วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2549

Big Trip ครั้งที่สอง (8 วัน 7 คืน) ตอน 1 จากกรุงเทพ มุ่งสู่ ลำพูน-เชียงใหม่...วันเริ่มต้น


Big Trip นี้นับเป็นครั้งที่สองแล้ว หลังจากที่ครั้งแรกนั้น เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2546 ซึ่งครั้งแรกจะเจาะลึกเมืองสามหมอกล้วนๆ เป็นครั้งแรกที่ไปแม่ฮ่องสอน
ส่วนครั้งนี้จะด้อยกว่าครั้งแรกก็ตรงที่ขาดไป 1 วันเพราะต้องการกลับมาพักผ่อนที่บ้าน 1 คืนก่อนจะกลับไปทำงานอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น 
ทริปนี้เหมือนเดิมคือรอช่วงที่นักท่องเที่ยวเขาไปเที่ยวกันก่อนในช่วงหยุดเทศกาลปีใหม่ ยอมเสียวันหยุดพักผ่อนประจำปีไป 5 วันเต็มๆเพื่อบิ๊กทริปนี้โดยเฉพาะ 
โปรแกรมที่วางแผนไว้คร่าวๆคือ
วันแรก    กทม.-ลำพูน-เชียงใหม่
วันที่สอง  เชียงใหม่-อ่างขาง
วันที่สาม  อ่างขาง-ปาย
วันที่สี่      ปาย-บ้านรวมไทย(ปางอุ๋ง)
วันที่ห้า    ปางอุ๋ง-แม่ฮ่องสอน
วันที่หก    แม่ฮ่องสอน-แม่สะเรียง(อช.สาละวิน)
วันที่เจ็ด   แม่สะเรียง-ตาก(อช.ตากสินมหาราช)
วันที่แปด  อช.ตากสินมหาราช-สุโขทัย(อุทยานประวัติศาสตร์)-กรุงเทพมหานคร


ก่อนออกจากบ้านเพื่อเดินทางไกลก็ต้องเตรียมตัวตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้กันหน่อยครับ ไม่ว่าจะเป็นเป้สะพายหลังใส่เสื้อผ้า ,เต็นท์ ,ถุงนอน(เพิ่งซื้อมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หลังจากที่ยืมเขามาตลอด) ,เครื่องครัวสนามพร้อมเตาแก็สขนาดเล็ก ,ไฟฉาย ,แผนที่ทางหลวง(ปี 2002) ,GPS iQue 3600 และที่ขาดไม่ได้ก็คือกล้องดิจิตอลที่เก็บภาพความประทับใจไว้ตลอดทั้งทริปนี้
เราออกจากบ้านประมาณ 7 โมงเช้า อากาศกำลังดี กะจะไปทานกลางวันที่ตากและเข้าลำพูนทางอ.ลี้


ผมเองเปลี่ยนโปรแกรมก่อนเดินทาง 2 วัน จากเดิมที่จะขับรถผ่านลำปางไปเชียงใหม่เลย มาเป็นขับเข้าลำพูนเพื่อชมบรรยากาศสองข้างทางทางอ.ลี้ก่อนจะเข้าลำพูน และแวะนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาที่ท่านมีภูมิลำเนาเกิดจังหวัดนี้ ก่อนจะเข้าไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย พระธาตุประจำคนเกิดปีระกา
ขับมาถึงทางแยกไปทางหลวงหมายเลข 106 ทีอ.เถินเกือบบ่ายโมง สองข้างขางเป็นต้นสักมีใบไม้ร่วงตลอดทางที่ขับผ่าน สวยงามมาก


เส้นทางจากเถินไปลี้นั้น คดโค้งและแคบ ทำให้ผมซึ่งผ่าน 1,864 โค้งมาแล้วนั้นเล่นเอามึนๆเหมือนกันครับ อาจเป็นเพราะอากาศร้อนด้วยกระมัง แต่คดโค้งไม่เกิน 20กม.ก็ค่อยเจอเส้นทางที่ลงมาจากเขาขับสบายหน่อย


จากเถินขับรถมาได้ไม่นานประมาณครึ่งชม.ซึ่งเป็นเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดลำปางและลำพูนจะเจอกับอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เราแวะเข้าไปเพื่อกราบไหว้ท่าน


ท่านเป็นพระนักพัฒนาแห่งล้านนาไทย ทำคุณให้ชาวล้านนาไว้อย่างเอนกอนันต์


มองไปด้านบนก็จะเป็นเจดีย์


ก่อนเข้าอ.ลี้ เราแวะวัดพระธาตุ 5 ดวง ซึ่งอยู่ฝั่งขวามือ


จอดรถแล้วเดินเข้ามา รู้สึกถึงความร่มรื่นและสงบจริงๆครับ เดินไปรอบๆพร้อมๆกับได้ยินบทสวดเจ้าแม่กวนอิม ไพเราะมากๆ


