วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เที่ยวเกาะกูด เกาะตะวันออกสุดของอ่าวไทย ตอน 3 ลาแล้วเกาะกูด แต่ยังตามเก็บอาหารทะเลที่แพลนไว้ ก่อนจะเที่ยวเชิงนิเวศที่หาดทรายดำ 1 ใน 5 ของโลก ณ แหลมงอบ จ.ตราด


วันนี้เป็นวันที่ 3 ในเกาะกูดและเป็นวันที่ต้องลาจากกันแล้ว เสียดายนิดหน่อยที่อีกคนไม่ว่างในวันพรุง่นี้ ไม่งั้นก็คงอยู่ต่ออีกวัน แต่คงเป็นรีสอร์ทอื่นแทน วันนี้ต้องมารอรถกะบะก่อน 8.55 น.ที่หน้ารีสอร์ท เพราะโทรเช็คกับเจ้าหน้าที่เรือแล้วแจ้งมาดังที่กล่าวมา ทริปนี้ยังตามกินอาหารทะเลไม่ครบตามที่ได้แพลนไว้คือ ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว, ปลาหมึกแดดเดียว และปูนิ่มผัดพริกไทยดำ ร้านทั้ง 2 ร้านเมื่อวานนี้ก็ไม่มีเมนูเหล่านี้ให้สั่งเลย มาทะเลแท้ๆน้อ เฮ้อ....ไว้ไปตามเก็บที่ฝั่งเอาก็ได้ถ้าโชคดี อีหนึ่งอย่างคือการไปซื้อสละขากลับ เพราะอยู่ในตัวเมืองตราดนั่นเอง แวะเข้าซอยไปหน่อยเนอะ อีกสิ่งที่ไม่ได้แพลนมาคือ การไปเที่ยวชมหาดทรายดำ เพราะเพิ่งเห็นตอนขับรถเข้าไปที่แหลมงอบ น่าแปลกทีเดียวต้องแวะดีกว่า งั้นตามไปกับเราเลยครับ


เกือบๆ 8 โมงเช้าก็ต้องเตรียมตัวออกจากบ้านพักที่ฮอริซอนรีสอร์ทแล้ว เช้านี้ประตูบ้านพักที่เป็นกระจกเป็นฟ้าเลยทีเดียว เนื่องจากอุณหภูมิอากาศภายในกับภายนอกแตกต่างกันมาก


เก็บข้าวของมาวางไว้ที่ล็อบบี้และทานอาหารเช้าที่ไม่ค่อยจะคาดหวังเท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่าออกมาดีเป็นปกติแล้ว ไข่ดาวเป็นไข่ดาว แถมได้เบคอนกับไส้กรอกแผ่นมาเพิ่มด้วย ซึ่งมันควรจะได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ


วิวเช้านี้น้ำลงไปยิ่งกว่าเมื่อวานซะอีก


โอเค...รถมารับแล้วครับ ได้เวลาจากลาฮอริซอนรีสอร์ท ขอบคุณน้องผู้ชายที่ช่วยยกสัมภาระให้ จัดทิปไปครับ อย่าเสียดาย


รถกะบะใช้เวลา 30 นาทีผ่านเนินชันๆหลายเนินก็พาเรามาถึงท่าเรืออ่าวสลัด โน่นครับ ต้องเดินต่อลงไปด้านล่าง มีน้องหมามาต้อนรับด้วย อิอิ


เข้าคิวรอลงเรือ(เรือใช้คำว่าลงเนอะ ไม่ใช่ขึ้น) ไม่นานครับ จะเห็นว่าท่าเรือนี้คับแคบนะครับ น่าจะทำทางเดินให้กว้างกว่านี้


สภาพเรือแบบยังไม่มีผู้โดยสาร(จริงๆผู้โดยสารลงไปแล้วต่างหาก 555) สังเกตว่าจะมีเสื้อชูชีตทุกที่นั่ง ใส่เถอะครับ เพื่อความปลอดภัยของเรา แม้จะอึดอัดบ้างก็ตาม


เรือใช้เวลาแล่นจากอ่าวสลัด เกาะกูดมายังท่าเรือแหลมศอก ประมาณ 2 ชม.เช่นเดียวกับขาไป มาถึงก็ต้องรอรถที่ท่าเรือก่อนเพราะรถไปสำนักงานเกาะกูดปริ๊นเซสเต็ม!....แต่ที่ งงมากคือ ให้รอนาน แทนที่จะส่งผู้โดยสารเร็วๆแล้ววิ่งกลับมารับเลย ไปเสียเวลาอะไรอยู่?


