วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2549

Big Trip ครั้งที่สอง (8 วัน 7 คืน) ตอน 3 จากอ่างขาง มุ่งสู่ ปาย เมืองที่เปลี่ยนไป...วันที่สาม


วันนี้เป็นวันที่สามของบิ๊กทริป หลังจากเมื่อคืนนอนอุ่นอยู่ใต้ถุงนอนกับเต็นท์ชุดใหม่ พร้อมกับเสียงเคาะไม้บอกเวลาของฝั่งพม่าและเสียงเคาะโลหะของทหารไทยเรา ทำให้ได้อารมณ์ไปอีกแบบ แถมยังมีเสียงน้ำค้างที่หล่นแหม่ะๆมาจากใบไม้ของต้นซากุระที่แผ่กิ่งก้านสาขาคลุมเต็นท์เราอยู่มาเป็นระยะๆ เป็นการทดสอบการทนฝนของเต็นท์ใหม่ได้เป็นอย่างดี
วันนี้คงโอ้เอ้ลงมาดูดอกไม้ที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง แล้วค่อยๆขับรถต่อไปยังปาย โดยเส้นทางกลับเลือกผ่านทางบ้านอรุโณทัย และถ้ามีเวลาจะแวะน้ำตกหมอกฟ้ากับโป่งเดือดป่าแป๋ ที่ซึ่งครั้งที่แล้วเราไม่ได้แวะไปชม

นอกเรื่องครับ
วันนี้(17 ม.ค. 49)อิ่มบุญเล็กน้อย หลังจากได้ไปบริจาคโลหิตเพื่อช่วยแม่ของพี่ที่บริษัทที่ต้องการโลหิตหมู่ O ด่วน พอดีผมหมู่ O เลยไม่รอช้าที่จะไปตอนช่วงบ่ายที่รพ.สระบุรี



เช้าวันนี้สดใสจริงๆครับ อากาศเมื่อคืนเย็นมาก ทำให้ตอนกลางดึกต้องลุกออกมาเข้าห้องน้ำ แต่ห้องน้ำที่นี่สะอาดมาก รับรองครับ เป็นแบบโถนั่งด้วย เราตื่นประมาณ 6:30 น.เพื่อจะมาถ่ายรูปตอนพระอาทิตย์ขึ้น ได้วิวไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ ต่อจากนั้นจึงเดินไปทางร้านขายเครื่องดื่มของพี่ทหาร เพื่อขอซื้อกาแฟร้อนมาดื่มในยามเช้า พี่ทหารน่ารักมาก ชงให้ผมด้วย พร้อมกับเติมน้ำชาร้อนๆให้ตลอดเลย พี่ทหารคนที่ยืนด้านซ้ายมือชื่อพี่อมรเทพ(ขออภัยด้วยถ้าจำชื่อพี่ผิด) คุยไปคุยมาได้ความว่าพี่มาจากค่ายอดิศร สระบุรีนั่นเอง ผมเองก็ทำงานอยู่สระบุรี ส่วนพี่ที่ยืนอยู่คนกลางนั้นจำชื่อไม่ได้ครับ แต่น่ารักมาก ตอนเรามาถึงที่นี่ครั้งแรกเมื่อวานก็นำกล้องส่องทางไกลให้เราได้ส่องดูฐานพม่าครับ พี่เขาเพิ่งมาประจำการอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน


เรานั่งดื่มกาแฟยามเช้าพร้อมๆกับชวนพี่ทหารคุยไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องสถานการณ์ชายแดนพม่า สภาพอากาศ และสอบถามถึงจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อตอนปีใหม่ พี่ทหารบอกกับเราว่า ช่วงนั้นคนมากางเต็นท์นอนเต็มพื้นที่เลย ด้านลานจอดฮ.ก็เต็มหมด


พี่ทหารแนะนำดอกกุหลาบพันปีให้แก่เรา ซึ่งปลูกอยู่ใกล้ๆร้านนี้


โอ้เอ้อยู่ที่นี่จนได้เวลา 9:30 น.เราก็ขอลาพี่ทหารเพื่อเดินทางลงไปข้างล่างต่อ นึกในใจถ้ามาที่อ่างขางอีก ผมจะมากางเต็นท์ที่นี่แหล่ะ
เส้นทางมีหมอกปกคลุมพอเคลื่อนๆตัวไปได้ไม่อันตรายเกินไปนัก


