วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ ตอน 1 ใฝ่หาความสุขอีกครั้ง ณ ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน


หลังจากผ่านการนำเสนอความก้าวหน้าของโปรเจ็คที่ทำอยู่เป็นครั้งแรกเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลต่างๆที่มีอยู่ในใจคลายลงไปอย่างมาก ...นั่นสิ... จะให้รางวัลกับตัวเองอย่างไรดี ผมนึกในใจ...การย้อนรอยเส้นทางที่ตัวเองได้ไปมาเมื่อสามปีที่แล้วนั้นเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอด เป็นการไปเยือนแม่ฮ่องสอนครั้งแรกของผม แต่มาครั้งนี้ เวลาอันน้อยนิดที่มีอยู่นั้นต้องใช้ให้คุ้ม 2 วัน เสาร์-อาทิตย์

มันมีความเป็นไปได้ที่จะเดินทางด้วยรถยนต์ไปทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน แล้วกลับภายใน 2 วันดังกล่าว 
ผมคิดแผนอยู่ในใจก่อนที่จะเปิดปากชวนกับรุ่นน้องที่บริษัท ว่ามีใครสนใจมั่ง แน่นอน คนที่ชวนไปเป็นคอนักเที่ยวเหมือนกัน สุดท้ายจึงได้เพื่อนร่วมทางมา 1 คน เราวางแผนที่จะออกเดินทางจากแก่งคอย สระบุรี ตี 3 วันเสาร์ที่ผ่านมา กะเวลาไว้คร่าวๆคงไปถึงทุ่งบัวตองประมาณบ่ายโมง
คนครบแล้ว อุปกรณ์ครบแล้ว แผนเที่ยวมีแล้ว งั้นเราเริ่มตะลอนไปด้วยกันเลยครับ


เส้นทางครั้งนี้ เราไปด้วยเส้นสายเอเชียจากท่าวุ้ง ลพบุรี แล้วต่อด้วยเส้นพหลฯ ที่นครสวรรค์ ผมจำความรู้สึกได้ที่ผ่านเถินไปลี้ โยกไปก็โยกมา ยิ่งกว่าโค้งที่แม่ฮ่องสอนซะอีก จึงตัดสินใจขับผ่านไปเข้าลำปางออกห้างฉัตร และเข้าลำพูนเพื่อเข้าเส้น 108 ที่อ.สันป่าตองต่อไป

เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ออกเดินทางตอนตี 3 อากาศสบายๆ มาเช้าพร้อมกับเห็นหมอกอีกครั้งแถวๆ ลำปาง ตอนเวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง


เรามาถึงที่ปั๊มบางจาก เลยทางแยกขึ้นดอยอินทนนท์มานิดนึง อาหารและกาแฟสดร้านนี้ยังจำได้ดี ไม่ช้าเราฝากท้องมื้อเช้าไว้ที่นี่ มาเหนือคงไม่ผิดนักที่จะทานข้าวซอยไก่แบบชาวเหนือบ้าง :)


ครั้งนี้ อีกนั่นแหล่ะ ที่จะต้องไปไหว้พระธาตุจอมทอง พระธาตุประจำปีเกิดตามความเชื่อของชาวล้านนาให้ได้ ครั้งก่อนพลาดไป

ในภาพเป็นไม้ค้ำต้นโพธิ์ซึ่งมีอยู่มากมายเต็มไปหมด เป็นประเพณีๆหนึ่งของชาวล้านนาเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา


พระธาตุจอมทอง เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีใจ้ หรือปีหนู มีพระบรมธาตุที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่เป็น “พระทิกขิณโมฬีธาตุ” (หรือกระดูกกระหม่อมด้านขวา)


พระธาตุจอมทองนี้มีความพิเศษกว่าพระธาตุทุกองค์ คือ พระบรมธาตุเพียงแห่งเดียวที่สามารถสักการะและสรงน้ำได้โดยตรงและเห็นองค์พระบรมสารีริกธาตุได้ เพราะแม้จะมีเจดีย์อยู่ในวัดแต่พระบรมธาตุกลับประดิษฐานอยู่ภายในกู่ปราสาทปิดทอง ตั้งอยู่ในวิหารจัตุรมุข ซึ่งสร้างโดยพระเมืองแก้ว เมื่อถึง วันวิสาขบูชา และ วันมาฆะบูชา ของทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระธาตุจอมทอง โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุออกมาให้คนทั่วไปได้สักการะและสรงน้ำ

ข้อมูล : www.oceansmile.com


เกือบเที่ยงก็วกกลับเข้าเส้นดอยอินทนนท์ กะจะลองเส้น ดอยอินท์-แม่แจ่ม-แม่นาจร-ปางอุ๋ง ซะหน่อย ตามที่น้าๆแถวๆนี้เขาแนะนำไว้ พอเจอด่านตรวจบัตรที่สองก็เลี้ยวซ้ายเข้าเส้นทางอันคดโค้งอีกเส้นหนึ่ง

