วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เที่ยวก่อนปีใหม่ ๒๕๕๙ ณ คาเมรอน ไฮแลนด์ และ มะละกา (ครั้งที่ 2) ตอน 3 จากคาเมรอน ไฮแลนด์ นั่งรถบัส 3 ต่อ ไปมะละกาเพื่อสิ่งนี้ "Masjid Selat Melaka"


ตอนนี้จะพาเพื่อนๆไปเที่ยวมะละกา เมืองมรดกโลกกัน จริงๆแล้วผมเคยไปมะละกาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปลายปี 2556 ตาม link นี้ http://athlons.blogspot.com/2013/12/Malaysia-01.html แต่พอครั้งนั้นกลับมาบ้าน ค้นข้อมูลพบว่าพลาดไปมัสยิดเซลัทมะละกา (Masjid Selat Melaka) ซึ่งทำให้เสียดายมากๆ เพราะดูจากรูปในเน็ตสวยจริงๆ โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แสงจะสวยมาก จึงได้เก็บไว้ในใจว่าถ้ามีโอกาสไปมาเลเซียอีก แล้วเฉียดๆไปมะละกาจะไปเก็บตกไปถ่ายรูปมัสยิดดังกล่าวนี้ให้จงได้ พอได้ทริปนี้มา จึงไม่พลาดที่จะจัดมะละกาเข้ามาในแผนและแวะตรงดิ่งไปเก็บตกที่มัสยิดนี้ครับ ตอนนี้ถือว่าโหดมากในการไปถ่ายรูปแสงทไวไลท์ของมัสยิดนี้ เพราะอะไรเดี๋ยวไปดูกัน


เช้านี้ต้องออกเช้าหน่อยครับ เพราะจองตั๋วรถบัสขากลับไว้เวลา 8.45 น. จึงเช็คเอาท์แต่เช้าและเดินมาหาอาหารเช้าทาน ตรงมุมตึกที่เห็นจะเป็นธนาคาร Maybank จุดสังเกตชัดเจน ถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายมือก็จะเจอร้าน Steamboat ที่ไปทานเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ทางขวามือ แต่เช้านี้จะไม่แวะเพราะจะเดินไปหาร้านอาหารแถวๆท่ารถครับ ตึกแถวๆที่นั่งทานกาแฟเมื่อเย็นวานนั่นเอง


ร้านเปิดขายไม่เยอะ งั้นเอาร้านนี้ละกัน ร้านแขกอิสลาม มีอาหารหน้าตาแบบนี้ ลองสักหน่อยก็พอทานได้นะ 2 จานรวมกาแฟ 15 RM


8.20 น.ก็เดินไปที่ Cameron Tourist Information Centre ซึ่งก็อยู่ไม่ไกล เยื้องๆกัน รถรอบ 8.45 น.ยังไม่มาก็ยืนรอกันไป นักท่องเที่ยวก็ทะยอยเดินเข้ามาครับ แต่ไม่ได้เยอะมากจนล้นแต่อย่างใด พอใกล้ๆถึงเวลา 8.30 น. รถบัสคันนี้ก็ขับวนเข้ามา ใช่แล้วครับ รถ Unititi Express ที่จะพาเรากลับไป สถานี TBS นั่นเอง สอบถามคนขับรถเพื่อความแน่ใจอีกครั้งก็ได้ครับ


10.48 น. รถก็มาจอดพักรถพักคนครึ่งทางที่นี่ ที่เดิมกับขามา ที่นี่ผมเสียเงินกับเครื่องกดเงินกาแฟครับ เอาเหรียญไปไม่พอ หยอดไปอ้าวเหรียญหมด แต่ยังไม่ถึงราคากาแฟ หาที่บิดสวิทช์คืนเงินก็มีแต่บิดแบบเกลียวหวานเลย เงินไม่คืน เหรียญที่หยอดไปก็เอากลับไม่ได้ รถก็จะออกแล้ว เลยรีบวิ่งมาที่รถดีกว่า เสียดายเงินจริงๆ ไม่กี่ริงกิตแต่เจ็บใจเครื่องมัน 555