ก่อนจะลงไปสถานีเกษตรฯ ผมเลี้ยวซ้ายเพื่อไปไหว้พระธาตุอ่างขาง ทางขึ้นไม่ชันเท่าไหร่ มีรถผมอยู่คันเดียว พอจอดรถเสร็จ ที่ไหนได้ ต้องเดินลงบันไดไปอีกทีครับ งงเลย


มาไหว้พระธาตุอ่างขางเพื่อเป็นศิริมงคลกันก่อนครับ


สักพักก็ถึงสถานีเกษตรอ่างขางแล้วหล่ะครับ จ่ายค่าธรรมเนียมเข้าชมและจอดรถเพื่อดูที่จุดแรก ภายในจะมีดอกไม้เมืองเหนือเช่นกล้วยไม้นานาพรรณ และโคมญี่ปุ่น ในรูปเป็นกล้วยไม้ชนิดหนึ่ง


กลีบดอกสีแดงเกสรสีเหลือง สวยงามมาก


ดอกโคมญี่ปุ่นสีขาว


ดอกอะไรหล่ะเนี่ย คล้ายม้าน้ำเลย


โคมญี่ปุ่นสีแดงม่วง


เดินไปอีกหน่อย มีเก้าอี้นั่งพักอีกแหน่ะ ตกแต่งสวนได้สวยจริงๆ ขอก๊อปปี้ไปแต่งที่บ้านดีกว่า แต่คงไม่สวยเท่า


ต้นอะไรครับเนี่ย มีผลเป็นลูกเล็กๆสีแดง ขอเดาว่าเชอร์รี่ (ใครรู้เฉลยด้วยครับ)


ออกจากโดมมาเดินชมแปลงกุหลาบมั่งครับ สีชมพูหวานแหวว


เข้ามาข้างในจะมีแปลงกุหลาบขนาดใหญ่ซึ่งทางโคงการกำลังวิจัยอยู่ ดอกใหญ่จริงๆครับ ผมเห็นแล้วกลัวมากกว่าสวยซะอีก


มาที่สวนบอนไซบ้าง ขอถ่ายรูปต้นเมเปิ้ลดีกว่า


จากนั้นก็เดินเก็บรูปไปเรื่อยๆ สีเหลืองสดใสพวงแสดนั่นเอง


ย้อนกลับมาที่ต้นกระบองเพชรหลากหลายพันธุ์


ขับวนไปตามเส้นทางเดินรถทางเดียวจนถึงสวน 80 ที่นี่นักท่องเที่ยวแวะสวนนี้เยอะพอควร


ขอเดินตระเวนถ่ายดอกไม้ก่อนนะครับ


ผมชอบหยดน้ำบนบนกลีบดอกครับ


ดอกนี้ก็สวย ผึ้งชอบบินมาตอมอยู่บ่อยๆ


อีกรูปกับภาพมุมสูงของสวน 80


ก่อนอำลาอ่างขางดินแดนที่ทางขึ้นสุดชัน เราแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านด้านหน้าสถานีฯ สั่งอาหารง่ายๆแล้วลงจากดอยประมาณ 11 โมง
เส้นทางที่เลือกลงนั้นเป็นเส้นทางที่ผ่านบ้านอรุโณทัย ทางหลวงหมายเลข 1178 หวังที่จะได้ชมวิวสวยๆระหว่างทาง สุดท้ายก็ไม่ผิดหวังเลย ตลอดทั้งทางยังคงอุดมสมบูรณ์ แถมมีเจ้าถิ่นอย่างฝูงวัวเดินโชว์หุ่นเป็นระยะๆ นี่แหล่ะเส้นทางสุดคลาสสิคสำหรับเรา


ขับไปได้ระยะหนึ่งก็เจอกับฝูงม้า มีม้าพยศตัวนี้คงกลัวรถยนต์มากๆ ได้แต่วิ่งกับๆนำหน้ารถเรา คงเกรงว่าเราจะขับชนเขา ผมต้องขับช้าๆจนม้าตัวนี้หยุดและยืนนิ่งชิดขอบทางด้านซ้าย เราถึงจะไปได้


11:50 น. ป้ายบอกทางขึ้นเขาโลดดด ขับเกียร์ต่ำ


ขับมายาวนานมาก จนกว่าจะถึงแยกแม่มาลัย เลี้ยวขวาเข้าเส้น 1095 เริ่มต้นเดินทางไปแม่ฮ่องสอนเป็นครั้งที่สามในชีวิต !
บ่ายสองยี่สิบ ก็แวะมาที่น้ำตกหมอกฟ้า จ่ายค่าธรรมเนียมค่าเข้าก็เดินเท้าเข้าไปดูระยะทางไม่ไกลมาก แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเก็บค่าธรรมเนียมรถเก๋งด้วย เพราะไม่ได้นำรถผ่านด่านไปจอดด้านในซะกะหน่อย แต่เอาเถอะเดินไปดูน้ำตกหมอกฟ้าดีกว่า น้ำค่อนค้างน้อยนะครับ ถ่ายดีสุดได้แค่นี้ เราเสียเวลาในนี้ไม่มาก สักพักก็ต้องจากไปยังโป่งเดือดป่าแป๋


