วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ชวา อินโดนีเซีย..วังสุลต่าน-บุโรพุทโธ-ภูเขาไฟโบรโม่ ตอน 3 จากเมืองสุราบายา นั่งรถบัสไปเมืองโปรโบลิงโก ก่อนจะต่อรถตู้ขึ้นเขา สู่หมู่บ้านเซโมโร ลาวัง หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ลมหายใจเทพเจ้า


วันนี้เป็นวันที่ 4 ของทริป เช้านี้เราตื่นนอนท่ามกลางชุมชนของชาวมุสลิมรอบๆบริเวณโรงแรมแกรนด์คาลิมัส โปรแกรมสำหรับวันนี้ก็คือ หลังจากเสร็จจากทานอาหารเช้าที่โรงแรมก็เช็คเอ้าท์เพื่อเดินไปดูสุเหร่าใกล้ๆโรงแรมที่ชื่อ Sunan Ampel Mosque แล้วค่อยว่ารถแท็กซี่ไปไหว้หลวงพ่ออ้วน(Joko Dolog Statue) เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนจะเดินทางไกลไปเมืองโปรโบลิงโก (Probolinggo) และนั่งรถขึ้นเขาต่อไปยังหมู่บ้านเซโมโร ลาวัง (Cemoro Lawang) เพื่อชมภูเขาไฟโบรโม่ต่อไป (บุโรพุทโธ ภูเขาไฟโบรโม่) 


วันที่ 20 กรกฎาคม 2551
หลังจากที่เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็ลงมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดให้ เป็นอาหารง่ายๆ จะออกสไตล์มุสลิมคือมีแต่แป้งและแกงกระหรี่ข้นๆ ผมทานได้เพียงไข่ต้ม 1 ฟองกับขนมปังทาแยม พร้อมกับกาแฟรสชาติแปลกๆอีก 1 แก้ว พอเสร็จก็ไปเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมแล้วเดินข้ามฝั่งของถนน


สอบถามชาวบ้านเล็กน้อยว่าสุเหร่าอยู่ตรงไหนแล้วเดินเข้าไป เข้าไปถึงก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเราเข้าไปไม่ได้นั่นเอง ทำได้เพียงมองๆอยู่ข้างนอก


แล้วเดินกลับมาถนนใหญ่ โดยซอยที่เดินเข้ามาที่สุเหร่า Ampel นั้น จะเป็นตลาดเล็กๆ มีขายของที่ระลึก เสื้อผ้า และอื่นๆ เหมือนกับตลาดนัดบ้านเรา


พอมาถึงถนนใหญ่ เราเรียกแท็กซี่ไปส่งที่หลวงพ่ออ้วนก่อน แล้วค่อยไปส่งเราที่สถานีรถบัสสุราบายา แต่ด้วยความสื่อสารกันไม่เข้าใจ เจ้าแรกเรียกเกือบ 80,000 Rp. เราจึงไม่เอาและเดินมาเรียกอีกเจ้า รายนี้ไปแฮะ บอกว่าแค่ 30,000 Rp. เอง อ้าว....ถูกอย่างนี้ดีเลย (ซึ่งจริงๆแล้วไม่รู้โดนโกงหรือเข้าใจกันคนละอย่าง) เราตกลงไป


ไม่นานครู่ใหญ่ๆรถแท็กซี่ก็พาเรามาถึงยังหลวงพ่ออ้วน Joko Dolog แต่ประตูปิดเข้าไม่ได้ เราได้แต่ถ่ายรูปอยู่ด้านข้าง


แต่ก็ขอพรอยู่ในใจให้คุ้มครองเราทั้งคู่ตลอดการเดินทางใน 2 วันที่เหลือบนดินแดนอินโดนีเซียแห่งนี้