12.37 น. รถเข้ามาใน KL Sentral แล้วครับ กำลังขับเข้าไปจอดแวะส่งคนก่อนจะเข้าสถานี TBS แต่ไม่คุ้นเลย เห็นเขียนว่า Plaza Sentral จอดไม่นานก็ขับต่อไป


อีกครึ่งชั่วโมงรถก็มาถึงสถานี TBS (Terminal Bersepadu Selatan) อย่างปลอดภัย รวมระยะเวลาเดิน 4 ชม. 20 นาทีด้วยกัน ช้ากว่าขาไปซะอีก


มาถึงเห็นคนรอต่อคิวซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์ถึงกับอึ้ง เพราะคนเยอะมากครับ ซวยเลย ไม่ได้จองตั๋วไว้ แต่พอต่อคิวไม่ถึงนาทีก็จะมีเจ้าหน้าที่มาบอกให้ไปต่ออีกเคาน์เตอร์หนึ่ง ซึ่งก็คือรูปด้านบนที่เห็นซึ่งแถวสั้นกว่าครับ(ตอนแรกคงทำมาเพิ่มเพื่อเป็น Executive lounge)  พอดีตอนที่ถ่ายมาซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว ได้ตั๋วไปมะละกาที่รอบ 14.30 น. เลยมีเวลาสบายๆไม่รีบร้อน 1 ชม.ก่อนรถออก จะได้ไปทานอาหารเที่ยงอย่างสบายใจ


ที่เดิมครับ ศูนย์อาหารชั้น 2 ของสถานี ครั้งนี้คนเยอะมากครับ ไม่มีที่นั่งเลย ก็เลยต้องยืนทางกับโต๊ะแบบสูงๆ


ตอนแรกกะจะทานข้าวไก่ย่างแบบเดิมร้านเดิม แต่คนต่อแถวเยอะมาก เลยเปลี่ยนมาอีกร้าน ขาย Nasi Lamak แล้วขอเพิ่มไข่ดาว ก็อร่อยดีครับ รวมแล้วมื้อนี้ 11 RM


ได้เวลารถออกกันแล้ว ออกเกต 5 เวลา 14.30 น. รู้สึกจะเจ้าเดิมกับครั้งก่อนหรือเปล่า Mayang Sari


16.35 น.รถมาถึง Melaka Sentral ต้องมาเปลี่ยนรถเป็นรถบัสแบบนี้เข้าเมืองมะละกาอีกครั้ง รถสาย 17 นะครับ มายืนรอตามป้ายช่องจอดที่ 17 ดังรูปได้เลยครับ


รถออกเวลา 16.48 น. เวลาออกไม่แน่นอนขึ้นอยู่ว่ามีรถเข้ามามั้ย ค่าตั๋วครั้งนี้ไม่คงที่แบบครั้งก่อนแล้ว ขึ้นอยู่กับระยะทาง ลง Dutch Square จ่ายคนละ 1.5 RM เพิ่มมา 0.5 RM


17.30 น. รถมาถึง Dutch Square ลงกันเยอะเลยโดยเฉพาะนักท่องเที่ยว


บรรยากาศยามเย็นครับ คนมานั่งเล่นเยอะเลย


รถยนต์ก็ยังคงเยอะและติดเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง


เดินข้ามสะพานมาอีกฝั่งครับ เป็นฝั่งถนนจองเกอร์ เห็นตึกที่วาดกำแพงเป็นสีสันสวยดีครับ


