วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2549

Big Trip ครั้งที่สอง (8 วัน 7 คืน) ตอน 4 จากปาย มุ่งสู่ ถ้ำปลา-บ้านรวมไทย(ปางอุ๋ง)...วันที่สี่


วันนี้ตื่นกันแต่เช้า เมื่อคืนกลับจากเดินเที่ยวตลาดปายถึงที่พักก็สามทุ่มกว่า ผมนอนฟังเพลงของคาราบาวขับกล่อมจนหลับไปตอนไหนไม่รู้ แต่คอนเสิร์ตน่าจะเลิกตอนเที่ยงคืนพอดี ออกมาเข้าห้องน้ำตอนตีสามทำให้รู้กับอากาศที่หนาวในปายนั้นเป็นอย่างไร เข้าที่พักเสร็จต้องรีบวิ่งแจ้นเอาตัวซุกผ้านวมเลยครับ หนาวสั่นจริงๆ 
วันนี้ตั้งโปรแกรมว่าจะไปทานอาหารเช้าคือข้าวซอยที่ร้านน้องเบียร์หลังจากที่ผิดหวังมาจากเมื่อวานเย็น แล้วลองกาแฟคั่วจากร้าน All About Coffee ต่อจากนั้นต้องหาปั๊มเติมน้ำมันแล้วหล่ะ แล้วขับลัดเลาะไปตามเส้นรพ.ปายเพื่อผ่านหมู่บ้านสันติชล ชาวจีนยูนนาน แล้วไปนมัสการหลวงพ่ออุ่นเมือง พระที่มีน้ำผุดออกมาทางเศียรให้เราได้ดื่มกิน แล้วขับผ่านไปปางมะผ้า แวะที่ถ้ำปลาและสุดปลายทางของวันที่บ้านรวมไทยหรือปางอุ๋งนั่นเอง



เช้าวันนี้ในปายอากาศหนาวเย็น นึกไม่ถึงว่าจะหนาวขนาดนี้ ออกมาข้างนอกเพื่อชมวิวและสูดอากาศบรสุทธิ์ ท่ามกลางทุ่งนาที่อยู่ด้านหลังที่พัก


มุ้งเหนือเตียงสีฟ้าใส ไม่ได้ใช้เลยแฮะ เพราะเมื่อคืนไม่มียุงสักตัว


ลานโล่งบริเวณที่พัก สามารถนั่งเล่นรอบกองไฟได้ มองเห็นฝั่งซ้ายมี่บ้านพัก 4 หลัง และด้านขวาเป็นแบบสามคน ส่วนห้องน้ำรวมซึ่งอยู่ด้านหลังอีกที


เราข้ามฝั่งมาด้านตัวเมืองปาย สภาพน้ำท่วมเมื่อครั้งปลายปีที่แล้วยังคงหลงเหลือให้เราได้เห็นอยู่ตลอด โดยเฉพาะสะพานข้ามแม่น้ำปายที่ต้องสร้างแบบชั่วคราวไว้ จะข้ามไปแต่ละทีก็ต้องกะจังหวะดีๆ เพราะไม่มีสัญญาณใดๆบอกให้ฝั่งไหนไปได้ ฝั่งไหนต้องหยุดก่อน


ซากไม้และเศษดินมากองสุมกันอยู่กลางแม่น้ำปาย มองไปไกลๆไม่ทราบว่ารีสอร์ทชื่ออะไรเหมือนกัน มีเต็นท์ให้พักติดริมแม่น้ำด้วย


มาถึงแล้ว อาหารที่เรารอคอย ข้าวซอยเนื้อร้านน้องเบียร์นั่นเอง มาครั้งนี้เราไม่ได้เจอกับแม่น้องเบียร์เจ้าของร้าน เลยไม่ได้สอบถามและคุยกัน


ต่อจากนั้น ก็เคลื่อนย้ายทัพไปดื่มกาแฟคั่วที่ร้าน All About Coffee


เลือกโต๊ะนั่งแล้วทำตาม WI ที่ร้านเขาบอกไว้ดีกว่า


เรานั่งโต๊ะล่างสุด ผมสั่งคาปูฯเย็นตามเคย ส่วนแฟนผมสั่งโกโก้เย็นบวกวิปครีม
กาแฟ 45 บาท ส่วนโกโก้เย็น 70 บาท โอ้โห...ครั้งเดียวพอครับ