พอไหว้หลวงพ่ออ้วนเสร็จ กำลังจะขึ้นรถคนขับก็บอกว่า ถ้าจะไปที่สถานีขนส่งรถบัสต้องจ่ายอีก 50,000 Rp. เราไม่ยอมเถียงไปเถียงมาเลยไม่เอา จ่ายไปแค่ 30,000 Rp. ตามที่ตกลงในครั้งแรก แล้วเดินออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อมาเรียกรถแท็กซี่ให้ไปสถานีขนส่งรถบัสอีกครั้ง ในใจก็รู้สึกเซ็งกับแท็กซี่รายนี้มากๆ คิดว่าจะได้ราคาถูกแล้วเชียว ดันจะต้องจ่าย 2 ต่ออีก รอไปสักพัก(นานเกือบสิบนาที)ก็เรียกได้แท็กซี่ซึ่งเป็นคันที่สอง บอกให้กดมิเตอร์ เราเองขยาดกับมิเตอร์แล้ว เลยต่อรองไปด้วยราคา 40,000 Rp. ทั้งที่ไม่รู้ระยะทางแน่ชัด ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ยอมตกลงไป แต่คนขับก็กดมิเตอร์ลองจับดูด้วยเช่นกัน ปรากฎว่าไปถึงสถานี มิเตอร์ราคาเกือบจะเท่า 40,000 Rp. ตามที่เราได้ต่อรองราคาไว้ คนขับถึงกับชูมือว่าเราเก่ง ต่อรองราคาได้ใกล้เคียงกับมิเตอร์ 555 ฟลุ๊คหล่ะไม่ว่า .... เป็นอันว่าเราเสียเงินจากโรงแรมที่พักมา 2 ต่อรวมทั้งหมด 70,000 Rp


ประมาณ 40 นาทีจากหลวงพ่ออ้วน เราก็มาถึงสถานีขนส่งรถบัสเมืองสุราบายา(Purabaya Bus Terminal)



ไปถึงก็ถามเขาว่ารถที่จะไปโปรโบลิงโกขึ้นที่สายใด ซึ่งก็ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี เราขึ้นไปนั่งเป็น 2 คนสุดท้ายรถก็ออกเลย(รถออกเวลา 10:30 น.) แต่ได้ที่นั่งพิเศษคือ นั่งเบาะเด็กรถด้านหน้าคนขับนั่นเอง 555 เห็นวิวด้านหน้าก่อนใคร ราคาตั๋วคนละ 23,000 Rp. แพงกว่าเดิมจากที่ได้ข้อมูลมา 3,000 Rp. เหมือนกับรถโดยสารอื่นๆในวันก่อนๆเลย สงสัยขึ้นเพราะค่าน้ำมันเป็นแน่


ทางที่ไปเป็นทางหลวงหลัก ฉะนั้นต้องเสียค่าผ่านทางด้วยครับ


สภาพถนนก็อย่างที่เห็นคือรถติดและเป็นฝุ่นแดงๆ ดีที่ได้นั่งรถแอร์ ไม่งั้นกินฝุ่นตายแน่


ระหว่างทางพอขับไปได้สักพักก็แวะเติมน้ำมัน น้ำมันที่นี่ราคาไม่แพง ดีเซลลิตรละ 5,500 Rp. ส่วนเบนซินลิตรละ 6,000 Rp. หรือประมาณ 24 บาทเท่านั้น ! 

รถจอดเติมน้ำมันก็จะมีคนขึ้นมาขายขนม เช่น ข้าวเกรียบ, ขายน้ำเปล่า, เครื่องดื่มชูกำลัง ดูแล้วมันช่างคล้ายรถป.2 บ้านเรายังไงยังงั้นเลยครับ