อย่างที่ใครๆว่าไว้ ทางค่อนข้างแคบ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับผมแต่อย่างใด


มาเกือบๆกลางเส้นทางก็มาเจอกับเส้นทางขาด แต่ยังดีที่มีทางเบี่ยงให้ไปได้


ไม่นานนัก บ่ายสองโมงกว่าๆ ก็ได้เวลายืดเส้นยืดสายด้วยการถ่ายรูปดอกไม้ระหว่างทางอีกครั้ง ณ ที่นี้คงใกล้ดอยแม่อูคอมามากแล้วหล่ะ ดูได้จากได้เห็นทุ่งบัวตองขึ้นอยู่ตามเส้นทางแล้ว


ดอกไม้สวยๆบริเวณนี้ มิได้ขึ้นเองแต่อย่างใด แต่มีผู้ที่ปลุกไว้ โดยจะกั้นรั้วลวดหนาวไม่ให้เข้าไปบุกรุก แต่สุดท้ายก็โดนเราเข้าไปถ่ายมาจนได้

ณ จุดนี้ ผมมาพบว่ากล้องตัวโปรดของผมนั้น ใกล้ถึงวันหมดอายุเต็มที เพราะมีอาการผิดปกติออกมาให้เห็น


ดอกไม้สวยๆต้องคู่กับท้องฟ้าใสๆ


อากาศที่นี่เย็นๆแล้ว แต่เรายังคงฝึกฝนฝีมือถ่ายรูปที่นี่ต่อไป


ดอกชมพูม่วงที่เห็นก็สวยมิใช่น้อย ชื่อว่าดอกอะไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นบทเรียนอย่างดีให้เราฝึกถ่ายรูปก่อนจะเข้าถ่ายจริงที่ดอยแม่อูคอ


ต่อจากนั้นเราก็ขับผ่านบ้านปางอุ๋ง สถานที่ที่ใครหลายคนอาจเข้าใจผิดได้ว่าถึงแล้ว ปางอุ๋ง บ้านรวมไทย

บ่ายสามสิบเจ็ดนาที เรามาถึงยังตลาดชาวเขาก่อนถึงดอยแม่อูคอไม่กี่กม. แวะพักรถ พักคนสักครู่


ที่นี่มีที่พักแบบเกสท์เฮ้าส์อีกแบบหนึ่งซึ่งดูน่ารักทีเดียว ชื่อ สวนแม่อูคอ


สอบถามราคาได้ความว่ามี 2 ขนาด หลังเล็กและหลังใหญ่ หลังเล็กราคาคืนละ 400 บาท

สิ่งที่ดูสวยงามและน่ารักนั้น ผมว่าการจัดสวนที่มีอยู่ภายในมากกว่า หลายคนมาเพื่อจะเข้ามาถ่ายรูปก็มี ราคาคิดคนละ 5 บาท ส่วนเรา ถ่ายรูปอยู่แต่ข้างนอกดีกว่า เงินก็ไม่เสียแถมยังได้วิวสวยๆอีกด้วย


ณ จุดนี้สามารถมองเห็นวิวดอยแม่อูคออยู่ไกลๆ มองเห็นศาลาพักชมวิวด้านบนอยู่สองหลังเป็นจุดเล็กๆบนดอยสีเหลืองอร่าม


เราตกลงที่จะไปสำรวจที่อช.น้ำตกแม่สุรินทร์ก่อน เนื่องจากครั้งก่อนหน้านี้ ผมมาแต่ไปไม่ถึง เพราะทางเป็นดินลูกรัง ช่วงที่ต่อจากดอยแม่อูคอไป 8 กม. รถเก๋งอย่างผมไปไม่ไหว แต่มาบัดนี้ ดีใจเป็นที่สุด เพราะบางช่วงเทคอนกรีตแล้ว บางช่วงก็กำลังราด(ลาด)ยางอยู่ แต่ก็สามารถไปได้


ระยะทาง 8 กม.จากดอยแม่อูคอ ใครจะมาช่วงนี้ ขับระวังหน่อยก็ดี เพราะกำลังทำทางอยู่ อาจมีเครื่องจักรกำลังทำงานขวางเลนบ้าง

เรามาถึงอช.น้ำตกแม่สุรินทร์ประมาณบ่ายสี่โมง จัดแจงเลือกทำเลกางเต็นท์ที่คนไม่พลุกพล่าน


ห้องน้ำห้องท่ามีครบเสร็จสรรพ สะอาดครับ เสียอย่างเดียวไม่มีน้ำอุ่น


ใครไม่ได้นำอาหารมาทำ ร้านสวัสดิการก็จะช่วยท่านรอดไปหนึ่งมื้อ แต่อาหารคงมีให้เลือกไม่มากนัก


