สอบถามชาวบ้านเล็กน้อยว่าสุเหร่าอยู่ตรงไหนแล้วเดินเข้าไป เข้าไปถึงก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเราเข้าไปไม่ได้นั่นเอง ทำได้เพียงมองๆอยู่ข้างนอก
แล้วเดินกลับมาถนนใหญ่ โดยซอยที่เดินเข้ามาที่สุเหร่า Ampel นั้น จะเป็นตลาดเล็กๆ มีขายของที่ระลึก เสื้อผ้า และอื่นๆ เหมือนกับตลาดนัดบ้านเรา
แต่ก็ขอพรอยู่ในใจให้คุ้มครองเราทั้งคู่ตลอดการเดินทางใน 2 วันที่เหลือบนดินแดนอินโดนีเซียแห่งนี้
พอไหว้หลวงพ่ออ้วนเสร็จ กำลังจะขึ้นรถคนขับก็บอกว่า ถ้าจะไปที่สถานีขนส่งรถบัสต้องจ่ายอีก 50,000 Rp. เราไม่ยอมเถียงไปเถียงมาเลยไม่เอา จ่ายไปแค่ 30,000 Rp. ตามที่ตกลงในครั้งแรก แล้วเดินออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อมาเรียกรถแท็กซี่ให้ไปสถานีขนส่งรถบัสอีกครั้ง ในใจก็รู้สึกเซ็งกับแท็กซี่รายนี้มากๆ คิดว่าจะได้ราคาถูกแล้วเชียว ดันจะต้องจ่าย 2 ต่ออีก รอไปสักพัก(นานเกือบสิบนาที)ก็เรียกได้แท็กซี่ซึ่งเป็นคันที่สอง บอกให้กดมิเตอร์ เราเองขยาดกับมิเตอร์แล้ว เลยต่อรองไปด้วยราคา 40,000 Rp. ทั้งที่ไม่รู้ระยะทางแน่ชัด ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ยอมตกลงไป แต่คนขับก็กดมิเตอร์ลองจับดูด้วยเช่นกัน ปรากฎว่าไปถึงสถานี มิเตอร์ราคาเกือบจะเท่า 40,000 Rp. ตามที่เราได้ต่อรองราคาไว้ คนขับถึงกับชูมือว่าเราเก่ง ต่อรองราคาได้ใกล้เคียงกับมิเตอร์ 555 ฟลุ๊คหล่ะไม่ว่า .... เป็นอันว่าเราเสียเงินจากโรงแรมที่พักมา 2 ต่อรวมทั้งหมด 70,000 Rp
ประมาณ 40 นาทีจากหลวงพ่ออ้วน เราก็มาถึงสถานีขนส่งรถบัสเมืองสุราบายา(Purabaya Bus Terminal)
ไปถึงก็ถามเขาว่ารถที่จะไปโปรโบลิงโกขึ้นที่สายใด ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี เราขึ้นไปนั่งเป็น 2 คนสุดท้ายรถก็ออกเลย(รถออกเวลา 10:30 น.) แต่ได้ที่นั่งพิเศษคือ นั่งเบาะเด็กรถด้านหน้าคนขับนั่นเอง 555 เห็นวิวด้านหน้าก่อนใคร ราคาตั๋วคนละ 23,000 Rp. แพงกว่าเดิมจากที่ได้ข้อมูลมา 3,000 Rp. เหมือนกับรถโดยสารอื่นๆในวันก่อนๆเลย สงสัยขึ้นเพราะค่าน้ำมันเป็นแน่
สภาพถนนก็อย่างที่เห็นคือรถติดและเป็นฝุ่นแดงๆ ดีที่ได้นั่งรถแอร์ ไม่งั้นกินฝุ่นตายแน่
เกือบๆบ่ายโมง รถก็หยุดที่ข้างทางที่ใดสักแห่ง แต่เอ๊ะ...มันยังไม่ถึงสถานีขนส่งนี่หน่า รถหยุดเสร็จก็จะมีนายหน้ามาคอยพูดว่าคนที่โรงแรมที่เราจะไปพักเขาโทรมาให้มารับ ผมก็แปลกใจว่าไม่ได้แจ้งความประสงค์ดังกล่าวไป และก็ได้นึกถึงคุณออเพื่อนจากเว็บ TKT ที่อุตส่าห์ให้ข้อมูลเราก่อนไปว่าอย่าลงกลางทางที่ยังไม่ถึงสถานี ถ้าเป็นร้านริมถนนก็จะเป็นเอเย่นท์ให้นั่งต่อไป ผมจำได้ก็เถียงไปว่ายังไม่ถึงสถานีเลย แต่สุดท้ายพวกนี้ทำกันเป็นขบวนการ ยังไงเราทั้งสองก็ต้องลงที่นี่เพื่อให้เจ้านายหน้าเชือด งั้นลงก็ลงละกัน เดี๋ยวค่อยเข้าไปคุยในร้านข้างใน