เกือบๆบ่ายโมง รถก็หยุดที่ข้างทางที่ใดสักแห่ง แต่เอ๊ะ...มันยังไม่ถึงสถานีขนส่งนี่หน่า รถหยุดเสร็จก็จะมีนายหน้ามาคอยพูดว่าคนที่โรงแรมที่เราจะไปพักเขาโทรมาให้มารับ ผมก็แปลกใจว่าไม่ได้แจ้งความประสงค์ดังกล่าวไป และก็ได้นึกถึงคุณออเพื่อนจากเว็บ TKT ที่อุตส่าห์ให้ข้อมูลเราก่อนไปว่าอย่าลงกลางทางที่ยังไม่ถึงสถานี ถ้าเป็นร้านริมถนนก็จะเป็นเอเย่นท์ให้นั่งต่อไป ผมจำได้ก็เถียงไปว่ายังไม่ถึงสถานีเลย แต่สุดท้ายพวกนี้ทำกันเป็นขบวนการ ยังไงเราทั้งสองก็ต้องลงที่นี่เพื่อให้เจ้านายหน้าเชือด งั้นลงก็ลงละกัน เดี๋ยวค่อยเข้าไปคุยในร้านข้างใน

พอลงเสร็จก็เริ่มขบวนการโน้มน้าวว่าที่นี่จะเป็นจุดที่รอรถที่จะไปส่งที่โบรโม่ ต้องรอที่นี่ อธิบายโน่นอธิบายนี่ ผมจำรูปที่คุณออโพสต์ไว้อย่างดีเลยรู้ว่ามันกำลังจะหลอกผม เลยไม่สนใจและทำท่าว่าไม่เชื่อมัน คราวนี้รู้สึกว่านายหน้าคนนี้จะโมโหผมที่ผมไม่ยอมฟังและเชื่อตามที่มันพูด มันเลยใช้นิสัยกร้าวร้าวออกมาโดยพูดกับเราว่า

"If you don't believe me, 100% I will not give you the room of Cemara Indah hotel on Bromo, GO AWAY"

ประโยคดังกล่าวช่าวเป็นประโยคที่กร้าวร้าวที่สุดที่ผมได้ยินมาจากคนอินโด สงสัยคิดว่าผมจะยอมมันมั้ง ไม่มีทาง มันไล่เราขนาดนี้แล้ว เลยไม่สนใจ เดินออกไปแล้วค่อยๆเดินไปข้างหน้าที่รถแล่นไป เพราะจำได้ว่าคุณออเคยบอกไว้ว่าถ้าลงแล้วก็ให้เดินอีกแค่ 800 เมตรก็ถึงสถานีแล้ว ผมเลยไม่กลัว สุดท้ายก็เดินถึงจนได้(แต่ผมว่ามันไกลกว่า 800 เมตรอ่ะ ร้อนก็ร้อน ฮือๆ)
ขอบคุณข้อมูลคุณออเป็นอย่างมากนะครับ ขอบคุณจากใจจริงๆครับ

จำไว้นะ....ไอ้ร้านเอเย่นท์นี้หล่ะ อย่าได้หลงเชื่อเลย



เราใช้เวลาเดินจากร้านเอเย่นท์จอมหลอกลวงนั่นมาที่สถานีรถบัสโปรโบรลิงโก 23 นาทีด้วยกัน ไกลไม่ใช่เล่นเลยนะ ระหว่างทางก็เจอกับชาวอินโดใจดีบอกทางเราว่าให้เดินตรงไปข้างหน้าไม่ต้องเข้าไปที่สถานีก็จะเจอ Minibus จอดอยู่ ขึ้นได้เลย


แต่พอเดินใกล้ๆจะถึงแล้ว ก็ดันเจอลุงนายหน้าอีกจนได้...เฮ้อ คนที่ชี้มือมาที่รถตู้นี้แหล่ะ แต่ผมไม่สน ไม่เหมารถไปอยู่แล้ว เรียกตั้ง 200,000 รูเปี๊ยห์ ไม่มีหรอกนะ เลยนั่งรอชาวบ้านที่จะขึ้นไปหมู่บ้านที่อยู่ด้านบน ราคาคิดคนละ 20,000 Rp. โอเค ราคาตรงตามที่ได้ข้อมูลมา  