ณ ขณะนี้ ทางวัดกำลังก่อสร้างพระธาตุอยู่


แดดร้อนมาก แต่ใจยังสงบอยู่ เข้าไปกราบพระในพระวิหารสมเด็จองค์ปฐมก่อนครับ


พระประธานสีทองเหลืองอร่าม งดงามจริงๆ ผมขอพรให้กับแม่ผม

ออกมาจากพระวิหาร มองออกไปทางพระธาตุ มุมนี้แปลกตาเราจริงๆ


ใกล้ตัวเมือง จ.ลำพูนเข้ามาแล้วหล่ะ เราแวะอีกครั้งที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า


วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่และสำคัญวัดหนึ่งในจ.ลำพูน ภายในจะมีรอยพระพุทธบาทอยู่ 2 รอย รอยเล็กกับรอยใหญ่ ในรูปเป็นรอยเล็ก


ภาพวาดบนบานประตูภายในวิหาร


ที่วัดนี้มีชื่อว่า "ตากผ้า" นั้น ก็มีตำนานการสร้างวัดเล่าว่า พระพุทธองค์พร้อมด้วยสาวกได้เสด็จจาริกสั่งสอนไปตามที่ต่าง ๆ จนถึงที่แห่งนี้ได้รับสั่งให้นำจีวรที่ซักระหว่างทางออกมาตากกับหน้าผาหิน ซึ่งปัจจุบันก็ยังปรากฏเป็นรอยตารางคล้ายจีวรของพระอยู่จนทุกวันนี้ ดังปรากฎในภาพ


รอยพระบาท

บ่ายสี่โมง เรามาถึงอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี


พระนางทรงเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย พระนางเป็นปราชญ์ที่มีคุณธรรม ความสามารถและกล้าหาญ ได้นำพุทธศาสนาศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนแถบนี้จนมีความรุ่งเรืองสืบมาจนถึงปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามกุฏราชกุมาร ได้เสด็จมาทรงเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2525

==========
ข้อมูล : www.oceansmile.com


ต่อจากนั้น เราแวะไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดลำพูนแห่งนี้



พระธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีระกาหรือปีไก่ ตามความเชื่อของชาวล้านนา
พระธาตุนี้ ประดิษฐานพระเกศธาตุบรรจุในโกศทองคำ เจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้วย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม เจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่ มีสัตถบัญชร (ระเบียงหอก ซึ่งเป็นรั้วเหล็กและทองเหลือง) 2 ชั้น สำเภาทองประดิษฐานอยู่ประจำรั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือและทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์ และฉัตรประจำสี่มุม หอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

==========
ข้อมูล : www.oceansmile.com


ผมชอบรูปนี้ครับ ตั้งใจซูมแล้วให้ปลายยอดพระธาตุตรงกับดวงจันทร์พอดี

พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนามาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันเพ็ญเดือน 6 จะมีงานนมัสการ และสรงน้ำพระบรมธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนครลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทองคำ บรรจุพระบรมธาตุไว้ภายในและมีการสร้างเสริมกันต่อมาอีกหลายสมัย ต่อมาในปี พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ได้ทรงกระทำการปฏิสังขรณ์บูรณะเสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ การสร้างคราวนี้ได้สร้างโครงขึ้นใหม่เป็นรูปแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้เพราะในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้มีการติดต่อสัมพันธ์กับลังกา

==========
ข้อมูล : www.oceansmile.com


 
ก่อนลาพระธาตุ เรากรอกแบบสอบถามจากนักศึกษามช. สำรวจเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลำพูนและการปรับปรุง  เราจึงสอบถามกับน้องๆถึงทางไปวัดกู่กุดหรือวัดจามเทวี ได้ความว่าอยู่ใกล้ๆ จึงจะขับรถออกไป แต่ก็ดันมาเจออุบัติเหตุเล็กน้อยระหว่างจะเลี้ยวรถออกจากวัดพระธาตุ มีมอเตอร์ไซด์แล่นมาเฉี่ยวกันชนหน้าผมเล็กน้อย มีการแลกสีกันเกิดขึ้น หลังจากหยุดรถเพื่อสอบถามกันแล้วก็แยกย้ายไปต่อ

เข้ามายังวัดจามเทวี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดกู่กุด ตั้งอยู่ริมถนนจามเทวี ตำบลในเมือง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 1298 เป็นฝีมือช่างละโว้

รัตนเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ทางขวาของวิหาร สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพระยาสรรพสิทธิ์ ฐานล่างสุดเป็นรูป 8 เหลี่ยม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 4.40 เมตร สูงจรดยอด 11.50 เมตร องค์เจดีย์เป็นรูปสี่เหลี่ยม แต่ละเหลี่ยมเจาะเป็นซุ้ม ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์

