วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวก่อนปีใหม่ ๒๕๕๙ ณ คาเมรอน ไฮแลนด์ และ มะละกา (ครั้งที่ 2) ตอน 2 เช่าแท็กซี่ไปเที่ยวไร่ชา BOH, ฟาร์มผึ้ง และสวนสตรอเบอรี่


มาต่อกันในวันที่ 2 ครับ วันนี้แพลนเที่ยวไร่ชาและสวนอื่นๆ ครึ่งวัน เนื่องจากเราไม่ได้จองทัวร์ไว้เมื่อวาน ซึ่งก็ไม่อยากไปกับทัวร์นะครับ เลยตอนเช้ากะจะไปถามร้านที่ให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์เพื่อจะเช่าซะหน่อย ปรากฎว่าพนักงานร้านถามว่ามีใบขับขี่มอเตอร์ไซค์มั้ย ? ผมบอกเลยว่าไม่มีมีแต่ใบขับขี่รถเก๋ง แล้วก็ไม่เห็นว่ามันต้องใช้ด้วยเพราะเป็นใบขับขี่ในไทยจะเอาไปใช้ในมาเลเซียนี้ได้ไง ใบขับขี่สากลก็ไปอย่าง แล้วผมยังบอกไปว่า เคยขี่ที่เวียดนามด้วยนะ สุดท้ายเขาไม่ยอมครับ ก็เลยไม่ได้เช่ามอเตอร์ไซค์ ( 8 ชม. 50 RM) ก็เลยต้องใช้บริการแท็กซี่ครับ
วันนี้เราจะให้คนขับแท็กซี่พาเราไปไร่ชา BOH อันโด่งดัง และละแวกใกล้เคียง มาสวนสตอร์เบอรี่ ฟาร์มผีเสื้อ และอื่นๆที่พอจะเข้าไปได้ ตามมาด้วยกันครับ


ออกจากที่พัก 8.20 น. คนยังน้อยอยู่เลยครับ อากาศก็หนาวด้วย มาที่นี่ต้องไม่ลืมแจ๊คเก็ตเลยนะครับ


เดินไปถามร้านที่ให้เช่ามอเตอร์ไซค์มา สุดท้ายเช่าไม่ได้ก็มาหาร้านใกล้ๆทานอาหารเช้ารองท้องกันก่อนครับ อันนี้เป็นอะไรใครทายถูกมั่ง?? ข้าวเหนียวไส้สังขยาหรือเปล่า อิอิ


แอ่น แอน แอ๊น...เปิดห่อเฉลย Nasi Lamak นั่นเอง อาหารนิยมของชาวมาเลย์และอินโดครับ อร่อยดี เผ็ดๆ


ส่วนของผมไข่ลวกครับ Half Boiled Egg ตอนแรกไม่เข้าใจ ไข่ต้มเหรอ แล้วเสริฟครึ่งเดียว แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว 555


กลัวไม่อิ่ม เลยสั่งแป้งนานโรยด้วยน้ำผึ้งมาอีกจาน ส่วนรสชาติธรรมดา


ทานเสร็จก็ได้เวลาเดินไปหาแท็กซ๊่เช่ากันแล้ว ก็ตรงสถานีรถบัสเดิมที่เราลงเมื่อวานนี้ไงครับ ใจจริงเสียดายเงินนะครับ เพราะเรตแท็กซี่แพงเกิน ชม.ละ 25 RM แล้วขั้นต่ำ 3 ชม.ด้วย 750 บาทอย่างต่ำ แพงกว่ารถบัสมาที่นี่เลย :(


คันนี้ครับ คิดว่าจะได้นั่งเบนซ์ซะอีก


ขึ้นรถก็บอกคนขับ แกก็เข้าใจ พาไปไร่ชา BOH ก่อนเลย แต่พอมาถึงเมือง Brinchang รถก็มาติดอย่างที่เห็นนะครับ


ถึงแล้ว รถจอดให้เราเดินสูดอากาศและเดินขึ้นไปด้านบนไร่ชาก่อน คือจริงๆก็ยังไม่อยากเดินดูนะ สงสัยตัดกำลังเราให้เหนื่อย งั้นเดินตามมาเลยครับ


ใบชาสีเขียวสด มีหยดน้ำเกาะด้วยครับ เห็นแล้วสดชื่นดี


เดินขึ้นไปด้านบนอย่างทุลักทุเล ช่องทางเดินก็ไม่ค่อยมีครับ แต่พอได้เห็นวิวก็สวยงามมาก ถนนที่เห็นคือถนนที่เราจะต้องไปต่อครับ


