หลังจากที่เมื่อวานหลังคดหลังแข็งขับรถมาทั้งวันกับเส้นทาง 105 ต่อกับเส้นทาง 108 เพื่อเข้าสู่เมืองแม่ฮ่องสอน พร้อมๆกับได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียงไม่นานนัก วันนี้เราก็ต้องจากไปอย่างเสียไม่ได้ แม้ว่ามันจะใช้เวลาที่อยู่เมืองสามหมอกแห่งนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
ผมนึกไปนึกมาว่าจะกลับเส้นทางไหนดีที่ใกล้ที่สุด ตอนแรกแพลนว่าจะกลับเส้นเดิมคือ 108 แล้วไปอ้อมเชียงใหม่กลับสู่เส้นทาง 1 หรือพหลโยธินเหมือนเดิม แต่เมื่อกด GPS แล้ว เจ้า iQue 3600 ของผมมันแนะนำเส้นทาง 1095 ที่ต้องผ่านปางมะผ้าและปายมาให้ ซึ่งผมเองไม่อยากผ่านตอนนี้เพราะเกรงว่าจะเสียเวลา แต่สุดท้ายก็ต้องใจอ่อนเชื่อ GPS หลวมตัวขับตามเส้นทางที่เจ้านี่บอกมา
แยกนี้เป็นแยกในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนที่เป็นจุดบรรจบกันของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 และ 1095 พอดี ซ้ายกลับไปแม่สะเรียงด้วยเส้น 108 ทางเดิมที่มาเมื่อวาน หรือขวาไปปายด้วยเส้น 1095 เส้นทางที่ GPS เลือกให้ ตามมาด้วยกันครับ เราเลี้ยวขวาไปตามป้ายบอกทาง
วันนี้ตื่นไม่เช้ามากนัก เพราะเมื่อวานเวลาส่วนใหญ่อยู่ในรถเก๋งคันเล็กๆทำให้ปวดหลังกันไปตามๆกัน เมื่อคืนเลยเป็นช่วงเวลาของร่างกายที่ได้พักผ่อนมากที่สุด
ตอนก่อนนอนก็ได้นึกไว้ในใจว่าถ้ามีแรงตื่นเช้า จะขึ้นไปปางอุ๋งซะหน่อยไปเยี่ยมลุงปาละและชิมกาแฟสดจริงๆ แต่ทำไงได้ ตื่นมาก็เกือบสิบโมงเช้าแล้ว แพลนที่หวังไว้เลยต้องตัดใจทิ้งไป เพราะไปและกลับอย่างเดียวก็เกือบๆ 2 ชั่วโมงแล้ว
พี่ศรีทัยผู้ดูพนาฮัทส์ได้เขียนโน้ตทิ้งไว้ที่โต๊ะทานอาหารเช้า ว่าออกไปข้างนอกคือไปโบสถ์ และตระเตรียมขนมและกาแฟคั่วไว้ให้เราทั้งสอง โห...ประทับใจมากครับ แกเองก็ออกขอบคุณเราที่ได้บอกข้อมูลว่ามีที่พักที่นี่อยู่ในตัวอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอนที่ราคาไม่แพง แต่แกจะหนักหน่อยที่ดูแลรีสอร์ทคนเดียว เราแอบลุ้นว่าปีหน้าพี่'ทัยคงจะได้เป็นเจ้าของที่นี่อย่างเต็มตัว เอาใจช่วยครับ :)
แม้ว่าจะผ่านไปเกือบ 2 ปีที่เรามาเยือน พนาฮัทส์ (PANA HUT) ก็ยังเป็นกระท่อมท่ามกลางแมกไม้อย่างร่มเย็นเช่นเดิม พร้อมๆกับน้ำใจของพี่ศรีทัยที่มอบให้ลูกค้า
บริเวณนี้แหล่ะ ล็อบบี้ย่อยๆที่จัดให้ลูกค้ามานั่งผิงไฟหรือทานกาแฟร้อนๆพร้อมๆกับขนมตอนเช้าๆ
เกือบจะออกจากแม่ฮ่องสอนไปแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทำกิจกรรมที่เตรียมไว้หลายอย่างเลย เช่น ส่งโปสการ์ดที่เหลือ 1 ใบและอีกอย่าง มาถึงที่นี่แล้วไม่มารับใบประกาศ 1864 โค้งก็กระไรอยู่ แต่เป็นที่น่าเสียดาย ผมลืมไปว่าที่นี่ปิดวันอาทิตย์ เลยอดไปสำหรับการมาเยือนครั้งนี้ ไม่เป็นไร ครั้งหน้ายังมี
เริ่มแล้ว ความโค้งชันบนเส้น 1095 จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปปางมะผ้า ชันกว่าเส้น 108 เยอะ
เที่ยงหน่อยๆก็ถึงจุดชมวิวปางมะผ้า แวะจอดเพื่อถ่ายรูปสักนิดแล้วไปต่อ เขาว่าถ้ำแม่ละนาก็น่าไป แต่ยาวมากๆ เคยครองแชมป์เป็นถ้ำที่ยาวที่สุดในไทยมาแล้ว
ประมาณเที่ยงครึ่งก็มาถึงปากทางเข้าถ้ำลอดหรือถ้ำน้ำลอดที่ปางมะผ้า ถ้าใครจะมาเที่ยวขอแนะนำเลยครับ ขับเข้าไปอีก 9 กม.