แต่ที่หงุดหงิดอีกก็คือ รถตู้กว่าจะออกใช้เวลานานถึง 1.5 ชั่วโมง ! โอ้....รอแล้วรออีก และคนที่ขึ้นไปทั้งหมดกี่คนรู้มั้ยครับ เกือบยี่สิบคนได้ ! อัดกันเข้าไป สุดท้ายรถออกจริงๆเวลาเกือบบ่ายสามโมง


รถตู้ใช้เวลา 1 ชม. 20 นาทีก็พาเรามาถึงที่พักที่เราได้จองกันไว้นั่นคือ Cemara Indah Hotel ที่พักที่มีจุดชมวิวที่สวยที่สุดบนโบรโม่นี้ แต่ก่อนจะลงก็ต้องมีเรื่องหงุดหงิดอีกแล้ว ก็เจ้าเด็กรถเรียกเราคนละ 25,000 Rp. นะสิ เราไม่ยอมจ่าย เราจะจ่ายแค่ 20,000 Rp. ตามที่เคยคุยกันคนก่อน(รถคันนี้เป็นอีกคันไม่ใช่คันเดิม) ผมอธิบายว่าตกลงกัน 20,000 Rp. แล้ว จนยังไงไม่ทราบ เด็กรถมันคงรำคาญผมมั้ง เลยคืนเงินมา 10,000 Rp. จากที่ตอนแรกเก็บไป 50,000 Rp. เอาสิ...ยังไงก็จะไม่ยอมโดนโกงอีกแล้วนะ ฮึ่มๆ


อีกวิวหนึ่งของที่พักที่มองย้อนกลับไปจากทางเข้ามา


เข้าไปดูภายในห้อง สะอาด และโอเคทีเดียว ไม่เห็นเหมือนกับใครหลายคนที่เคยมาพักแล้วบอกชื้นๆ ผ้าห่มเหม็นๆเลย แต่ก็อย่างว่านะครับ แต่ละครั้งก็จะไม่เหมือนกัน ถือว่าเราโชคดีบ้างละกันหลังจากที่จะโดนอิเหนาโกงมา

ที่นี่จะมีน้ำชาให้มา 1 กระติกครับ ร้อนทีเดียว เหมาะกับอากาศที่เย็นลงในตอนกลางคืน ที่พักนี้เป็นห้อง Standard จองมาทางอินเตอร์เน็ตราคา 200,000 Rp. ก็ไม่ถูกไม่แพงครับ แต่วิวสุดยอดมากๆ เดี๋ยวมาดูกัน


เก็บข้าวของเสร็จ ก็ออกมาชักภาพ วิวด้านหลังควันฉุยๆจากปล่องภูเขาไฟโบรโม่เลยครับ วิวสุดยอดมากๆ 


มองลงไปด้านล่างไกลๆ เห็นเหมือนมีรั้วยาวๆ สีขาววางตัวเป็นเส้นตรงต่อกัน ยังไม่ทราบว่าทำไว้เพื่ออะไร แต่ถ้าชมในวันรุ่งขึ้น จะเฉลยเองว่าคืออะไรครับ


มาถึงที่พักก็เย็นแล้วหล่ะ สี่โมงเกือบครึ่ง หิวก็หิว อากาศก็เย็น เรายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลย พอเดินออกมาด้านหน้ารีเซฟชั่นก็นี่เลย บักโส ก๋วยเตี๋ยวอีกแล้ว ดูน่าทานจัง เลยนั่งที่โต๊ะข้างๆพร้อมกับสั่งมาคนละ 1 ชามก่อน


ว้าววว.....นั่งทานบักโสพร้อมๆกับชมวิวภูเขาไฟโบรโม่ที่มองได้โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น จะให้ทำอะไรก็ยอม ดูสิ...กำลังจะทานอยู่พอดี เจ้าภูเขาไฟเซเมอรู(Semeru) ก็ดันแสดงอิทธิฤทธิ์พ่นควันปุ๋งๆออกมาให้แล้ว มีความสุขจริงๆเลยยยยย 555