ออกจากน้ำตกหมอกฟ้าขับรถประมาณเกือบหนึ่งชม. ก็ถึงโป่งเดือดป่าแป๋ ทางเข้าลึกน่าดู ที่นี่จัดให้เดินวนเป็นวงกลมจะได้ชมธรรมชาติไปในตัว แต่ไกลครับ


เดินจากทางเข้าประมาณ 500 เมตรก็ถึงโป่งเดือด น้ำเดือดออกมาปุดๆเลยหล่ะ โป่งเดือดนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ถ้าท่านมาที่นี่แล้วกะจะไปค้างหรือต่อที่ห้วยน้ำดังก็ยังสามารถใช้บัตรเข้าอุทยานอันเดิมได้นะครับ หรือกลับกัน มาจากห้วยน้ำดังก็จะใช้บัตรเข้าอันเดิมแสดงแก่เจ้าหน้าที่ได้


เดินวนมาก็จะเจอกับบ้านพักของอุทยาน บ้านน่าอยู่มาก บรรยากาศดี แต่ราคาคงหลักพันอัพ


ออกจากโป่งเดือด เรามาถึงที่ปายซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง(ครั้งแรกในปายปี 46) ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว ตอนแรกกะว่าจะไปพักที่กาสะลอง ริเวอร์ลอดจ์ พอขับรถเข้าไป ปรากฏว่าวันนี้เต็ม มีนักท่องเที่ยวมาพักเยอะเลย เราเลยเปลี่ยนแผนไปหาแถวทางไปวัดพระธาตุแม่เย็น สุดท้ายไปปิ๊งเอากับ Good View Guesthouse เพิ่งเปิดใหม่ แต่ชื่อคุ้นๆ ได้ความว่า เคยสร้างอยู่แถวริมน้ำปายแต่ดันเจอน้ำท่วมมาถึง 2 ครั้ง ทำให้บ้านพักไปหมด เลยต้องย้ายมาสร้างที่นี่ แต่ผมว่าที่นี่ก็บรรยากาศดีมากเลย ราคาที่พักมี 2 เรตคือ 200 บาทสำหรับบ้านพักแบบห้องน้ำรวม 300 บาทสำหรับบ้านพักแบบมีห้องน้ำส่วนตัว
พี่เจ้าของบ้านพักใจดี พาเราเข้าไปดูที่พักแต่ละแบบ เป็นอันว่าเราเลือกแบบห้องน้ำรวมเพราะแบบบ้านสวยกว่า อยู่ติดทุ่งนาด้วย ส่วนห้องน้ำรวมก็สะอาด มีน้ำอุ่น ชอบที่พี่ไม่เก็บเงินไปก่อน แกบอกว่าค่อยจ่ายตอนเช็คเอาท์ก็ได้ ผมว่าหายากน่าดูนะแบบนี้ สมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บเงินไปก่อนให้อุ่นใจ


ภายในห้องเป็นแบบนี้ ข้าวของเครื่องใช้ใหม่หมด ทั้งเตียง ผ้าคลุมเตียง ผ้าห่ม หมอน มุ้ง ฯลฯ แถมได้กลิ่นไอดินเตะจมูกมา บ่งบอกถึงบรรยากาศติดท้องทุ่งท้องนาจริงๆ ด้านหลังบ้านพักเป็นทุ่งนา สามารถเปิดมาชมวิวได้ตอนเช้าๆ


ส่วนบ้านพักแบบห้องน้ำในตัวราคา 300 บาท เป็นแบบนี้ครับ ภายในจะกว้างกว่า


นี่แหล่ะครับ ห้องน้ำสุดคลาสสิค เปิดเผยสู่ท้องฟ้าอันสวยงาม และอยู่ติดกับห้องน้ำของห้องพักอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน เหอๆ


