วันนี้จะไปดูต้นกระบากยักษ์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ต่อจากนั้นคงแวะไปหาของกินที่ตลาดมูเซอใหม่ และแวะไปอช.ลานสางเพื่อถ่ายรูปน้ำตก สุดท้ายของโปรแกรมบิ๊กทริปด้วยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และคงได้เวลากลับบ้านที่กรุงเทพในตอนค่ำๆ
เต็นท์เรากางเอียงๆกับความลาดเอียงของพื้นสนาม เนื่องจากจุดกางเต็นท์จริงๆนั้น อยู่ลึกเข้าไปอีก แต่เมื่อคืนคนเข้าไปกางเต็ม เจ้าหน้าที่เลยแนะนำเรามากางจุดนี้ ซึ่งก็มีเพื่อนมากางอยู่บ้าง
เดินชมวิวไปเรื่อยๆครับ
ต่อจากนั้นจึงเริ่มต้นไปดูต้นกระบากยักษ์กัน จุดดูอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม.
มาถึงแล้วหล่ะครับ ทางที่ลงจะไปดูต้นกระบากยักษ์ ต้องเดินเท้าลงไปอีก 400 เมตร ทางลงค่อนข้างชัน จึงมีป้ายเตือนเพื่อความปลอดภัย
ตอนเดินลงมาไม่ยากนักหรอกครับ แต่สวนทางกับผู้ที่เดินขึ้นมา หลายคนบอกจะเป็นลมต้องพักหลายครั้ง แต่ในที่สุดเราก็มาถึงด้านล่างจนได้
ต้นกระบากนี้วัดโดยรอบ 16 เมตร สูง 50 เมตร นับว่าเป็นต้นกระบากที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ลองแหงนดูซิ สูงขนาดไหน
นั่งชมบรรยากาศรอบๆไปเรื่อย ให้คุ้มกับที่ได้เสียเวลาเดินลงมา สักพักพอนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมา เราก็ได้เวลากลับขึ้นไปใหม่
คราวเดินกลับนี้แหล่ะ โหดไม่ใช่เล่นเลย เรายังนึกถึงตอนไปปีนเขาที่คินาบาลูเลย ชันจริงๆ หัวใจเต้นแรง แต่เราก็แซงกลุ่มข้างหน้า 3 คนที่ออกก่อนเรา 1 นาทีได้
ขึ้นมาเรียกเหงื่อได้เยอะทีเดียว ก่อนจะจากลาที่นี่ เราแวะดูลูกหมีควายชื่อธันวาที่นายพรานฆ่าแม่มันตายเหลือมันเพียงตัวเดียวเพราะพี่น้องมันอีกตัวก็ดันมาตายหลังจากเอามาเลี้ยงได้ไม่นาน
เราย้อนมาที่ตลาดมูเซอใหม่ก่อน เพื่อหาอะไรรองท้อง คนไม่ค่อยเยอะนักแม้เป็นวันเสาร์ก็ตาม
ทานอาหารเสร็จก็เดินเล่นรอบๆพิพิธภัณฑ์มูเซอดำซึ่งอยู่ติดกัน
ที่นี่มีบ้านตัวอย่างของชาวมูเซอด้วย ภายในบ้านจะมีเครื่องมือตำข้าว
ต่อจากนั้น เราแวะที่อุทยานแห่งชาติลานสางที่อยู่ใกล้ๆกัน เป้าหมายคือมาดูน้ำตก ด้านในมีเด็กๆเข้าค่ายเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ด้วย แต่เสียงไม่โหวกเหวกโวยวาย
ได้รูปน้ำตกมาแค่นี้ รีบบึ่งรถไปต่อที่สุโขทัยดีกว่า
ก่อนขับรถไปสุโขทัย ขอพักรถเติมน้ำมัน และพักคนเพื่อดื่มกาแฟก่อนครับ
บ่ายโมงสี่สิบก็มาถึงที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
มาถึงที่นี่ผมรับรู้ถึงความเย็นสบายกับบรรยากาศเมืองเก่าที่ปรักหักพัง แม้ว่าอากาศจะร้อนก็ตาม
วันนี้เป็นวันเด็ก เราเลยไม่เสียเงินค่าธรรมเนียมในการเข้าชม
กราบพระก่อนครับ ช่วงเวลานี้จะย้อนแสง ถ่ายอะไรไม่ค่อยจะได้นัก
ณ จุดนี้คือวัดมหาธาตุ เป็นวัดใหญ่ และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย
พระพุทธรูปองค์ยืนที่สูงตระหง่าน ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ รูปทรงงดงามเหมือนแบบผู้หญิง
พระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง 4 และเจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา
ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th
พระประธานครับ
ที่นี่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่หลงใหลในวัฒนธรรม ชอบมาเดินและถ่ายรูปโบราณวัตถุต่างๆ อย่างสนอกสนใจ
มองเห็นพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูมอยู่ห่างออกไป
มีพระพุทธรูปนั่งอยู่ 4 ทิศ เรียวนิ้วอ่อนช้อยงดงามยิ่งนัก
พระพุทธรูปทิศตะวันตก
ฝั่งทิศใต้
เจดีย์ทรงระฆังกลมกับพระพุทธรูป
ต่อจากนั้นเรามาทางทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ มองย้อนกลับไป สระน้ำกับบัวสีชมพู เย็นตาดีครับ
ผมจอดรถเพื่อเดินไปยังวัดตระพังเงิน
(คำว่า “ตระพัง” หมายถึง สระน้ำ หรือหนองน้ำ) เป็นโบราณสถานสำคัญ ตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ 300 เมตร
ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th
โบราณสถานนี้ไม่มีกำแพงแก้ว ประกอบด้วยเจดีย์ทรงดอกบัวตูมเป็นประธาน ลักษณะเด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูม คือ มีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปยืน และพระพุทธรูปปางลีลา (จระนำ หมายถึง ชื่อซุ้มท้ายวิหาร หรือท้ายโบสถ์ มักเป็นช่องตัน) วิหารประกอบอยู่ด้านหน้า และทางด้านตะวันออกของเจดีย์เป็นเกาะมีโบสถ์ตั้งอยู่กลางน้ำ
ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th
เราขับรถต่อมายังวัดศรีสวาย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ 350 เมตร โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี
ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง
ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th
หลังจากเดินพอเหงื่อซึมเล็กน้อย เราแวะทานอาหารช่วงบ่ายที่ร้านอาหารด้านหน้า เสร็จแล้วก่อนลาจากอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ไม่ลืมที่จะไปไหว้ท่านพ่อขุนรามคำแหง ผู้ประดิษฐ์อักษรไทยให้เราได้ใช้จนถึงปัจจุบันนี้
พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2518 ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง ๓ เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ลักษณะพระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรม มีความเด็ดขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย
ข้อมูล : http://www.sukhothai.go.th
หลักศิลาจารึกจำลอง อยู่ใกล้ๆบริเวณอนุสาวรีย์
ขอจบ Big Trip นี้แต่เพียงเท่านี้ครับ
ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ดูรูป และลงชื่อทักทายกันครับ จากบิ๊กทริปนี้ ผมค้นพบว่า มิตรภาพนั้นมีอยู่ไม่ไกล เพียงแต่เราจะเปิดใจรับมันหรือไม่
เครดิต
===========================
บุคคล
ajake @BP
น้องหอมแดง @BP
ให้คำแนะนำเรื่องอช.สาละวิน
Rocky1973 @TKT
น้องชม. @TKT
สายริน @TKT
ashi @TKT
b2fen @TKT
กร @TKT
คุณแดง @TKT
SpacePig @TKT
iLovePai @TKT
saab @TKT
ฮานาเล @TKT
กระแตแต้แว้ด @TKT
Paka @TKT
ให้คำแนะนำเรื่องที่พักในปาย แต่สุดท้ายผมไม่ได้ไปพักตามที่พวกท่านบอกมาเลย
กิ่งไผ่ @TKT
guitar_fire @TKT
Deardear @TKT
B @TKT
ให้คำแนะนำในเรื่องสถานที่กางเต็นท์บนดอยอ่างขาง
เว็บไซท์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet <-- ข้อมูลท่องเที่ยว
http://www.trekkingthai.com <-- ข้อมูลท่องเที่ยวเชิงลึก
http://www.geocities.com/salawinnationalpark <-- ข้อมูลท่องเที่ยวอช.สาละวิน
http://www.oceansmile.com <-- ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวและประวัติศาสตร์ของไทยเรา
http://www.sukhothai.go.th <-- ข้อมูลท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย
http://www.angkhang.com <-- ข้อมูลท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง
http://webboard.tourthai.com/index.php?PHPSESSID=816f14da297d50ea4d21945ce57b7c85&topic=295.msg1713 <-- ข้อมูลที่พักเรจิน่า เกสท์เฮ้าส์
ค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น
ค่าน้ำมัน = 5,710 บาท (เบนซิน 91)
ค่ากิน+ที่พัก = 6,500 บาท
รวมทั้งหมด = 12,210 บาท / 2 คน หรือ 6,105 บาท / คน
ระยะทางทั้งสิ้น 2,742.1 กิโลเมตร
คิดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง(Fuel Consumption)เฉลี่ย = 5,710 บาท % 2742.1 กม. = 2.08 บาท / กม.
ถ่ายรูปไปทั้งหมด 1,036 รูป ขนาด 5.0 MPixel รวมทั้งสิ้น 2.37 GB
Original Published on www.pantip.com at [ 23 ม.ค. 49 17:55:02 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/01/E4047522/E4047522.html
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/01/E4047522/E4047522.html
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น