ถนนจองเกอร์คนเยอะจริงๆ ขนาดยังไม่มืดค่ำนะเนี่ย คนมาเดินเล่นกันแล้ว


ผมไปรอที่เกสเฮาส์นี้ครับ Cafe1511 ปิดป้ายว่า "Close" กดกริ่งก็ไม่ดัง มีนักท่องเที่ยวผู้หญิงคนหนึ่งมารอก่อนหน้าแล้ว ทราบทีหลังว่าเป็นคนสิงคโปร์ แหม...เย็นใจจริงๆ ไอ้เราร้อนๆเหนื่อยกับการเดินทางมาอยากเข้าไปที่พักเร็วๆ ดันมาเจอแบบนี้เสียอารมณ์มากครับ เลยคิดว่าจะทำไงดี อ่านเจอมีเบอร์เจ้าของอยู่เลยโทรติดต่อไป ดีนะที่ซ์้อซิมมาเลย์มาเล่นเน็ตแถมโทรออกได้ด้วย ถ้าไม่มีจะทำยังไง?? ใครจะใช้ Roaming โทรครับ เจ้าของผู้หญิงรับสายแล้วบอกว่าให้กดกริ่ง ผมก็บอกว่ากดแล้ว คราวนี้เขาบอกโอเคงั้นเขาจะโทรบอกคนที่ดูแลออกมาเปิดให้ ผ่านไป 5-10 นาที พนักงานผู้หญิงเสื้อสีน้ำตาลคนนี้เพิ่งออกมาแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าเกิดอะไรขึ้น มาสอนการเปิดปิดประตูเวลาออกไปข้างนอกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยถ่ายรูปไว้ แล้วพอเก็บของเรียบร้อยผมก็ถามว่าทำไมมาเปิดประตูช้า ลูกค้ารอนานมาก คนนี้ก็บอกว่าไม่ใช่หน้าที่เขา เขามีหน้าที่แค่ช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายของอีกคนหนึ่ง และนินทาเจ้าของว่าออกไปเที่ยวข้างนอก ซึ่งผมฟังแล้วก็คิดว่าพนักงานคนนี้แย่มากครับ บอกปัดไม่ใช่หน้าที่ตัวเอง แล้วจะหน้าที่ใคร เฮ้อ... ครั้งเดียวครับกับเกสเฮ้าส์แบบนี้ คิดถึง Puri Melaka ขึ้นมาทันทีเลย


เก็บของเสร็จก็รีบออกมาข้างนอก จุดหมายคือไปถ่ายรูปมัสยิดเซลัทมะละกาครับ เดินผ่านพิพิธภัณฑ์เรือสำเภามาเรื่อยๆจนมาออกที่ถนน Jalan Syed Abdul Aziz (Jalan ภาษามาเลย์แปลว่า ถนน) แล้วเลี้ยวซ้ายเดินต่อไปเรื่อยๆตามถนนนี้ ในใจก็ยังรอรถแท็กซี่มาเพื่อจะโบกให้ไปส่ง แต่ไม่มีถึงมีก็คงไปไม่ได้เพราะรถติดมากครับ มองไปอีกฝั่งเป็นรถสะเทือนน้ำสะเทือนบกของ Melaka Duck Tour เป็นทัวร์รอบมะละกาครับ กำลังขับกลับไปที่ดัทช์สแควร์มั้งรถติดซะก่อน รถแบบในกทม.เราเลย

ปล.ชมการเที่ยวเมืองมะละกาตามสถานที่สำคัญได้จากบันทึกเดินทางครั้งก่อนได้ที่นี่ครับ
http://athlons.blogspot.com/2013/12/Malaysia-01.html


พอถึงสี่แยกไฟแดง ระหว่างถนนหลัก Jalan Syed Abdul Aziz ตัดกับถนน Jalan Melaka Raya 5 ก็ให้เดินเลี้ยวขวาไปตามถนน Jalan Melaka Raya 5 เลยครับ เพราะเป็นถนนที่ไปที่เกาะมะละกา (Pulau Melaka)


เห็นนกกระยางหรือเปล่ากำลังหาปลากิน


วิวด้านซ้ายมือเป็นแนวน้ำกร่อยดูแล้วสวยงามดีครับ ทัวร์ท่องเที่ยวจีนมาจอดให้คนชมวิวถ่ายรูปกลางสะพานข้ามทะเลเยอะแยะเลย


พอข้ามสะพานไปแล้วก็จะเข้าตัวเกามะละกาครับ เดินไปจะเจอวงเวียงข้างหน้า เขียนว่ามะละกาเกตเวย์ เป็นโครงการใหญ่ที่มีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่นี่