อย่างที่บอกครับ ภาระกิจยังไม่สำเร็จเลยต้องมาตามเก็บอาหารทะเลอีกครั้งบนฝั่ง ได้ข้อมูลจากเน็ตว่าร้านริมทะเลซีฟู๊ด ที่อยู่แหลมงอบมีอาหารทะเลอร่อยๆ น่าจะปิดภาระกิจที่ตั้งไว้ได้บ้างนะ
จากสำนักงานเกาะกูดปริ๊นเซสไปแหลมงอบ ใช้เวลา 1 ชม.ด้วยกันเลยนะครับ เพราะไกลพอสมควร จากแหลมศอกที่มีเรือไปเกาะกูด สู่แหลมงอบที่มีเรือไปเกาะช้าง คิดเอาเองละกันครับ


เข้ามาร้านคนยังไม่เยอะเท่าไหร่ เลือกมุมนี้ติดทะเลมีไม้ทำเป็นรั้วกันตกน้ำ แปลกตาดี อ้อ..ที่เห็นไกลๆนั่นคือเกาะช้างนะครับ พอได้เมนูอาหารแล้วเราก็สั่งกันเลย...อุบไว้ก่อนว่าสั่งอะไรบ้าง


ระหว่างรออาหารมองทะลุม่านไม้ไผ่ เป็นท่าเรือประมงครับ


มาแล้วครับ ประมาณ 15 นาที จานแรก...ปลาหมึกแดดเดียว...เยๆๆๆๆ พิชิตไป 1 จาน แต่รสชาติยังสู้ร้านสลักเพชรที่เกาะช้างไม่ได้ครับ อันนั้นอร่อยเหาะมากๆ


แล้วก็ตามาด้วย แอ่นแอ๊น....ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ.....สุดยอดอีกจานตามที่อยากกิน จานนี้ก็อร่อยดีครับ ไม่เผ็ดพริกไทยมากนัก


2 จานก็อิ่มหนำกันไปแล้ว แถมข้าวก็เกือบหมดแล้วด้วย นั่งรอร๊อรอ จานสุดท้าย ใช้เวลา 18 นาทีเลยครับจากจานที่ 2 ถึงจะมาเสริฟ นั่นคือ....ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว ปลาตัวใหญ่มากน่าจะ 6-7 ขีดได้ โอ้ย...จะทานหมดมั้ยเนี่ย ชักอิ่มแล้วเหมือนกัน แต่พอค่อยๆทานไปก็หมดเหมือนกันนะครับ หมดแบบอิ่มมากกกกก

ก็เป็นอันว่า อาหารทะเล 3 เมนูที่ตั้งใจไว้ว่าจะมากินก่อนเดินทางมาทริปนี้ ได้กินหมดเลยครับ แต่ไปได้กินตอนออกจากเกาะกูดแล้วนะสิ 555 บนเกาะอาหารทะเลคงไม่หลากหลายมากนัก และยิ่งหน้าโลว์ด้วยก็ยิ่งไม่มีใครหาสัตว์ทะเลแปลกๆมารองรับหรอกเนอะ ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน
เช็คบิลเสร็จ คิดว่าจะเกินพันบาทไปเยอะมาก แต่เปล่าเลย แค่ 1,240 บาท ถือว่าเหมาะสมแล้วครับ อ้อ..ใช้บัตรเครดิตได้ด้วยนะครับ


ออกจากร้านอาหารก็มาทานกาแฟสดตราด 8788 ก็อยู่หน้าทางเข้าริมทะเลซีฟู๊ดนี่หล่ะครับ ไม่ไปไกล
ส่วนตัวเลขนั้น ถามพี่คนขายเขาบอกว่า เป็นเลขทะเบียนของเจ้าของไร่กาแฟครับ ดอยอะไรจำไม่ได้แล้ว อยู่อ.บ่อไร่นี่เอง


ลองชิมแล้วรสชาติเข้มโอเคเลยครับ ไปลองกันได้ เอสเปรสโซ่เย็นแก้วละ 40 บาทเอง


แล้วก็มาต่อที่ประภาคารแหลมงอบ ฟ้ามัวๆ คล้ายๆฝนจะตกลงมาแล้ว


อีกมุมแบบแนวตั้งบ้าง อ้อ..อยู่ไม่ไกลกับร้านอาหารริมทะเลฯนะครับ มีที่จอดรถให้มาชมวิวและถ่ายภาพ 20-30 คันเลย