เก็บข้าวเก็บของเสร็จ เราก็ลุยต่อไปยังตลาดเมืองปาย หวังจะกินข้าวซอยร้านน้องเบียร์ให้จุใจ ไปถึงปรากฏว่าร้านปิดครับ สอบถามลูกจ้าง แกบอกว่ารีบปิดเพราะเหนื่อย ช่วงทั้งวันมีงานที่ต้องทำกับข้าวเยอะ รู้สึกจะเป้นงานบุญอะไรสักอย่าง ผิดหวังพอประมาณ ทำไงได้ จึงเดินไปเรื่อยๆ ดูร้านขายโคมไฟและเสื้อผ้า กับร้านโปสการ์ดที่ราคาแพง


ยังเหมือนเดิมกับสองปีที่แล้วที่มีชาวเขามาขายของที่นี่ แต่สถานที่จะย้ายตำแหน่งไปบ้าง


เดินไปเรื่อยเปื่อย ณ เวลาหกโมงเย็น ทำไมมันช่างเงียบจริงๆนะ ถนนเส้นนี้ที่เคยขายของคึกคักก็ว่างเปล่า จะมีก็แต่ร้านที่ตั้งอยู่ริมถนนเท่านั้น ส่วนรถเข็นอันตธานหายไปหมด แถมมีร้านเซเว่นโผล่มาด้วย

ขอเพิ่มเติมเรื่องแปลกๆแต่จริงครับ
วันนี้ตอนเย็นเรากำลังทานอาหารที่ร้านตรงสี่แยก มีโทรศัพท์มาที่แฟนผม ปรากฏว่าเป็นข่าวร้าย เพื่อนโทรมาแจ้งว่าเพื่อนผู้ชายตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้เสีนชีวิตแล้ว ผมเองตกใจตรงที่ว่า ครั้งที่แล้ว พ.ย. 46 ตอนที่เราอยู่ที่ปายกำลังจะไปห้วยน้ำดัง เพื่อนผมก็โทรมาบอกว่าเพื่อนที่ทำงานเสียชีวิตแล้วเหมือนกัน ช่างเป็นเหตุบังเอิญจริงๆ สองครั้งเกิดขึ้นที่ปาย และมีโทรศัพท์ของแต่ละคนโทรมาบอกข่าวร้ายว่าเพื่อนเสียชีวิต


ส่วนตัวเฉยๆกับร้านเซเว่นที่เกิดขึ้นในปาย แต่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศแนวพั้ง แนวเร็กเก้ ที่มีชาวต่างชาติมาอยู่กันเต็มเหมือนตรอกข้าวสารมากกว่า บางครั้งยังนึกในใจว่าที่นี่ประเทศไทยหรือเปล่า ร้านรวงก็เต็มไปด้วยการตกแต่งที่เอาใจชาวต่างชาติ ออกแนวอาร์ตติสท์ เพิ่มคุณค่าหรือราคาให้กับสินค้าที่จะขายนั้นๆ


บ่นไปก็เท่านั้น ถ้ามีโอกาสได้ไปอีก ขอเป็นทางผ่านไปพักที่ปางมะผ้าดีกว่าครับ
ใครๆเขาบอกว่า ถ้ามาที่ปายแล้วไม่ได้ถ่ายภาพการติดประกาศบ้านพักนี้ แล้วจะมาไม่ถึง งั้นขอถ่ายซะหน่อย กลัวมาไม่ถึง


สุดท้าย ผมฝากท้องมื้อเย็นนี้ไว้กับร้านแดง Thai Food ก็พอได้ครับ แต่อย่าไปทานที่ร้านหัวมุมที่ตรงสามแยกนะครับ ร้านนั้นอาหารยอดแย่เลยครับ เพราะลองมาแล้ว(ความคิดเห็นส่วนตัว) ก่อนจะกลับไปยังที่พักได้รับทราบว่าวันนี้มีคอนเสิร์ตคาราบาวมาแสดงที่โรงเรียนปายวิทยาคารด้วย ค่าเข้าคนละ 100 บาทมั้งครับ พี่แดงแซวผมถามว่าจะไปดูหรือเปล่า ผมส่ายหัว ไม่ไปหรอกครับ ขอกลับไปพักผ่อนดีกว่า
ลาวันนี้ด้วยโคมไฟหลากสีที่แขวนท่ามกลางถนนระหว่างร้านอาหาร  แล้วพรุ่งนี้จะมาต่อครึ่งวันเช้ากับปาย ก่อนลาเมืองปายที่เปลี่ยนไป มุ่งสู่สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย บ้านรวมไทย(ปางอุ๋ง)นั่นเอง

Original Published on www.pantip.com at [ 17 ม.ค. 49 20:26:41 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2006/01/E4031842/E4031842.html


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น