==========
ข้อมูล : www.oceansmile.com



มาดูพระเจดีย์กันบ้าง มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย แต่ละด้านมีพระพุทธรูปยืนปางประทานพรอยู่เป็นชั้นๆ ภายในเจดีย์บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญไชย ตามตำนานเล่าว่าเจ้าอนันตยศและเจ้ามหันตยศ ราชโอรสของพระนางจามเทวีได้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุอัฐิของพระนางเมื่อปี พ.ศ. 1298 เดิมมียอดห่อหุ้มด้วยทองคำ ต่อมาจะเป็นสมัยใดไม่ทราบชัด ยอดพระเจดีย์หักหายไปชาวบ้านจึงเรียกว่า “กู่กุด” หรือมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระเจดีย์สุวรรณจังโกฏ”

==========
ข้อมูล : www.oceansmile.com


อีกมุมหนึ่งของกู่กุด


ต่อจากเที่ยวชมวัดในจังหวัดลำพูนแล้ว เรามุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปเช็คอินที่เกสท์เฮ้าส์ชื่อ เรจจิน่า ติดริมน้ำปิง เข้ามาข้างในเจอป้าแก่ๆเจ้าของที่นี่ แกชื่อเดียวกับเกสท์เฮ้าส์แก รับกุญแจห้องแล้วขึ้นไปเก็บข้าวของที่ห้องเบอร์ 4 ไม่ได้ติดริมน้ำปิง เนื่องจากวันนี้เต็ม


ภายในห้องพัก มีเตียงนุ่มๆอยู่เตียงเดียว พร้อมกับผ้าห่มและผ้าเช็ดตัววางอยู่ปลายเตียง เข้ามาในนี้ทำให้เรานึกได้ถึงบรรยากาศ Hostel ที่เคยไปพักที่ปีนัง ยังไงยังงั้นเลย ออกแนว Antique กับราคา 400 บาท


มองออกไปด้านหลังห้องจะเป็นหน้าต่าง ตอนผมไป ด้านหลังมีการก่อสรางอยู่ ทำให้มีเสียงคนงานมาคุยและอาบน้ำตอนเย็นๆครับ


ที่นี่ตามฝาผนังจะแขวนรูปเก่าๆไว้


ภายในห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย และก็มีการเดินสายดิน แต่ไม่รู้จะลงดินจริงหรือเปล่า...ฮ่าๆ แต่ไม่กลัวอยู่แล้ว รู้สึกห้องนี้จะปรับอุณหภูมิให้ร้อนจน MAX แล้ว น้ำมันก็ไม่อุ่นนะครับ แค่เย็นน้อยกว่าไม่เปิดเครื่องอยู่บ้าง ตกลงคือได้อาบน้ำที่ไม่เย็นจัด และใครฝ่าเท้าไม่ดี ให้ระวังจะเหยียบหินกลมๆสีขาวละกัน เพราะมันก็ออกเจ็บๆหน่อย ทำให้เดินลำบากด้วย


มองออกไปที่ระเบียงจะเห็นฝั่งตรงกันข้ามเป็นตลาดวโรรสครับ ส่วนที่นี่ก็มีขายอาหารติดริมน้ำปิงด้วย


จากนั้น เราเดินออกมาข้างนอก ภายในที่นี่ก็ขายของเก่าด้วย ตอนกลางคืนจะดูวังเวงไปหน่อย


ที่นี่หาไม่ยากครับ จะมีป้ายเยอะแยะไปหมด ทั้ง เชียงใหม่ กาแฟ , Regina Guest House , Regina Food & Drink


เราออกเดินมาหาอะไรกินกัน ไม่กี่สิบก้าวก็เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อกิ๊บเก๋ว่า "ก๋วยเตี๋ยวกางร่ม" ราคาไม่แพงด้วย


ชามใหญ่มาก แต่ข้างในชามก็มีปริมาณที่คุ้มค่ากับราคา 20 บาทครับ แถมอร่อยด้วย


กินเสร็จก็ออกเดินเพื่อให้อาหารย่อย พร้อมกับจะไปที่ถนนคนเดิน แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจมานั่งกินบรรยากาศที่ร้านอาหารในที่พักริมน้ำปิงดีกว่า ระหว่างทางก็เก็บภาพตึกที่ประดับไฟ


เข้ามานั่งที่ร้านอาหารเรจจิน่า มองย้อนไปทางที่พัก เขาจัดสวนสวยเหมือนกัน


ตกลงมานั่งชมวิวริมน้ำปิงที่เก้าอี้แดงคู่นี้ดีกว่า


สั่งอะไรซะหน่อยเพื่อไม่ให้ท้องว่าง คาปูฯเย็น กับ เปาะเปี๊ยทอด และยำเนื้อ ก่อนจะลาจากวันนี้ตอนสามทุ่มกว่าๆ
แล้วไว้เจอกันใหม่ในวันรุ่งขึ้นกับพระธาตุดอยสุเทพ ,ถ้ำเชียงดาวและอ่างขางทางไชยปราการ

Original Published on www.pantip.com at  [ 15 ม.ค. 49 21:31:47 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/01/E4026172/E4026172.html


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น