วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2549

Big Trip ครั้งที่สอง (8 วัน 7 คืน) ตอน 8 จากอช.ตากสินฯ มุ่งสู่ อุทยานประวัติศาสตร์...วันสิ้นสุดทริป


วันนี้เป็นวันที่แปดและเป็นวันสิ้นสุดของบิ๊กทริปครั้งที่สอง พอดีกับร่างกายผมที่อ่อนล้า ไหล่และเข่าปวดไปหมด จากการขับรถมาตลอดทั้ง 7 วัน 2,000 กว่ากม. แต่ก็ยังไม่ท้อที่จะไล่ล่าความฝันทำให้จบทริปแบบสมบูรณ์ที่สุดดังที่ตั้งใจไว้
วันนี้จะไปดูต้นกระบากยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ต่อจากนั้นคงแวะไปหาของกินที่ตลาดมูเซอใหม่ และแวะไปอช.ลานสางเพื่อถ่ายรูปน้ำตก สุดท้ายของโปรแกรมบิ๊กทริปด้วยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และคงได้เวลากลับบ้านที่กรุงเทพในตอนค่ำๆ


คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่นอนไม่หลับ เพราะเต็นท์ข้างๆคุยกันกว่าจะเลิกก็เกือบเที่ยงคืน ไม่เป็นไร เราตื่นเช้ามาตั้งแต่หกโมง มาเพื่อจะรอแสงแรกของวันที่อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราชแห่งนี้


เต็นท์เรากางเอียงๆกับความลาดเอียงของพื้นสนาม เนื่องจากจุดกางเต็นท์จริงๆนั้น อยู่ลึกเข้าไปอีก แต่เมื่อคืนคนเข้าไปกางเต็ม เจ้าหน้าที่เลยแนะนำเรามากางจุดนี้ ซึ่งก็มีเพื่อนมากางอยู่บ้าง


เดินชมวิวไปเรื่อยๆครับ


ต่อจากนั้นจึงเริ่มต้นไปดูต้นกระบากยักษ์กัน จุดดูอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม.


มาถึงแล้วหล่ะครับ ทางที่ลงจะไปดูต้นกระบากยักษ์ ต้องเดินเท้าลงไปอีก 400 เมตร ทางลงค่อนข้างชัน จึงมีป้ายเตือนเพื่อความปลอดภัย


ตอนเดินลงมาไม่ยากนักหรอกครับ แต่สวนทางกับผู้ที่เดินขึ้นมา หลายคนบอกจะเป็นลมต้องพักหลายครั้ง แต่ในที่สุดเราก็มาถึงด้านล่างจนได้
ต้นกระบากนี้วัดโดยรอบ 16 เมตร สูง 50 เมตร นับว่าเป็นต้นกระบากที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย


ลองแหงนดูซิ สูงขนาดไหน


นั่งชมบรรยากาศรอบๆไปเรื่อย ให้คุ้มกับที่ได้เสียเวลาเดินลงมา สักพักพอนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมา เราก็ได้เวลากลับขึ้นไปใหม่
คราวเดินกลับนี้แหล่ะ โหดไม่ใช่เล่นเลย เรายังนึกถึงตอนไปปีนเขาที่คินาบาลูเลย ชันจริงๆ หัวใจเต้นแรง แต่เราก็แซงกลุ่มข้างหน้า 3 คนที่ออกก่อนเรา 1 นาทีได้


ขึ้นมาเรียกเหงื่อได้เยอะทีเดียว ก่อนจะจากลาที่นี่ เราแวะดูลูกหมีควายชื่อธันวาที่นายพรานฆ่าแม่มันตายเหลือมันเพียงตัวเดียวเพราะพี่น้องมันอีกตัวก็ดันมาตายหลังจากเอามาเลี้ยงได้ไม่นาน


เราย้อนมาที่ตลาดมูเซอใหม่ก่อน เพื่อหาอะไรรองท้อง คนไม่ค่อยเยอะนักแม้เป็นวันเสาร์ก็ตาม


ทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นรอบๆพิพิธภัณฑ์มูเซอดำซึ่งอยู่ติดกัน


ที่นี่มีบ้านตัวอย่างของชาวมูเซอด้วย ภายในบ้านจะมีเครื่องมือตำข้าว


ต่อจากนั้น เราแวะที่อุทยานแห่งชาติลานสางที่อยู่ใกล้ๆกัน เป้าหมายคือมาดูน้ำตก ด้านในมีเด็กๆเข้าค่ายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย แต่เสียงไม่โหวกเหวกโวยวาย


ได้รูปน้ำตกมาแค่นี้ รีบบึ่งรถไปต่อที่สุโขทัยดีกว่า


ก่อนขับรถไปสุโขทัย ขอพักรถเติมน้ำมัน และพักคนเพื่อดื่มกาแฟก่อนครับ


บ่ายโมงสี่สิบก็มาถึงที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย


มาถึงที่นี่ผมรับรู้ถึงความเย็นสบายกับบรรยากาศเมืองเก่าที่ปรักหักพัง แม้ว่าอากาศจะร้อนก็ตาม
วันนี้เป็นวันเด็ก เราเลยไม่เสียเงินค่าธรรมเนียมในการเข้าชม


ซากปรักหักพังของวัดวาอาราม ทำให้เราย้อนนึกไปในอดีต


กราบพระก่อนครับ ช่วงเวลานี้จะย้อนแสง ถ่ายอะไรไม่ค่อยจะได้นัก


ณ จุดนี้คือวัดมหาธาตุ เป็นวัดใหญ่ และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย


พระพุทธรูปองค์ยืนที่สูงตระหง่าน ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ รูปทรงงดงามเหมือนแบบผู้หญิง


พระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา

ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th


...


