วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

มัลดีฟส์...หมู่เกาะในฝัน สรวงสวรรค์บนพื้นดิน ตอน 2 จองดำน้ำตื้นช่วงบ่าย และกลับมาดำน้ำตื้นเองหลังบ้านพัก ตกเย็นร่วมโปรแกรม Sunset Cruise ชมพระอาทิตย์ตกทะเล


หลังจากเหนื่อยล้ากับการเดินทางทั้งวันเมื่อวานนี้ ทำให้เมื่อคืนได้หลับเต็มอิ่ม หลับสบาย วันนี้ซึ่งเป็นวันที่สอง ก็เลยตื่นสายๆ กัน 

เริ่มวันใหม่ด้วยอาหารมื้อเช้าที่ Reef Restaurant ส่วนอาหารกลางวันได้จองที่ Azzuri Mare Italian Restaurant และช่วงบ่ายก็ค่อยเริ่มโปรแกรมของรีสอร์ทกัน โดยเมื่อวานเย็นได้จองดำน้ำตื้นไว้ (Snorkelling Trip) ช่วง 14.00 - 16.00 น.ในวันนี้ และช่วงเย็นก็ได้จองโปรแกรม Sunset Cruise เวลา 17.30 - 19.00 น. เพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกทะเลโดยนั่งเรือไป เจ้าหน้าที่รร.บอก ถ้าโชคดีได้เจอโลมาว่ายมาโชว์ด้วย

วิวตอนสายๆ ที่มองออกจากหน้าต่างบ้านพักไปยังฝั่ง Luxury Sunset สีน้ำตาลดำๆ จะเป็นแนวปะการัง ส่วนสีฟ้าใสด้านล่างเป็นทราย

แนวของปะการังด้านซ้าย จวบจนถึงแนวทะเลลึกสีน้ำเงินเข้มด้านขวา


ได้เวลาเดินไปห้องอาหาร Reef แล้วหล่ะครับ  จากบ้านพักมาที่นี่ก็ไกลพอควร แต่ค่อยๆเดินไป ทรายที่นี่ไม่ละเอียดเท่าหลีเป๊ะ หาดพัทยา เนื่องจากเป็นทรายที่เกิดจากการแตกหักของปะการัง จึงหยาย เผลอๆ จะบาดเท้าด้วยซ้ำไป เราเลี้ยวซ้ายไปตามป้ายแสดงสถานที่ด้านขวาเลยครับ


โต๊ะทานอาหารที่อยู่ outdoor ซึ่งเหมาะสำหรับช่วงเย็น แต่ตอนนี้คงร้อนเกินไป สังเกตจะเห็นวิวรีสอร์ทใกล้ๆ


เราเลือกนั่งในร่ม เย็นสบายดี พื้นเป็นทราย มีให้เลือกหลายที่นั่งด้วยกัน ที่ Reef Restaurant จะเป็นบุฟเฟต์ และไม่ต้องจองล่วงหน้า สามารถมาทานได้เลยทั้งมื้อ เช้า กลางวัน และเย็น


มื้อเช้าวันนี้เป้นอาหารฝรั่งสไตล์ยุโรป เบคอนทอดเค็มไปหน่อยครับ


ทานเสร็จก็มาถ่ายเก็บบรรยากาศ ที่นี่จะมีสระว่ายน้ำด้วยครับ ซึ่งอยู่ระหว่าง Coral Bar กับ Reef Restaurant


เดินกลับไปหาเครื่องดื่มแถวล็อบบี้ หรือ Aqua Bar ครับ ตรงนี้เป็นวิวที่มองไปยังบ้านพัก Luxury Sunset


เดินไปตรงกลางทางเดินเข้า Luxury Sunset น้ำใสสุดๆ


บ้านพักฝั่งขวามือ ฝั่งนี้ที่หันหน้าสู่ทะเลก็จะเป็น Sunrise คือพระอาทิตย์ขึ้น


มาชมวิวบ้านพักฝั่งซ้ายมือบ้าง


บ้านพัก Deluxe Water Villa มองจาก Aqua Bar น้ำใสแหน๋ว


ได้เวลา ก็เดินกลับไปบ้านพักกันที่ Deluxe Water Villa ผ่านจุดที่เรียกว่า Water Sport