ก่อนขับไปวัดน้ำฮู ผมแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มปตท.ก่อนครับ มาถึงวัดก็เกือบ 11 โมงแล้ว มาครั้งนี้ศาลาริมบึงน้ำรู้สึกจะสร้างใหม่


มาที่วิหาร สังเกตดีๆจะมีผึ้งมาทำรังอยู่ด้านบนคานไม้


วันนี้เราเลือกมากราบไหว้พระที่วัดน้ำฮูแห่งนี้แห่งเดียวในปาย เนื่องจากเวลามีไม่พอ อีกอย่างครั้งที่แล้ว เราไปมาเกือบทุกวัดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัดกลาง วัดหลวง หรือวัดพระธาตุแม่เย็น
พระอุ่นเมืองอยู่องค์กลาง ทำด้วยโลหะทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 28 นิ้ว สูง 30 นิ้ว พระพุทธรูปองค์นี้พระเศียรกลวง ส่วนบนเปิดปิดได้และมีน้ำขังอยู่ เป็นพระพุทธรูปสิงห์สาม อายุประมาณ 500 ปี เมื่อ พ.ศ. 2515 มีพระธุดงค์จากอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่มานมัสการและสงสัยว่าข้างในพระจะมีน้ำ จึงเปิดดูพบว่ามีน้ำจริงๆ ข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีผู้คนหลั่งไหลมาขอน้ำไปสักการะ พอน้ำในพระเศียรหมดก็จะมีไหลออกมาอีกในลักษณะซึมออกมาตลอดเวลา จะเห็นภาชนะสีทองแดงที่อยู่ด้านหน้านั้นก็คือการนำน้ำจากเศียรมาผสมกับกับดื่มในอัตราส่วน 1:10 แล้วใช้ดื่มเพื่อเป็นศิริมงคลได้...


ออกมาข้างนอก จะมีพระธาตุซึ่งได้บรรจุอัฐิของพระสุพรรณกัลยาตามที่ได้เล่าขานกันมา


ต่อจากนั้น เราไปต่อตามเส้นทางที่จะไปน้ำตกหมอแปง มาครั้งนี้เจอด่านทหาร พี่ทหารพูดดุๆสอบถามว่าจะไปไหนตามธรรมเนียม ผมบอกขับรถไปเรื่อยๆ ต่อจากนั้นพี่ทหารก็ให้จอดรถชิดซ้ายแล้วขอบัตรประชาชนไปลงบันทึกไว้


ออกจากด่านก็ขับเลี้ยวซ้ายเข้าไปศูนย์วัฒนธรรมจีนยูนนาน มีร้านอาหารแนวหนังจีนกำลังภายในอยู่ 2 ร้าน สอบถามน้องเสี่ยวเอ้อ ได้ความว่าที่นี่เพิ่งเปิดไม่นานไม่ถึงปี มิน่า มาครั้งก่อนยังไม่เจอเลย


แนวจีนดีครับ


มาที่นี่ ไม่ชิมอะไรเลยก็กระไรอยู่ ผมเลือกสั่งก๋วยเตี๋ยวยูนนาน กับหมั่นโถว 4 ลูกพร้อมชาจีน 1 ชุด


ต่อจากนั้น เราออกจากปาย 11 โมงครึ่งเห็นจะได้ ทางจากปายไปปางมะผ้ากำลังซ่อมถนนซะเป็นส่วนใหญ่ ณ จุดนี้คงโดนน้ำซัดไปเยอะเหมือนกัน หารอยราดยางแทบไม่เจอเลย จะมีก็แต่ดินลูกรัง



มาถึงจุดชมวิวกิ่วลมประมาณเที่ยงครึ่ง เห็นป้ายผู้พิชิตโค้งที่ 1,258 แล้วตลกดี เพราะจริงๆมันไม่ใช่โค้งที่นับจากเส้นทางนี้(1095)ซะหน่อย เบียร์ยี่ห้อหนึ่งทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดไปเยอะเลย น่าเสียดายที่ปล่อยให้ผู้ประกอบการมาบอกข้อมูลผิดๆจริงๆ