พอลงเสร็จก็เริ่มขบวนการโน้มน้าวว่าที่นี่จะเป็นจุดที่รอรถที่จะไปส่งที่โบรโม่ ต้องรอที่นี่ อธิบายโน่นอธิบายนี่ ผมจำรูปที่คุณออโพสต์ไว้อย่างดีเลยรู้ว่ามันกำลังจะหลอกผม เลยไม่สนใจและทำท่าว่าไม่เชื่อมัน คราวนี้รู้สึกว่านายหน้าคนนี้จะโมโหผมที่ผมไม่ยอมฟังและเชื่อตามที่มันพูด มันเลยใช้นิสัยกร้าวร้าวออกมาโดยพูดกับเราว่า
"If you don't believe me, 100% I will not give you the room of Cemara Indah hotel on Bromo, GO AWAY"
ประโยคดังกล่าวช่าวเป็นประโยคที่กร้าวร้าวที่สุดที่ผมได้ยินมาจากคนอินโด สงสัยคิดว่าผมจะยอมมันมั้ง ไม่มีทาง มันไล่เราขนาดนี้แล้ว เลยไม่สนใจ เดินออกไปแล้วค่อยๆเดินไปข้างหน้าที่รถแล่นไป เพราะจำได้ว่าคุณออเคยบอกไว้ว่าถ้าลงแล้วก็ให้เดินอีกแค่ 800 เมตรก็ถึงสถานีแล้ว ผมเลยไม่กลัว สุดท้ายก็เดินถึงจนได้(แต่ผมว่ามันไกลกว่า 800 เมตรอ่ะ ร้อนก็ร้อน ฮือๆ)
ขอบคุณข้อมูลคุณออเป็นอย่างมากนะครับ ขอบคุณจากใจจริงๆครับ
จำไว้นะ....ไอ้ร้านเอเย่นท์นี้หล่ะ อย่าได้หลงเชื่อเลย
แต่ที่หงุดหงิดอีกก็คือ รถตู้กว่าจะออกใช้เวลานานถึง 1.5 ชั่วโมง ! โอ้....รอแล้วรออีก และคนที่ขึ้นไปทั้งหมดกี่คนรู้มั้ยครับ เกือบยี่สิบคนได้ ! อัดกันเข้าไป สุดท้ายรถออกจริงๆเวลาเกือบบ่ายสามโมง
ที่นี่จะมีน้ำชาให้มา 1 กระติกครับ ร้อนทีเดียว เหมาะกับอากาศที่เย็นลงในตอนกลางคืน ที่พักนี้เป็นห้อง Standard จองมาทางอินเตอร์เน็ตราคา 200,000 Rp. ก็ไม่ถูกไม่แพงครับ แต่วิวสุดยอดมากๆ เดี๋ยวมาดูกัน
เมื่อกี๊มองไม่ค่อยเห็น มีรั้วบังใช่มั้ย ? งั้นยืนขึ้นมาดูกันชัดๆจะๆ ครับ
ภูเขาไฟเซเมอรู(Semeru) พ่นควันด้านซ้ายมือสุด ถัดมาเป็นเจ้าภูเขาไฟโบรโม่น้อย ควันสีขาวต่อเนื่อง และขวาสุดบาต็อก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว
มาดูกันแบบใกล้ๆ ภูเขาไฟรูปทรงโคน(กรวย)หัวตัดลูกนี้ ชื่อว่า "บาต็อก" นั่นเอง
และมีอีกอย่างก็คือ เราต้องติดต่อเหมารถในวันพรุ่งนี้ตอนจะลงจากเขาเพื่อให้ไปส่งเราที่สนามบินสุราบายา เพราะไฟล์ทที่จะกลับไปกัวลาลัมเปอร์นั้นเวลาบ่ายสามโมง ซึ่งฉิวเฉียดมากๆถ้าเรากลับโดยรถโดยสารธรรมดาและยังต้องต่อรถไปอีก แถมการจราจรก็ติดแสนติด เราจึงต้องการเหมารถไปส่งที่สนามบินโดยตรงในวันพรุ่งนี้เลย เจ้าหน้าที่โรงแรมเสนอราคามาครั้งแรก 650,000 Rp. ต่อกันไปต่อกันมา ไม่ลงไปมากนัก ลดได้เพียง 50,000 Rp. เหลือ 600,000 Rp. สุดท้ายเราไม่มีทางเลือกก็ต้องเอา ยังดีกว่าต้องมาลุ้นรถธรรมดาแล้วตกเครื่องยิ่งจะซวยไปกันใหญ่ !
แล้วมาชมกันต่อในวันรุ่งขึ้นเช้ามืด ว่าภาพฝันจะเป็นยังไง
Published on http://www.pantip.com on [ 4 ส.ค. 51 23:48:04 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/08/E6862173/E6862173.html
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น