มองจากด้านหน้าห้องพัก ปะการังน่าลงไปดำดูมากๆ เอาไว้กลับมาจากทริปดำน้ำข้างนอกก่อน


กลับไปงีบที่ห้องพักสักหน่อย พอเกือบๆบ่ายโมงก็ได้เวลาไปทานอาหารกลางวันที่ Azzuri Mare Italian Restaurant ซึ่งเปิดบ่ายโมงตรง ร้านอาหารนี้ต้องจองก่อนครับ ไม่งั้นเข้าไม่ได้  ร้านตั้งอยู่ใกล้ๆกับ Aqua Bar ทางเดินเข้า Luxury Sunset วิวติดริมทะเลเลย


ทานอาหารอิตาเลี่ยนเสร็จ แต่ยังไม่ทันได้ทานของหวานก็ต้องรีบไปเช็คอินที่ Water Sport เพื่อจะไปดำน้ำตื้น เลยอดลองของหวานไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่าเนี่ย

แล้วก็ได้เวลาลงเรือเพื่อเดินทางไปประมาณ 15 นาที


ได้เวลาลงน้ำ เตรียมพร้อมดำน้ำ สู้ตายฮับ


วิวที่ลงไปดำ ก็ไม่ค่อยเจออะไรสักเท่าไหร่ เจอแต่ปะการังแข็ง


ก็ได้เจอปลาบ้างครับ แต่ไม่เยอะและไม่หลากหลาย


ค่อนข้างรู้สึกผิดหวัง เลยดำดูไม่นานก็ขึ้นเรือแล้ว เพราะไม่ค่อยเจออะไร


สักพัก ก็ทะยอยกลับขึ้นเรือ และเรือเริ่มแล่นกลับมาที่รีสอร์ทอีกครั้ง

พอมาถึงรีสอร์ทพักสักหน่อย เสร็จแล้วก็ไม่รอช้าดำน้ำต่อ โดยลงที่หลังห้องพักเลย เพราะปลาว่ายเยอะดี ทำไมต้องเสียเวลาไปตั้งไกล


พอลงไป ปะการังอยู่ตื้นมากๆ ต้องลอยตัวดีๆครับ  ภาพที่เห็น เหล่าปลาแหวกว่ายมาแถวๆรอบบันได ไม่ต้องไปที่ไหนไกลจริงๆ


ปลาหลากหลายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวยาวๆ ปลาปักเป้า ปลาลายเสือ และอื่นๆที่จำชื่อไม่ได้


ดำจนเพลิน อย่างกับตู้ปลาส่วนตัว


ดำเพลินระวังเผลอไกลออกไปจากแนวปะการังครับ ต้องรีบว่ายกลับมาใกล้ๆ


บางทีก็สลับขึ้นไปรับอากาศบริสุทธิ์บ้าง แล้วก็กลับมาดำน้ำต่อ


ดูกันเพลินๆ


ตระไคร่จับที่ขั้นบันได เดินขึ้นลงก็ต้องระวังลื่นด้วย


ถ้าใครมาก็อย่าไปเสียเวลาไปดำน้ำตื้นกับทางรีสอร์ทนะครับ เพราะที่ดำน้ำอยู่ตรงตีนบันไดบ้านพักท่านแล้วครับ
ปลาว่ายเยอะมากครับ


ดำน้ำพอสมควรแก่เวลา ก็ขึ้นมาอาบน้ำ สักพักพอตกเย็น ก็ได้เวลาไปรวมตัวที่ Aqua Bar เพื่อรอเรือไปดุพระอาทิตย์ทะเลกันแล้ว


ย้อนแสงไปยัง Luxury Sunset สักหน่อย


ระหว่างรอเรือ ก็ฟังเพลงจากนักดนตรีทั้ง 3 ท่านกันก่อน จะคอยขับกล่อมนักท่องเที่ยวช่วงเย็นๆ ณ Aqua Bar


สั่ง Ocean Blue กับ Red Sea มาดื่มกันก่อน เราดื่มไม่อั้นอยู่แล้ว


17.30 น. ก็ได้เวลาลงเรือกัน นักท่องเที่ยวเป็นชาวจีนซะส่วนใหญ่เลย ไม่เคยเจอมาก่อน ฝรั่งหัวแดงไม่ค่อยมี


เรือจะแล่นผ่านจุดนี้ คือโป๊ะที่รอ Seaplane ทั้งขามาและขากลับ แสงน้อยลงเต็มทีแล้ว


ผ่านห้องพักเราด้านขวามือครับ ยังมีเสื้อชูชีพตากอยู่เลย


แสงอาทิตย์ขี้อายหลบก้อนเมฆไปละ


ผ่านรีสอร์ทเพื่อนบ้านที่เราเห็นจากห้องพักและ Reef Restaurant


เป็นเกาะไม่ใหญ่มาก ถ้ามองจากจุดนี้


มีมุมเอกเขนกกลางทะเล?