อีกหนึ่งชม.หรือบ่ายโมงครึ่ง เราก็มาถึงยังจุดชมวิวปางมะผ้า ตลอดเส้นทางอากาศร้อนมาก เลยพักรถพักคนซะหน่อย ที่นี่มีบริการขายกาแฟสดด้วยครับ ผมอดใจไม่ดื่มเพราะต้องการไปดื่มอีกทีที่บ้านลุงปาละในปางอุ๋งนั่นเอง


บ่ายสองตรง เรามาถึงยังถ้ำปลา อยู่ในเขตวนอุทยานถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ซึ่งเข้ามาตระการตามาก ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการจัดสวน ภูมิทัศน์ต่างๆ รวมทั้งสิ่งปลูกสร้าง เช่นห้องน้ำ ขอบอกว่าใหม่และสะอาดมากครับ
และที่แปลกใจอีกก็คือ แก๊งค์มอเตอร์ไซด์ชอบเปอร์ เข้ามาจอดที่ลานจอดรถอยู่ถึง 20-30 คัน ดูทะเบียนเป็นจังหวัดระยอง คงหยุดยาวมาบิ๊กทริปแม่ฮ่องสอนเหมือนกัน


ห้องน้ำต้องโชว์ครับ ใหม่และสะอาดจริงๆ ค่าใช้ห้องน้ำไม่คิดแล้วแต่บริจาคครับ ขอบคุณงบประมาณที่นำมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของไทยเรา


เดินเข้ามาภายในจะเจอกับกังหันน้ำใช้ตำข้าวครับ


นี่แหล่ะครับ ถ้ำปลา เป็นปลาพลวงหิน ชาวบ้านนับถือเป็นปลาเทพเจ้า ไม่จับมากินเพราะกินไปแล้วจะมีอันเป็นไปตามความเชื่อครับ


เรานำขนมปังโฮลวีทมาด้วย ปลาพลวงหินแย่งกันกินใหญ่


ลำน้ำนอกถ้ำ มีปลาพลวงหินเข้าแถวรอคิวเข้าถ้ำด้วย


ขากลับ ลองแวะขึ้นไปชมบ้านที่เขาทำขึ้นมาเป็นบ้านตัวอย่าง ไม่แน่ใจว่าทำมาเพื่อจะเป็นบ้านพักให้กับนักท่องเที่ยวหรือไม่


สะพานข้ามลำน้ำในถ้ำปลา สะพานนี้เขาเพิ่งปรับปรุงมาเหมือนกัน สายเคเบิ้ลใหม่เอี่ยมเลย


หลังจากทานส้มตำที่ร้านอาหารในถ้ำปลา เราก็บึ่งมาบ้านรวมไทยเลย ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่มาเยือน แต่ยังไงก็ยังขับเลยไปถึงตัวเมืองแม่ฮ่องสอนจนได้แฮะ เลยต้องวกกลับมาอีกครั้ง ยอมรับว่าป้ายบอกทางและถนนเข้าไปเล็กมากครับ ต้องคอยสังเกตดีๆ
16:40 น. ก็ขับมาถึงบ้านลุงปาละกับพี่ศรี มาสามครั้งรวมทั้งครั้งนี้ไม่เคยที่จะโทรมาจองก่อน เพราะคิดว่าน่าจะว่าง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ว่างจริงๆ เราดีใจที่ลุงและพี่ศรีจำเราได้ เราคงเป็นแขกที่มาเยือนบ้านหลังนี้มากครั้งที่สุดก็เป็นได้


พี่ศรีบอกกับเราว่าจำได้ บ้านพักยังว่าง ผมขอนอนที่บ้านเดิมด้านซ้ายมือ พี่ศรีรีบพาเราไปดูบ้านพัก 3 หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อต้นเดือนธันวาคม บอกกับเราว่าตอนนี้ยังไม่มีห้องน้ำส่วนตัว ต้องไปใช้ห้องน้ำรวมก่อน แต่แกจะสร้างแน่นอน เพราะผู้สูงอายุบางคนเขาไม่สะดวกที่จะเดินเข้าๆออกๆบ้านพักไปห้องน้ำไกลๆ