อีกมุมหนึ่ง มีแต่ชา ชา และก็ชาสุดลูกหูลูกตา จริงๆใครอยากดูไร่ชาก็ไปเชียงรายแถวดอยแม่สลองได้นะครับ ไร่ชา 101 ไง ไม่ต้องมาไกล 555 แต่คนละบรรยากาศกันครับ


นี่ไงครับ ซอกทางเดินที่เราเดินทุลักทุเลขึ้นมา ต้องเดินระวังนะครับ เพราะลื่นจากน้ำค้าง เดินไม่ดีตกลงไปได้นะครับ


วิวมุมบนสุด มองไปยังยอดเขาโน้น


จะเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว กลัวจะเตลิดไปไกล ยืนแค่จุดนี้พอละกัน


ขอเก็บวิวไร่ชา BOH แค่นี้ก่อนละกันครับ แล้วเราก็เดินลงมายังด้านล่าง


คนขับแท็กซี่แสดงให้เราดูเรื่องใบชา ว่าไร่ชาที่นี่นำพันธุ์มาจากศรีลังกา เขาเองก็เคยทำในไร่ชาที่อินเดีย เขามาจากเชนไน อินเดียครับ มีความรู้เรื่องไร่ชามากทีเดียว


แล้วเราก็ขึ้นรถแท็กซี่ต่อไปจนถึงทางเข้าโรงงานทำชา BOH ครับ


เดินเข้าทางนี้เพื่อไปชมกรรมวิธีทำชาจากใบชาครับ


อันดับแรกคือเป็น roller crusher หรือเครื่องบดใบชาแบบลูกกลิ้งครับ บดๆให้ละเอียดแล้วก็ตกลงไปตามสายพานครับ


อันนี้เป็นสายพานที่จะพาใบชาที่บดละเอียดแล้วขึ้นไปยังเครื่องอบให้แห้งครับ


นี่ไงครับ เครื่องอบใบชา


ดูเสร็จก็เดินมาเข้า hall ทางนี้ ที่เห็นอยู่เป็นเครื่องเก็บใบชาสมัยก่อนครับ สมัยนี้ใช้เครื่องเก็บอัตโนมัติหมดแล้ว ไม่ต้องใช้แรงงาน


เดินเข้าไปตรงร้านอาหารครับ เพื่อไปสั่งเค้ก และชาดื่มกัน วันนี้คนเยอะมาก เอ๊ะ เขียนอย่างกับมาหลายครั้ง อิอิ เปล่าหรอกครับ ทุกทีเห็นภาพจากเน็ต คนไม่เยอะขนาดนี้


สั่งเค้กคนละจาน แล้วก็ชาร้อน 1 กา จำไม่ได้ว่าชาแบบไหน แต่เห็นเขาบอกว่าชาแบบที่ popular สุด อากาศเย็นก็ต้องชาร้อนๆ ไม่ใส่นมนะครับ สนนราคาทั้งหมด 27 RM


วันนี้คนเยอะมากจริงๆ แออัดริมระเบียงไปหมดเลย


หามุมว่างไม่ค่อยได้ครับ เพิ่งมาได้ เพราะฝนตกเล็กน้อย ไอฝนมันสาดเข้ามา คนเลยหนีไปนั่งตรงจุดอื่น อิอิ


แล้วลงมาหามุมระเบียงสวยๆแบบนี้ มุมมหาชนครับ หญ้าสีเขียวสดชื่นจริงๆ


มุมเดินแต่ซูมเข้าไปครับ


เราใช้เวลาตรงร้านอาหารนี้นานหน่อย เพราะฝนตกครับ บวกกับอยากพักผ่อนด้วย เลยใช้เวลานั่งชมวิวนานหน่อย


ก่อนกลับก็แวะร้านขายชาเพื่อซื้อของเป็นที่ระลึก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาชนิดต่างๆ ราคามีให้เลือกหลากหลาย แพ็คละไม่กี่บาทก็มีครับ


ได้เวลาลากลับจากไร่ชา BOH กันแล้ว มองเห็นวิวบ้านอะไรสักหลังไกลๆ ท่ามกลางไอหมอก


แล้วคนขับแท็กซี่ก็พามาแวะ Rose Vally สวนกุหลาบ พอเราเข้าไปก็ต้องเสียเงินค่าเข้า เราเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าครับ