เดินต่อไปตามถนน Jalan Melaka Raya 8 ดูนาฬิกา 18.55 น. พระอาทิตย์ใกล้ตกดินเต็มทีแล้ว ยังไม่ถึงมัสยิดเซลัทมะละกาเลย งั้นขอเก็บพระอาทิตย์กำลังตกดินตรงมุมนี้ก่อน


ในที่สุดก็มาถึงมัสยิดเซลัทมะละกา (Masjid Selat Melaka) ในเวลา 19.00 น.พอดิบพอดีเลย


เดินวนไปทางด้านซ้ายมือนะครับ ก็จะเจอภาพมัสยิดเซลัทมะละกา (Masjid Selat Melaka)ในมุมนี้ ที่เห็นทั่วๆไป เห็นแล้วตะลึงมากครับ ในที่สุดก็มาถึงจนได้ แสงกำลังสวยเลย


หามุมถ่ายไปเรื่อยนะครับ Masjid Selat Melaka ผมถ่ายมาเฉพาะมัสยิดนี้อย่างเดียว 74 รูปครับ แล้วมาคัดอีกที


มุมนี้ก็สวยง่ะ Masjid Selat Melaka


ยิ่งค่ำยิ่งสวยครับ เพราะไฟที่เปิดจากมัสยิดจะยิ่งเด่นขึ้น Masjid Selat Melaka


แสงอาทิตย์ใกล้หมดเต็มที สวยจริงๆ ต้องไปดูกับตา ขนาดผมศาสนาพุทธผมยังชอบเลยครับ Masjid Selat Melaka


มุมนี้บ้าง Masjid Selat Melaka ก่อนจะเดินออกไป 


ได้เวลาร่ำลามัสยิดเซลัทมะละกา (Masjid Selat Melaka)กันแล้วครับ ย้อนกลับมาถ่ายตรงทางเข้าอีกครั้ง คราวนี้เปิดไฟสวยงามมาก


ขากลับมืดกว่าเดิม เดินออกมาเหมือนเดิมเพราะไม่มีแท๊กซี่ จริงๆก็มี 1 คันสงสัยเข้าไปส่งลูกค้าแล้วตีกลับเลย เห็นเราเดินก็บีบแตร แต่ตอนนั้นยังงงๆไม่ได้ตั้งตัวเลยยังไม่เรียก แต่พอจากนั้นอยากจะใช้บริการคราวนี้ไม่มีมาเลยครับ 555 เดินกลับกันต่อไป


เดินมากว่าจะเข้ามาถึงตัวเมืองอีกครั้งก็ปาเข้าไปเวลา 20.30 น. เจอร้าน OldTown White Coffee ดีใจมาก เหนื่อยๆเสียเหงื่ออยากได้อะไรเย็นๆอยู่พอดี เข้าไปเลยครับ


สั่งกาแฟเย็นและน้ำแข็งใสแบบมาเลย์ กลิ่นหอมอร่อยดีครับ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย รวมแล้วสนนราคา 13.65 RM


แล้วก็เดินตัดเข้าถนน Jalan Parameswara จุดที่ไม่ให้รถยนต์เข้ามาวิ่งช่วงค่ำ มีเพียงสามล้อมะละกาเปิดไฟกับเสียงเพลงกระหึ่มแข่งกัน บรรยากาศก็ครึกครื้นดี ชมวิวรถสามล้อไปก็มีความสุขแล้ว ไม่จำเป็นต้องนั่งครับ 555 สนนราคาประมาณ 10-15 RM / รอบ นะครับ


ชมวิดีโอกันครับ 


คันนี้แม่กับลูกครับ น่ารักจริงๆ


ส่วนคันนี้หัวเราะถ่ายรูปกันสนุกสนาน น่าจะเป็นเพื่อนกัน


ส่วนคันนี้จอดรอลูกค้า ตกแต่งเจ้าตัวมินเนี่ยนน่ารักและทันสมัยมากๆ


เดินมาถึงถนนคนเดินจองเกอร์ (Jonket street) คนเยอะเหมือนเดิม เลยหลบไปหาร้านอาหารทานก่อนดีกว่า