หลังจากทานอาหารและดื่มน้ำที่ร้านสวัสดิการ ก็ได้เวลาเดินเล่นนิดหน่อย ก่อนออกจากอช.เพื่อไปทุ่งบัวตอง อ่านดูที่ป้ายแล้วอยากลองเช็คสุขภาพซะจริงๆ แต่เสียดาย เรามาแบบเร่งด่วน จึงไม่มีเวลาลงไปยังตีนน้ำตกดังกล่าว แต่ครั้งต่อไป ไม่พลาดแน่นอน


ย้อนกลับมาที่ทุ่งบัวตอง หาที่จอดรถ(ซึ่งอยู่ชิดขอบถนน)แล้วก็เดินสำรวจและประลองฝีมือถ่ายรูปกัน

ช็อตแรกกับมุมเดิมๆกับเมื่อสามปีก่อน บ่งบอกถึงความโค้งของถนนได้อย่างดี


ผมพยายามเลือกดอกที่มันบานสวยๆ แต่ก็หายากจริงๆ เพราะส่วนใหญ่จะเหี่ยวไปหมดแล้ว :(


ถ่ายไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เน้นดอกบัวตอง หรือภาษาทางการ Mexican Sunflower เป็นพี่น้องกับดอกทานตะวันที่ลพบุรีและสระบุรีครับ


ผึ้งน้อยกำลังหาน้ำหวาน กลไกธรรมชาติที่จะผสมพันธุ์ผ่านทางตัวกลางคือแมลงที่มาดูดกินน้ำหวานทีเกสรนั่นเอง


ดอกบัวตองเหี่ยวๆกับฟ้าสีครามเข้มสะใจ


เดินขึ้นตามบันไดไปเรื่อยๆ


หาดอกบานๆแจ่มๆยากจริงๆเล้ย


โอ้ว....ไปรอดซุ้มดอกบัวตองกันเถอะครับ


เดินมองย้อนลงไป พระอาทิตย์ใกล้ตกดอยแล้ว


ณ ที่แห่งนี้ คงไม่มีอะไรเหลืองอร่ามเท่าทุ่งบัวตองไปได้อีกแล้ว


ดอกบัวตองส่วนใหญ่ กลีบดอกหลุดล่วงไปหมดแล้ว จะเหลือเพียงไม่กี่ดอกที่ยังคงสภาพบานแฉ่งเนื่องจากบานช้ากว่าเขาเพื่อน

เส้นทางที่เห็นเป็นเส้นทางมุ่งสู่อช.น้ำตกแม่สุรินทร์


ในภาพนักท่องเที่ยวยังคงจอดรถเพื่อมาเยือนความงามที่มีปีละครั้งแห่งนี้อยู่ไม่เสื่อมคลาย


มุมนี้ก็สวยเหมือนกัน


ฟ้าสวยใสอย่างนี้ ชอบๆ


แสงอาทิตย์ ณ เวลานี้ สวยงามมากๆ


ด้านบนนี้ อากาศก็หนาวไม่แพ้กัน


แสงใกล้หมดเต็มทีแล้วนะ


อีกมุมหนึ่งกับแสงสวยๆ


มองมาอีกทาง เอ๊ะ...มีใครทำอะไร


ไหนลองซูมดูหน่อยซิ...ที่แท้ก็นักท่องเที่ยวนั่นเอง


ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที


แสงสีแดงระเรื่อๆทาบขอบฟ้า


เดินขึ้นไปเรื่อยๆด้านบนกับมุมกว้างแบบเก็บทุกส่วนของดอยแม่อูคอ


แสงใกล้หมดแล้ว


ณ จุดนี้เป็นเส้นทางเก่าซึ่งไม่ใช้แล้ว หลายคนก็เลยนำเต็นท์มากางได้เหมือนกัน


ในที่สุดก็ถึงยอดดอยแม่อูคอ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร แต่เอ....รู้สึกว่าครั้งที่แล้วยังไม่มีป้ายนี้นะ


บรรยากาศยามนี้บนดอยแม่อูคอ ใครไม่เคยมาสัมผัสคงยังไม่เคยรับรู้ถึงความสุขสดชื่นแบบผมจริงๆ


ศาลาพักชมวิวที่เราเห็นตั้งแต่อยู่ข้างล่าง


สุดท้ายจริงๆสำหรับแสงสุดท้ายของวันนี้ ณ ยอดดอยแม่อูคอ ก่อนจะลากลับเพื่อไปพักผ่อนที่อช.น้ำตกแม่สุรินทร์
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและทักทายในกระทู้ แล้วไว้เจอกันใหม่ในเช้าวันรุ่งขึ้นกับน้ำตกแม่สุรินทร์ ราตรีสวัสดิ์ครับ _/\_

Original Published on www.pantip.com at [ 21 พ.ย. 49 00:12:55 ] as below link


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น