เมื่อกี๊มองไม่ค่อยเห็น มีรั้วบังใช่มั้ย ? งั้นยืนขึ้นมาดูกันชัดๆจะๆ ครับ

ภูเขาไฟเซเมอรู(Semeru) พ่นควันด้านซ้ายมือสุด ถัดมาเป็นเจ้าภูเขาไฟโบรโม่น้อย ควันสีขาวต่อเนื่อง และขวาสุดบาต็อก ภูเขาไฟที่ดับแล้ว


มาดูกันแบบใกล้ๆ ภูเขาไฟรูปทรงโคน(กรวย)หัวตัดลูกนี้ ชื่อว่า "บาต็อก" นั่นเอง


ซูมไปดูวิวภูเขาไฟโบรโม่แบบใกล้ๆกันครับ  ลายของตัวอ่างรอบๆปล่องภูเขาไฟแตกลายงาดูสวยทีเดียว ส่วนกลุ่มควันก็ค่อยๆผุดขึ้นมาจากก้นภูเขาไฟอย่างช้าๆ ควันสีขาวหนาแน่นไปหมดเลย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่มากๆ


รู้นะว่ายังไม่สะใจ.....งั้นดูลูกนี้ปล่อยระเบิดกันเต็มๆ โอ้โห....ใครมาเห็นอาจจะนึกว่าระเบิดปรมาณูเลยนะเนี่ย คล้ายกันมากๆ


ผมเอาภาพที่ถ่ายภูเขาไฟเซมารู(Semeru) มาหลายจังหวะนำมารวมเป็น Gif Animation มาให้ชมกันครับ จะได้พอทราบว่ามันปล่อยควันเคลื่อนไหวออกมาอย่างไร โดยผมเพิ่มความเร็วกว่าปกตินะครับ


พอตกเย็นเราก็เข้าไปติดต่อกับทางโรงแรมให้จัดหารถจี๊ปไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เขา Penanjakanในวันรุ่งขึ้น ซึ่งราคาที่เราได้ข้อมูลมาคือ 75,000 Rp./คน สำหรับแชร์กัน แต่ตอนนี้ราคาขึ้นแล้วคือ 80,000 Rp./คน ซึ่งก็โอเคแล้วสำหรับเรา แต่ถ้าเหมาจะเป็น 275,000 Rp. แล้วนะครับ ตอนนี้ราคาค่ารถขึ้นทุกอย่างแล้วครับ ขึ้นถ้วนหน้า เจ้าหน้าที่โรงแรมบอกกับเราว่าจะมาปลุกตอนตี 3 เพื่อพาเราไปขึ้นเขา Penanjakan กันในวันรุ่งขึ้น เราก็ตกลง

และมีอีกอย่างก็คือ เราต้องติดต่อเหมารถในวันพรุ่งนี้ตอนจะลงจากเขาเพื่อให้ไปส่งเราที่สนามบินสุราบายา เพราะไฟล์ทที่จะกลับไปกัวลาลัมเปอร์นั้นเวลาบ่ายสามโมง ซึ่งฉิวเฉียดมากๆถ้าเรากลับโดยรถโดยสารธรรมดาและยังต้องต่อรถไปอีก แถมการจราจรก็ติดแสนติด เราจึงต้องการเหมารถไปส่งที่สนามบินโดยตรงในวันพรุ่งนี้เลย เจ้าหน้าที่โรงแรมเสนอราคามาครั้งแรก 650,000 Rp. ต่อกันไปต่อกันมา ไม่ลงไปมากนัก ลดได้เพียง 50,000 Rp. เหลือ 600,000 Rp. สุดท้ายเราไม่มีทางเลือกก็ต้องเอา ยังดีกว่าต้องมาลุ้นรถธรรมดาแล้วตกเครื่องยิ่งจะซวยไปกันใหญ่ !

แล้วมาชมกันต่อในวันรุ่งขึ้นเช้ามืด ว่าภาพฝันจะเป็นยังไง

Published on http://www.pantip.com on [ 4 ส.ค. 51 23:48:04 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/08/E6862173/E6862173.html



เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น