ให้พามาที่ฟาร์มผึ้งดีกว่า ไม่เสียเงิน แต่จริงๆก็ไม่มีอะไร แถมฝนก็กำลังตกอยู่ด้วย เสียอารมณ์เลย


นี่ครับ บ้านของผึ้งทั้งหลาย


แล้วก็ไปต่อยังสวนสตอร์เบอรี่


เขาปลูกกันแบบนี้ ไม่เหมือนในไทยเราแฮะ


อีกรูปใกล้ๆ น่าเด็ดมากินจัง


พักทานไอศครีมสตอร์เบอรี่ซันเดกันก่อนกลับครับ ถ้วยนี้ 7.9 RM


สุดท้าย ลุ้นมากๆ เพราะมันเกิน 3 ชม. มาแล้ว จะทะลุ 4 ชม. สุดท้ายก็มาส่งยังสถานีรถบัสที่เดิมด้วยเวลาเกือบ 4 ชม. เกือบไป จ่ายไป 100 RM แพงจัง เลยผ่านป้ายนี้เลยแวะมาฝากครับ สถานที่ท่องเที่ยวในคาเมรอน อยากไปให้ครับ แต่ด้วยแท็กซี่มันไม่ไหวจริงๆ แพงมากๆ เช่ามอไซค์ก็ไม่ได้ด้วย ฮือๆ


เรากลับไปที่พักก่อนครับ นอนเอาแรงแล้วค่อยออกมาหาอะไรทานตอนบ่ายๆ ก้ร้านนี้ไง ร้าน Marry Brown ร้านไก่ทอดใน Tanah Rata สั่งกันมากิน 5 ชิ้น ราคา 21.7 RM รสชาติก็โอเคครับ ทานได้ แต่ KFC อร่อยกว่าเยอะ


นั่งทานไก่อยู่นาน ออกจากร้านก็เย็นๆแล้ว เดินเล่นไปตามทางเรื่อยๆ ไปทางสวนสาธารณะ มีหอนาฬิกาด้วย


ตรงนี้เป็นสนามฟุตบอลของโรงแรม คนมาออกกำลังกายเยอะแยะเลยครับ บรรยากาศดีมากๆ


เมฆแสงแปลกๆ


ดูเด็กมาเลย์เล่นกันยามเย็น


แล้วก็มาแวะพักทานกาแฟที่ร้านนี้ก่อนกลับที่พัก ร้าน My Cake Home


สั่งคาปูชิโน 1 แก้ว กับน้ำพั้น 1 แก้ว รวมแล้ว 12.5 RM นั่งยาวกันเลยทีเดียวครับ ชมวิวรถลาที่ขับแล่นไปมาของที่นี่ บวกกับตอน 1 ทุ่มฝนดันมาตกแรงด้วย เลยต้องนั่งกันต่อไป อิอิ


พอฝนหายก็เดินตากฝนพรำๆจะกลับที่พัก แต่ลองแวะร้านสะเต๊ะร้านนี้ก่อน เพราะเห็นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จะมาลองสักครั้ง พอสั่งไป 10 ไม้ 7 RM เป็นไก่ล้วน เจ้าของอีกร้านก็มาไล่ให้ไปนั่งตรงจุดอื่น ก็ย้ายมาครั้งหนึ่ง พอสักพัก ร้านสะเต๊ะนี้เองมาบอกให้ย้ายไปอีกจุด เพราะไม่ใช่พื้นที่เขา แล้วทำไมเพิ่งมาบอก รอตั้ง 5-10 นาที สุดท้ายไม่ย้ายไปนั่งที่อื่นแล้ว ถือว่าไล่ลูกค้าแบบนี้ก็ไม่เอาครับ เดินจากไปเข้าที่พัก เตรียมตัวนอนกันต่อไป พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางตอน 8.45 น. จองตั๋วไว้แล้ว ราตรีสวัสดิ์ครับ

สรุปค่าใช้จ่ายประจำวัน
01.อาหารเช้า 17.8 RM
02.อาหารและชาที่ BOH 27 RM
03.ของฝาก 82.1 RM
04.ไอศครีมสตรอเบอรี่ซันเด 7.9 RM
05.ค่าแท็กซี่ 100 RM
06.ไก่ทอด Marry Brown 21.7 RM
07.กาแฟ+น้ำพั้น 12.5 RM
รวม 269 RM

[ตอน 1] [ตอน 2] [ตอน 3] [ตอน 4]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น