ป้ายบอกว่า สุดแผ่นดินทะเลตะวันออก


เข้าไปถ่ายรูปที่สะพานนี้กันดีกว่า เป็นของกองทัพเรือครับ


ซูมๆ


อย่างที่ได้บอกไว้ ตอนขามาที่แหลมงอบเห็นป้ายแหล่งท่องเที่ยวใหม่ นั่นคือ หาดทรายดำ เลยไม่พลาดที่จะไปชมกัน ว่ากันว่าเป็น 1 ใน 5 ของโลกที่มีหาดทรายดำแบบนี้ด้วยนะ ขับรถย้อนไปครับ ทางเดิมที่แล่นมาจากแหลมศอก


ป้ายแรกที่เจอบนทางเดินไปหาดทรายดำ "ปูแสม"


คนมากันไม่น้อยนะครับ เสียอย่างเดียว ทางเดินเป็นปูน ไม่ชอบเลย แทนที่จะเป็นไม้


พระเอกของที่นี่ หอยขี้ค้อน (Telescope Creeper) แต่แปลกใจมาป่าโกงกางที่ไหนๆจะเจอกับปลาตีน หรือไม่ก็ปูดำตามดินครับ แต่มานี่ไม่ยักจะเจอ แปลกมากๆ


ทางเดินปูนคดโค้ง แต่ขอเป็นไม้ได้มั้ย?


ป้ายที่ 2 หอยขี้ค้อน (Telescope Creeper) มีอยู่กลาดเกลื่อนเต็มไปหมด


ป้ายถัดไป พรรณไม้ป่าชายเลน มีเด็กๆที่สนใจอ่านกันเยอะเลย ดีใจด้วย ถือเป็นคนที่ชอบความรู้ อ่านเยอะๆนะจ๊ะน้องๆ


แล้วก็มาถึงหาดทรายดำ สุดทะเลพอดี อันนี้ถ่ายแบบใกล้พื้นทรายเลยนะเนี่ย


มีม้านั่งไม้ด้วยนะ เอาขาจมทรายไปครับ


ป้ายบอก ถ้ามาถูกที่ถูกเวลา จะได้เห็นความมหัศจรรย์ของทรายดำ


หามุมศาลานี้ให้ได้ดังป้ายเมื่อกี๊นี้


หรือจะมุมนี้นะ


เดินวนออกมา เจอป้าย "ปูก้ามดาบ"


สิ่งมีชีวิตในป่าชายเลน


เดินกลับแล้วจ้าาา


ต้นโกงกาง หรือแมงโกรฟ(Mangrove) ต้นไม้ในป่าชายเลน ดูรากมันสิครับ แปลกมากๆ ต้นโกงกางเป็นแถวสวยงาม หรือคนไปปลูกไว้เนี่ย?


เสร็จจากหาดทรายดำก็ถือว่าหมดภาระกิจแล้วครับ เหลืออีกอย่างคือซื้อของฝากนั่นคือ สละ ที่สวนสมโภชน์ อยู่อ.ตราด แวะเข้าไป ได้  กดตรงนี้เป็นแผนที่


สละเยอะแยะเลย สดๆทั้งนั้น ราคาโลละ 100 บาทครับ ส่วนสละลอยแก้วก็มีเน้อ...กระปุกใหญ่ 55 บาท อร่อยมากๆ กระปุกเล็ก 25 บาท


ลูกเจ้าของสวนมาขายเองเลย


ลาจากกันด้วยต้นสละจริงๆที่กำลังออกผลสละอยู่นะครับ แสงน้อยไปนิดเพราะใกล้มืดแล้ว

แล้วก็เป็นอันสิ้นสุดทริปเที่ยวเกาะกูด เกาะตะวันออกสุดของอ่าวไทย 3 วัน 2 คืน ไปเพียงเท่านี้ครับ ขอบอกว่า แม้หน้าโลว์ซีซั่นแบบนี้ยังสนุกเลย หน้าไฮท์นี่ไม่ต้องพูดถึง ไปเที่ยวเถอะครับ ยังบริสุทธิ์อยู่ ถ้ามีโอกาสจะไปอีกครับ 
ปล.ขากลับฝนตกตลอดทางเลยครับ แถมฟ้าแล่บตลอดทางด้วยสิ น่ากลัวจริงๆ ถึงบ้าน 4 ทุ่ม ปลอดภัยแล้วเจอกันใหม่ครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น