ชมวิวรอบๆพร้อมกับสนทนาเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับที่นี่ก็กลับมาดื่มกาแฟสดจริงๆของลุงปาละ รสชาดอร่อยหอมกลิ่นกาแฟไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งลุงและพี่ศรีเล่ากับเราให้ฟังว่าตอนช่วงปีใหม่ มีคนมากางเต็นท์นอนที่นี่มากถึง 11 เต็นท์ด้วยกัน !!! โอ้โห...อะไรจะขนาดนั้น ตรงระเบียงหน้าบ้านก็ยังจะกาง เราดีใจกับแกทั้งสองด้วย
พอนั่งจิบกาแฟผมก็นำรูปที่ตัวเองตั้งใจปริ๊นมากับมือเมื่อครั้งมาพักที่นี่ให้พี่ศรีไป มีทั้งหมดด้วยกัน 5 รูป เป็นรูปน้องแป้ง(ที่ผมเคยเล่าว่าน้องเขาท่องชินบัญชรจนจบ)และครอบครัวที่วันนั้นมาช่วยงานที่นี่พอดี


หลังนี้แหล่ะ ที่เราเคยพักมา 2 ครั้งและครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 ไม่รู้ผมประทับใจอะไรที่นี่
ลุงปาละบอกกับเราว่า บ้านพักคงไม่สร้างเพิ่มอีก แต่จะเน้นเรื่องความสะอาดมากกว่า เราเห็นด้วยตามแก ดังนั้นที่พักในบ้านลุงปาละแกจะมีทั้งหมด 6 หลัง มีหลังใหญ่อยู่ 1 หลังพักได้ 3 คน นอกนั้นพักได้ 2 คน ส่วนราคาน่าจะหลังละ 200 บาท ที่ไม่แน่ใจเพราะพี่ศรีคิดราคาให้เราแบบลดครึ่งราคา...แห่ะๆ อย่าไปบอกใครนะ
ลืมบอกไปว่าบ้านลุงมีโทรศัพท์ใช้แล้วนะครับ เป็นโทรศัพท์บ้านไม่ใช่มือถือ เพิ่งได้เมื่อปีที่แล้ว ตอนผมมาครั้งที่สอง ลุงยังไม่ได้เลย แต่สัญญาณจะไม่ดีช่วงฝนตกหนักๆนะครับ เบอร์ติดต่อนะครับ 053-692 144


ลุงบอกกับเราว่า กาแฟบดไม่มีเหลือให้ขายเลย เพราะช่วงปีใหม่นักท่องเที่ยวเหมาไปหมด 555 ยินดีด้วยครับลุง
จะเหลือก็แต่เมล็ดกาแฟสดที่รับซื้อมาจากบ้านอื่นๆในละแวกนี้ รอการตากแห้ง คั่ว และบดอีกต่อไป


นี่แหล่ครับเมล็ดกาแฟสดเพิ่งเด็ดจากต้น


ด้านหลังที่เห็นเป็นต้นไผ่ลำต้นขนาดใหญ่มาก


ลุงปาละกำลังง่วนอยู่กับการตำเมล็ดกาแฟตามวิถีชาวบ้านแบบดั้งเดิม ไม่ได้ใช้เครื่องคั่วแต่อย่างใด


เราขอตัวไปดูวิวที่อ่างเก็บน้ำห้วยปางตอง เพราะเกรงว่าจะมืดเร็ว พอขับรถมาถึงถนนเลียบอ่างเก็บน้ำก่อนถึงรวมไทยเกสท์เฮ้าส์ ก็เจอรถโซลูน่าทะเบียนกทม.จอดขวางทางอยู่อย่างที่เห็น ทั้งรถกระบะสีแดงด้านหน้าผมและรถผมไปต่อไม่ได้ เพราะมีแต่เลนเดียวจริงๆ ลงไปตามหาเจ้าของรถก็ไม่เจอ ไม่รู้ไปเดินเที่ยวที่ไหน ทีหลังพี่เจ้าของรถอย่าเอานิสัยคนขับรถกรุงเทพมาใช้นะพี่ คนอื่นเขาเดือดร้อนครับ จนผมต้องกลับรถอย่างทุลักทุเลบนเนินดิน