ผ่านอีกรีสอร์ทหนึ่ง ตอนนี้ฟ้ากำลังสวยเลย


มองกลับมายัง Centara Grand Island เมฆมันแปลกๆจัง เหมือนฝนจะใกล้ตก


และก็ได้เวลาเรือแล่นกลับรีสอร์ทแล้ว สรุปโปรแกรมเย็นนี้ไม่ได้เห็นอะไร ถือว่าทัวร์รีสอร์ทใกล้เคียงละกันครับ แต่มีเครื่องดื่มเสริฟระหว่างทริปนะครับ จะไวน์แดงไวน์ขาว แชมเปญจน์ น้ำอัดลมมีหมด


พอถึงฝั่งเสร็จก็รีบเดินไปจองคิวทำสปากันเลย เดี๋ยวจะปิดซะก่อน พนักงานเป็นคนไทยครับ โดยที่สปานี้จะมีพนักงานคนไทยมากสุดจากจุดอื่นๆของรีสอร์ท


เดินกลับไปที่ Aqua Bar ก่อน หาเครื่องดื่มทาน


พอได้เวลา 20.00 น. ก็ไปทานอาหารไทยที่ Lotus Thai Restaurant

อาหารรสชาติไทยแท้จริงๆ เพราะแม่ครัวคนไทย แต่คนเสริฟเป็นชาวมัลดิเวียน เสริฟแบบฝรั่งคือมีออร์เดิร์ฟก่อน แล้วค่อยเมนคอร์ส ตบด้วยของหวาน


ขาดไม่ได้ในรีสอร์ทนี้คือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวนแดงกับไวน์ขาว


ก่อนกลับห้องพัก ขอเดินไปดูฉลามที่ Coral Bar ก่อน มีอยู่ตัวหนึ่ง ว่ายหาอาหารอยู่


ที่หาดทรายเห็นอะไรแปลกๆ แสงน้อยถ่ายยาก เลยต้องใช้โหมด Manual นั่นคือ "พรายน้ำ" นั่นเอง มีใครเคยเห็นแบบนี้บ้างครับ?


ก่อนจะเดินไปสุดซอย ทางเดินเข้าห้องพัก ขอเก็บภาพแสงของ Deluxe Water Villa ก่อนหมดวันในคืนนี้

แล้วมาติดตามต่อในวันรุ่งขึ้น จะพาไปเที่ยวเกาะคนพื้นเมือง หรือในโปรแกรมเรียกว่า Local Island Discovery  ราตรีสวัสดิ์ครับ

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

1 ความคิดเห็น:

  1. วันที่สองของทริปมัลดีฟท์ เราดำน้ำกันทั้งวัน ตั้งแต่ช่วงบ่ายจนเย็น ตอนกลับมาดำน้ำที่หลังบ้าน สนุกมากๆ ปลาเต็มไปหมด เหมือนดำน้ำในตู้ปลา เห็นกันใกล้ๆ แทบจะเอามือจับตัวปลาได้ ดำน้ำเพลินจนไม่อยากจะขึ้น แต่ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่น เพราะต้องว่ายน้ำโต้คลื่นที่พักเข้าฝั่งด้วย นี่แหล่ะจุดเด่นของบ้านพักที่มัลดีฟท์ที่เป็น Water villa ที่เดินลงไปดำน้ำได้จากบ้านพักเลย นั่งหรือยืนชมวิวใต้น้ำได้ตลอดเวลาจากบนบ้าน น้ำก็ใสมากๆ กลางคืนก็มีแสงไฟสวยงาม อาหารไทยมื้อค่ำนั้นอร่อยจริงๆ หรือหิวจากที่ดำน้ำมาด้วยก็ไม่รู้นะ เครื่องดื่มที่นี่ก็ดื่มได้ไม่อั้น สั่งกันเต็มที่เลยค่ะ

    ตอบลบ