พระประธานครับ


ที่นี่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลงใหลในวัฒนธรรม ชอบมาเดินและถ่ายรูปโบราณวัตถุต่างๆ อย่างสนอกสนใจ


มองเห็นพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูมอยู่ห่างออกไป



มีพระพุทธรูปนั่งอยู่ 4 ทิศ เรียวนิ้วอ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก


พระพุทธรูปทิศตะวันตก


ฝั่งทิศใต้


เจดีย์ทรงระฆังกลมกับพระพุทธรูป


ต่อจากนั้นเรามาทางทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ มองย้อนกลับไป สระน้ำกับบัวสีชมพู เย็นตาดีครับ


ผมจอดรถเพื่อเดินไปยังวัดตระพังเงิน
(คำว่า “ตระพัง” หมายถึง สระน้ำ หรือหนองน้ำ) เป็นโบราณสถานสำคัญ ตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ 300  เมตร

ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th


โบราณสถานนี้ไม่มีกำแพงแก้ว ประกอบด้วยเจดีย์ทรงดอกบัวตูมเป็นประธาน ลักษณะเด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูม คือ มีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปยืน และพระพุทธรูปปางลีลา (จระนำ หมายถึง ชื่อซุ้มท้ายวิหาร หรือท้ายโบสถ์ มักเป็นช่องตัน) วิหารประกอบอยู่ด้านหน้า และทางด้านตะวันออกของเจดีย์เป็นเกาะมีโบสถ์ตั้งอยู่กลางน้ำ

ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th


เราขับรถต่อมายังวัดศรีสวาย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ 350  เมตร โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3  องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี


ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง

ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th


หลังจากเดินพอเหงื่อซึมเล็กน้อย เราแวะทานอาหารช่วงบ่ายที่ร้านอาหารด้านหน้า เสร็จแล้วก่อนลาจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไม่ลืมที่จะไปไหว้ท่านพ่อขุนรามคำแหง ผู้ประดิษฐ์อักษรไทยให้เราได้ใช้จนถึงปัจจุบันนี้


พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518  ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2  เท่าขององค์จริง สูง ๓ เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ลักษณะพระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรม มีความเด็ดขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย

ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th


หลักศิลาจารึกจำลอง อยู่ใกล้ๆบริเวณอนุสาวรีย์

ขอจบ Big Trip นี้แต่เพียงเท่านี้ครับ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ดูรูป และลงชื่อทักทายกันครับ จากบิ๊กทริปนี้ ผมค้นพบว่า มิตรภาพนั้นมีอยู่ไม่ไกล เพียงแต่เราจะเปิดใจรับมันหรือไม่

เครดิต
===========================
บุคคล
ajake @BP
น้องหอมแดง @BP
ให้คำแนะนำเรื่องอช.สาละวิน

Rocky1973 @TKT
น้องชม. @TKT
สายริน @TKT
ashi @TKT
b2fen @TKT
กร @TKT
คุณแดง @TKT
SpacePig @TKT
iLovePai @TKT
saab @TKT
ฮานาเล @TKT
กระแตแต้แว้ด @TKT
Paka @TKT
ให้คำแนะนำเรื่องที่พักในปาย แต่สุดท้ายผมไม่ได้ไปพักตามที่พวกท่านบอกมาเลย

กิ่งไผ่ @TKT
guitar_fire @TKT
Deardear @TKT
B @TKT
ให้คำแนะนำในเรื่องสถานที่กางเต็นท์บนดอยอ่างขาง

เว็บไซท์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet  <-- ข้อมูลท่องเที่ยว
http://www.trekkingthai.com <-- ข้อมูลท่องเที่ยวเชิงลึก
http://www.geocities.com/salawinnationalpark <-- ข้อมูลท่องเที่ยวอช.สาละวิน
http://www.oceansmile.com <-- ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและประวัติศาสตร์ของไทยเรา
http://www.sukhothai.go.th <-- ข้อมูลท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
http://www.angkhang.com <-- ข้อมูลท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง
http://webboard.tourthai.com/index.php?PHPSESSID=816f14da297d50ea4d21945ce57b7c85&topic=295.msg1713 <-- ข้อมูลที่พักเรจิน่า เกสท์เฮ้าส์

ค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น
ค่าน้ำมัน = 5,710 บาท (เบนซิน 91)
ค่ากิน+ที่พัก = 6,500 บาท
รวมทั้งหมด = 12,210 บาท / 2 คน หรือ 6,105 บาท / คน
ระยะทางทั้งสิ้น 2,742.1 กิโลเมตร
คิดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง(Fuel Consumption)เฉลี่ย = 5,710 บาท % 2742.1 กม. = 2.08 บาท / กม.
ถ่ายรูปไปทั้งหมด 1,036 รูป ขนาด 5.0 MPixel รวมทั้งสิ้น 2.37 GB

Original Published on www.pantip.com at [ 23 ม.ค. 49 17:55:02 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/01/E4047522/E4047522.html


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น