การจัดการเกี่ยวกับลานกางเต็นท์ของที่นี่ยังด้อยกว่าที่อื่นมาก เห็นได้จากการที่ให้นักท่องเที่ยวนำรถไปจอดได้อย่างสบายใจ ทั้งที่บริเวณดังกล่าวเป็นลานกางเต็นท์ที่มีการปรับพื้นที่ไว้ ภาพที่เห็นก็จะมีการจอดระเกะระกะดูไม่เป็นระเบียบเอาซะเลย
เช้าๆแบบนี้จะมีอะไรดีเท่ากับการได้กินไข่ปิ้ง(ต้ม)จากร้านที่ชาวบ้านนำมาขาย เราซื้อคนละ 2 ลูกพอประคองความหิวไปได้ แต่เสียดายตรงที่ซอสหรือซีอิ๊วขาวดันมาหมดซะ เลยได้แต่กินแบบฝืดๆ
พอทานไข่ต้มจนหมดก็เริ่มเดินมาตามทางที่จะไปยังจุดชมวิวน้ำตกแม่สุรินทร์ มีนักท่องเที่ยวกำลังถ่ายรูปอยู่ก่อนแล้ว 1 คู่
น้ำตกแม่สุรินทร์ดูสูงและยิ่งใหญ่จริงๆ เราคุยกันก่อนที่จะเดินลงไปเก็บภาพด้านล่าง
ที่จุดชมวิวของน้ำตก ทางอุทยานทำทางดินที่ลดระดับไปหลายๆชั้นก่อนที่จะมาหยุด ณ จุดด้านล่างซึ่งเลยจากนั้นก็จะเป็นหน้าผาสูงชัน
ณ เวลานั้นมีนักท่องเที่ยวเยาวชนกลุ่มหนึ่งประมาณ 8 คนมาชมวิวน้ำตกพร้อมๆกับเราเลย สอบถามได้ความว่าขี่มอเตอร์ไซด์มาจากเชียงใหม่กัน
กล้องของพวกเขามีฝีมือถ่ายรูปจากผมอยู่ 4 รูปตั้งแต่ร้านที่กินไข่ต้ม และมาที่จุดชมวิวน้ำตกแม่สุรินทร์นี้
เสียงน้ำตกที่ตกลงมากระแทกหินนั้น เสียงดังสนั่นดังกับเสียงน้ำที่ตกลงมากระทบกันกังหันน้ำตามโรงไฟฟ้าพลังน้ำยังไงยังงั้นเลย
ณ จุดชมวิวบริเวณนี้ คนยังมาไม่เยอะมาก จึงเป็นการดีที่จะหามุมถ่ายภาพต่างๆได้อย่างสะดวก
ณ ตรงนี้คงไม่มีนักท่องเที่ยวมารบกวนมากนัก เจ้าแมงมุมเพื่อนรักจึงชักใยแผ่ขยายขอบเขตของตัวเองกว้างใหญ่ถึงขนาดนี้
เวลาย่างเข้าแปดนาฬิกาแล้ว แสงอาทิตย์เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
สักพักก็ได้เวลาอำลาน้ำตกแม่สุรินทร์แล้ว คงจดจำที่นี่ไปอีกนาน แต่มาครั้งต่อไปคงไม่พลาดการเช็คสุขภาพในการลงไปยังด้านล่างของน้ำตกเป็นแน่ ครั้งนี้เวลามีไม่พอ
นักท่องเที่ยวต่างสวนกับเราเพื่อมาชมวิวน้ำตก
เราขับย้อนมาที่ทุ่งบัวตอง ผมไม่ลืมที่จะจอดรถเพื่อถ่ายรูปป้ายในมุมเดิมๆกับครั้งที่แล้ว เพื่อเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลง ครั้งก่อนหน้านี้ถนนยังเป็นดินลูกรังรถผมไม่สามารถไปได้ แต่มาครั้งนี้เราได้มาถึงนั่นเอง
ขับผ่านทุ่งบัวตอง อดไม่ได้ที่จะเก็บรูปนักบิดมอเตอร์ครอส ไม่รู้สนามไหนเหมือนกัน
แพลนครั้งแรกว่าจะผ่านไปเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่สุดท้ายก็อดใจไม่อยู่กับสีสันสดใสของดอกบัวตองที่เร่งเร้าให้เราต้องจอดรถเพื่อมาถ่ายอีกครั้ง
แดดแรงๆแบบนี้ก็จะได้สีสันสดใสในอีกแบบ
ดอกบัวตองกับท้องฟ้าสีครามเข้มๆอีกรูปส่งท้าย
ออกจากทุ่งบัวตองเสร็จ เราเลือกใช้เส้นทางกลับเส้นใหม่โดยไม่กลับเส้นทางเดิมที่มาเมื่อวาน เราขับเข้าอ.ขุนยวมเพื่อแวะเติมน้ำมันพร้อมกันนั้นได้หาอาหารทานมื้อกลางวัน โดยเป็นร้านครัวปีกไม้ซึ่งเป็นร้านเดิมที่ผมเคยมาทานก่อนเข้าทุ่งบัวตองเมื่อสามปีที่แล้ว
อาหารที่นี่ขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยว่าอร่อยทุกอย่าง ไม่ทราบด้วยสาเหตุอะไรจึงทำให้เราสั่งอาหารมาเกือบเต็มโต๊ะ ทั้งที่มาแค่ 2 คน อาจเป็นเพราะความหิวนั่นเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เกือบทุกอย่างก็หมดลงอย่างรวดเร็ว เป็นการเต็มพลังในการเดินทางอันยาวไกลได้เป้นอย่างดีทีเดียว
หลังจากทานอาหารจนอิ่มแปล้ ผมบอกกับน้องว่าเราจะขับยิงยาวจากขุนยวมไปแม่ลาน้อย แม่สะเรียงและไปออกฮอดเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลา เพราะเราออกจากขุนยวมก็ 11 โมงแล้ว คงถึงดึกแน่นอน
ระหว่างทางผมรู้สึกง่วงๆ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ข้าวเหนียวแน่ๆ ขับมึนๆเป็นบางช่วง ดังนั้นเมื่อถึงสวนสนบ่อแก้วจึงเป็นการดีที่จะจอดแวะเพื่อพักรถและพักคนโดยเฉพาะผมไปในตัว
เรามาถึงสวนสนบ่อแก้วประมาณบ่ายโมงครึ่ง
เดินเข้าไปเรื่อยๆ ถ่ายแนวตั้งบ้าง
ที่นี่บรรยากาศดี สนามหญ้าก็นุ่ม น่าจะให้กางเต็นท์มั่งก็ดีนะ คงมีคนมากางกันเยอะพอควรเลย
ต่อจากนั้น เราก็แวะที่อช.ออบหลวงเพื่อให้น้องประทับตราอุทยานเป็นที่ที่ 3 จากทริปนี้ ส่วนผมไม่มีสมุดประทับ เลยเก็บไว้เพียงความทรงจำกับภาพถ่ายพร้อมการเล่าเรื่อง
ที่นี้ผมได้กาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ช่วยให้หายง่วงไปอีกหลายชั่วโมงประกอบกับหมากฝรั่งที่น้องนำมาด้วย เลยช่วยให้ตาสว่างขึ้นเยอะเลย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น