้ากว่าไทย 2 ชม.ครับ บ่าย 4 โมงนิดๆก็เดินไปที่ห้องพักกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงแต่ไม่ใช่คนไทยนำไป

จะเห็นเรือคายัคและเรือถีบมีให้เล่นฟรีสำหรับแพ็คเกจ All Inclusive นะครับ สีดสดใสทีเดียว


บ้านพักที่ได้ถือว่าโลเคชั่นดีมากๆ เพราะอยู่สุดของซอยกันเลยทีเดียว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกด้วย บ้านพักหมายเลข 89 ด้านซ้ายมือครับ โชคดีๆ


ยืนอยู่หน้าบ้านพักแล้วมองย้อนกลับไปหาทางเดิน ไกลพอควรเลยนะเนี่ย


เชิญเข้ามาสำรวจภายในห้องพักด้วยกันครับ ประตูเปิดออกทางด้านขวา มีแผนผังบนเกาะและข้อควรระวังเวลาดำน้ำติดไว้


เดินเข้ามาภายในครับ รู้สึกสบายตาด้วยโทนสีขาว และสีฟ้าจากโต๊ะทำงานจริงๆ


มีหน้าต่างหลายบานพร้อมม่านบังแดด เห็นวิวทะเลรอบตัวไปหมด


ด้านขวามือจะเป็นประตูเปิดสู่ห้องน้ำ สะอาดตาดีครับ มีอ่างจากุชชี่ให้ใช้บริการด้วย


ที่อาบน้ำ กระจก อ่างล้างหน้า


ประตูห้องน้ำยังสามารถเปิดออไปสู่ชานด้านนอกระเบียงอีกด้วย เหมาะสำหรับเสร็จจากดำน้ำตื้นที่ทะเลด้านหลังแล้วเดินเข้ามาที่ห้องน้ำเลยไม่ต้องผ่านห้องนอน


เดินสำรวจนอกชาน


มองออกไปทางทิศตะวันตก นอกชานจะมีโต๊ะจิบกาแฟและเตียงอาบแดดด้วยครับ น้องๆ Luxury Sunset แหล่ะครับ โดยไม่จำเป้นต้องจ่ายแพง


ข้างบ้านพักยังไม่มีคนเข้าพักครับ ช่วงวันแรกจึงเงียบๆ  ด้านซ้ายมือจะมีบันไดลงไปดำน้ำตื้นได้เลย สะดวกดีมากๆ และปลาเยอะเต็มไปหมดเลยครับ


วกกลับเข้าไปในห้องพัก จะเจอกับเตียงนอน ซึ่งที่เห็นตอนแรกคิดว่าเตียงเดียวแบบ King size แต่พอลองได้นอน มันคือเตียง 2 เตียงมาต่อกันนี่หว่า มันมีช่องว่าง และไม่เป็นมืออาชีพเลยเรื่องเตียงนี้

มุมนี้ยังมองเห็นวิวบ้านพักแบบ Luxury ที่อยู่ไกลออกไปผ่านช่องหน้าต่างด้านข้าง


อีกมุมหนึ่งที่มองเห็นทีวี LCD อยู่ตรงมุมพอดี


ห้องโล่งโปร่ง มีแอร์ 1 ตัว ทำงานหนักทีเดียว วันที่ 2 ถึงจะเห็นผลว่า มีน้ำหยดครับ แต่ก็ให้จนท.มาแก้ไขได้ ถ้ายังไม่เย็นก็เปิดพัดลมช่วยได้อีก


มีแชมเปญจน์เย็นๆ พร้อมเสริฟให้เราสอง


ผลไม้สดเลือกทานได้เลย แต่แหม...มีดปลอกผลไม้หายไปไหน??


ตรงจุดนี้ สีผนังด้านขวาก็ยังทาไม่เนียนนะครับ วิวด้านนอกเห็นทะเลสีน้ำเงิน หาที่อื่นไม่ได้แล้ว


มีหนังสือให้อ่านเล่น มีปลั๊กไฟให้เสียบชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้า


ไม่นาน พนักงานก็มาเคาะประตู นำอาหารมาเสริฟครับ มื้อนี้เลือกผัดไทย และข้าวแกงกระหรี่ ก็อร่อยดีครับ


ทานอาหารเสร็จก็แดดแก่เต็มที เดินย่อยอาหารไปด้านนอกชาน มองเห็นรีสอร์ทอีกรีสอร์ทหนึ่งที่เหลือนักท่องเที่ยว 2 คนไปพักที่นั่นจากเครื่องบินน้ำลำเดียวกัน


พระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที่แล้วครับ เริ่มดูเหงาๆขึ้นมาแล้ว


ใครมองเห็นนกกระสา(หรือเปล่า) กำลังยืนอยู่บนประการังบ้างเอ่ย?


กลมดิ๊กก่อนตกลงในทะเล เป็นอันว่าราตรีนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว


ได้เวลาออกไปสำรวจเกาะและสถานที่อื่นๆกันแล้วหล่ะ เก็บภาพก่อนแสงสุดท้ายจริงๆจะลับฟ้าไป ณ Deluxe Water Villa


เดินกลับไปที่ Aqua Bar กัน เมฆที่เห็นอย่างกับควันไฟที่กำลังลุกไหม้


ที่ Aqua Bar เวลานี้คนยังไม่เยอะเท่าไหร่ครับ


ป้าย Centara Grand  Island Resort & Spa Maldives ที่ดูจะอ่านไม่ค่อยจะออกเท่าไหร่


เดินไปทานอาหารที่ Reef Restaurant เพราะวันแรกยังไม่ได้จองร้านอาหารที่ไหน

ด้านที่เห็นเป็นแบบ Outdoor อากาศเย็นสบายดี


ทานอาหารไปด้วย ชมพระจันทร์ส่องแสงไปด้วย


ผ่าน Coral Bar ก่อน วันนี้ยังไม่ได้นั่งดริ๊ง ไว้วันหลังค่อยมากัน


ก่อนกลับเข้านอน ขอเก็บภาพแสงไฟจากที่บ้านพักและทางเดินก่อน อันนี้ของ Deluxe Water Villa


ฝั่งซ้ายเป็นไฟจาก Luxury Sunset Water Villa


ขอจบด้วยภาพนี้ เจ้าปลาฉลามน้อยที่ถ่ายยากมาก จนต้องใช้โหมด Manual Focus ถึงจะถ่ายได้

แล้วเที่ยวกันใหม่วันรุ่งขึ้น จะพาไปดำน้ำตื้น ราตรีสวัสดิ์ครับ....


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. ความฝันเป็นจริงแล้ว ทริปมัลดีฟท์ที่แสนประทับใจได้เริ่มขึ้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด คือ พี่อาร์ตป่วยแบบกระทันหันเดินไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 56 จนคิดว่าไม่รู้จะหายทันรึเปล่า แต่โชคดีที่อาการเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งวันเดินทาง 22 ก.ย. 56 ก็ยังต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราไปด้วยกัน ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ตื่นเต้นมากๆ กับการนั่งซีเพลนครั้งแรก ชมวิวอะทอลล์จำนวนมากมาย และรีสอร์ทที่เราเลือกพัก ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ทั้งบรรยากาศโดยรอบ ธรรมชาติ บ้านพักสวยๆ และอาหารอร่อยๆ

    ตอบลบ