ได้ร้านนี้ครับ ข้าวมันไก่ย่าง ทานเสร็จก็มีพลังขึ้นมาทันที มื้อนี้หมดไป 18 RM



ทานอาหารมาอิ่มๆก็เลยมาเดินย่อยอาหารให้เม็ดข้าวมันเรียงตัวกันริมคลอง Sungai Melaka แต่ถ้าเมากรึ่มๆมาไม่แนะนำนะครับ เพราะอาจจะเดินตกคลองไปได้


มองไปอีกฝั่งนึง ฝั่งพิพิธภัณฑ์เรือสำเภา


เรือจำลองเมืองมะละกากลางลำคลองเปิดไฟสวยงามดีจัง


ขากลับเดินเข้าไปที่โรงแรมหรู Casa del Rio Melaka ครับ แค่น้ำพุก็กินขาดแล้ว ไม่รู้ราคาที่พักจะเท่าไหร่


เดินผ่านเกสเฮ้าส์ Cafe1511 ริมถนน Jalan Tun Tan Cheng Lock แต่ยังไม่ได้เข้าไปเพราะจะเดินอ้อมไปถนนจองเกอร์สักหน่อย


ตรงนี้น่ากลัวมั้ย?? มีใคร 2 คนชายหญิงแต่งชุดสมัยโบราณมายืนและนั่งด้านขวามือด้วยบรื๋ยยยย จริงๆเป้นป้ายหน้าร้านพิพิธภัณฑ์จิวเวลรี่ครับ


ป้ายถนนคนเดินจองเกอร์ หรือไม่ก็อ่านว่า ยองเกอร์ ตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 ไม่นานมานี้เองครับถนนนี้


ทายสิร้านขายอะไรเอ่ย?? เฉลยคือ เอาแตงมามาเปิดรูนิดเดียวแล้วใช้ที่ปั่นควานเข้าไปปั่นเนื้อแตงโมให้เป็นน้ำแตงโมอยู่ในผลของมันนั่นแหล่ะ ขายเป็นลูกๆ มีหลอดให้ดูด จำราคาไม่ได้แล้วครับ สงสัยกำลังฮิตเห็นมีขายหลายร้านเลย


ร้านเดิม ร้านขายติ่มซำราคาไม่แพงอร่อยด้วย แต่คราวนี้ไม่ได้ชิมครับ เพราะอิ่มอยู่


แต่มาชิมเอาร้านนี้ ขายน้ำแข็งใสเหมือนกัน ราคาถ้วยละ 3.5 RM คืออยากเปรียบเทียบกับร้าน OldTown White Coffee นั่นเอง


เกือบ 5 ทุ่มก็กลับมาถึงเกสเฮ้าส์ที่พัก ภายในห้องก็ถือว่าสะอาดใช้ได้ครับ


อีกมุมหนึ่งของห้องพัก มีโต๊ะกระจก ปลั๊กชาร์จไฟ และนำดื่มห้องละ 2 ขวด/คืน


ออกไปจากห้องตรงไปก็จะเป็นทางไปห้องส้วมและห้องอาบน้ำครับ ห้องน้ำก็สะอาดดี วันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ปวดขากันมากๆเลย เพราะเดินมากกว่า 5 กม.นะครับผมว่า ทั้งไปและกลับไม่มีแท็กซี่ให้ใช้บริการเลย แล้วพบกันกับวันสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ วันกลับไป KL เพื่อเตรียมตัวกลับไทยครับ

สรุปค่าใช้จ่ายประจำวัน
01.อาหารเช้า 15+1.6 rm
02.อาหารกลางวัน 11+2.2 rm
03.ค่ารถสาย 17 มามะละกา 3 rm
04.กาแฟ OldTown + น้ำแข็งใส 13.65 rm
05.อาหารเย็น 18 rm
06.น้ำแข็งใส 3.5 rm
รวม 67.95 RM



เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น