เดินลงไปถ่ายรูปสักภาพก่อน


วนรถมาที่ทำการของป่าไม้ โอ้โห....แก๊งค์ชอบเบอร์แก๊งค์เดิมที่เจอที่ถ้ำปลานี่ จอดรถมอเตอไซด์เรียงไปแถวยาวเหยียดเลย แต่พวกพี่ๆแกน้ำใจดีนะครับ ไม่โหวกเหวกโวยวายด้วย มาเยอะคิดว่าจะส่งเสียงดังกระหึ่ม


เนื่องจากถนนเป็นเลนเดียว และเป็นครั้งแรกที่เจอปัญหากับรถสวนทางกันไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจนำรถกลับไปจอดที่บ้านลุงปาละอีกครั้ง แล้วเดินเข้ามาชมวิวใหม่


เดินไปเรื่อยๆก็ดูชาวบ้านเขาตากแดดของกินต่างๆ ในรูปไม่ทราบว่าเป็นอะไรเหมือนกัน


วัดรวมไทย วัดเดียวภายในบ้านรวมไทย


เดินไปเรื่อยๆ ขึ้นเนินบ้าง ลงเนินบ้าง พอให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น


มุมเดิมๆกับครั้งที่แล้ว


มาปางอุ๋งครั้งนี้ ไม่เงียบและสงบสมใจ ทำไงได้ ผมโพสต์เยอะคนเลยรู้จักมากขึ้น
เฮ้อ...ทำไมศาลาริมน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็น 3 หลังหล่ะเนี่ย แทนที่จะมีหลังเดียวเหมือนแต่ก่อน เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ มันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ


ถ่ายเรื่อยเปื่อยบนสันอ่างเก็บน้ำ


แสงใกล้หมดไปจากท้องฟ้าแล้ว


อีกมุมหนึ่งกับศาลาริมน้ำ


เดินกลับมาถึงบ้านลุงปาละก็ใกล้มืดเต็มที เห็นรถจอดอยู่สองคัน ตกใจคิดว่าจะมีคนเข้ามาพักอีก แต่แล้วเป็นนักท่องเที่ยวที่มาซื้อข้าวกล่องและเครื่องดื่มที่นี่


แต่ที่ไหนได้ มีชาวต่างชาติ 3 คนกับสาวไทย 1 คนมา มาติดต่อที่พักที่นี่ และหลังจากนั้น อีกกรุ๊ปหนึ่งก็ขับรถจากปายมาถึงตอนทุ่มนึง เขาจองที่พักไว้แล้ว แต่ดันเบรคมาเสีย เลยต้องเสียเวลาทำเบรคก่อนจะขับมาถึงที่นี่ ทราบภายหลังว่าชื่ออาเหลียง และแฟนชื่อกุ๊กไก่ พร้อมกับพี่ชาย เราทักทายกันสักพัก ทานข้าวเย็นเสร็จก็นั่งโม้กับอาเหลียงเรื่องท่องเที่ยวอยู่นาน ผมเองก็เล่าเรื่องตอนไปคินาบาลูให้เขาฟัง ต่างคนต่างเล่าเรื่องประสบการณ์ท่องเที่ยวในแต่ละแบบ 
ก่อนมาที่นี่ อาเหลียงไปนอนที่ดอยอินทนนท์มาก่อน ถ่ายวิดีโอช่วงเช้าที่มีทะเลหมอกมาให้เราชมด้วย อาเหลียงก้เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ชอบมาเที่ยวช่วงเทศกาล เลยหาเวลาเหมาะๆหลังปีใหม่ขับรถมาเที่ยวแบบเราทั้งอาทิตย์เหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาต่อครับ (ง่วงนอนมากๆ พรุ่งนี้อาจงดโพสต์ 1 วัน เพราะเพลียเหลือเกินครับ)

Original Published on www.pantip.com at [ 18 ม.ค. 49 22:18:11 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/01/E4035065/E4035065.html



เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น