มาถึงตรงจุดนี้ก่อนเข้าปาย คุ้นๆว่าคราวก่อนกำลังทำทางและสะพานอยู่ มาคราวนี้ได้สะพานใหม่เอี่ยมแถมเส้นทางยังถูกเปลี่ยนเพื่อให้หลบน้ำป่าด้วย
มาถึงปายประมาณบ่ายโมงยี่สิบ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเวลามาถึงคือข้าวซอยร้านน้องเบียร์ ครั้งนี้สั่งข้าวซอยเนื้อ พร้อมๆกับลองหมูสะเต๊ะด้วย เลยทำให้จำเป็นต้องยกเลิกส้มตำหน้าอำเภอไปโดยปริยาย
ทานจนอิ่มก็เดินมาดูอะไรเพลินแถวๆนี้ โปสการ์ดสวยๆร้านมิตรไทย
ร้านกาแฟที่เกือบจะเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่(ด้านดีหรือไม่ดีตัดสินกันเอาเอง) เลยได้แต่ถ่ายรูปมุมสวยๆมาแค่นั้น สังเกตว่าสีถ้วยชงกาแฟเปลี่ยนสีจากสีส้มเป็นสีเหลืองดังที่เห็น
ว่าจะไม่จอดแวะรายทางอีกแล้วเชียว แต่อดใจไม่ไหวเมื่อเห็นร้านกาแฟโลเคชั่นสวยๆ ก่อนออกจากเมืองปาย งั้นแวะเข้าไปชิมกันดีกว่า coffee in love
ข้างๆก็เป็นบ้านของเจ้าของร้าน สอบถามมาได้ความว่าจะเอามาทำร้านอาหาร และรู้สึกเจ้าของจะเป็นคนเดียวกับปายวิมานรีสอร์ทด้วย รวยจริงๆเลย
ออกแบบร้านเป็นพื้นปูนขัดมันแล้วยังตกแต่งด้วยลายดอกไม้สวยๆบนพื้นกระจายกันไป เก๋จริงๆครับ
แค่ภาพถ่ายคงถ่ายทอดบรรยากาศจริงได้ไม่หมด แต่ขอบอกว่าวิวนั่งจิบกาแฟแล้วมองดูขุนเขาน้อยใหญ่ไป ช่างมีความสุขซะจริงๆ
จุดสุดท้ายก่อนออกจากเมืองปายจริงๆแล้ว นั่นคือสะพานประวัติศาสตร์ (ท่าปาย) มาครั้งนี้ถูกทาสีเขียวซะใหม่เอี่ยมอ่องเลย ทุกทีถ้าจำไม่ผิดจะเป็นสีดำ
ระหว่างขับรถออกจากปายแล้วผ่านห้วยน้ำดัง ผมจำทางโค้งช่วงหนึ่งได้จากโปสการ์ดที่ขายอยู่แถวร้านขายโปสการ์ดที่ปาย ดังนั้นเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญในการเก็บภาพ อีกทั้งเรื่องความปลอดภัยในจอดรถ ผมจึงต้องขับนำหน้ารถไปไกลๆแล้วต้องเปลี่ยนเลนส์ล่วงหน้าจากเทเล เป็นเลนส์ช่วง 18-55 mm. เพื่อจะได้ใช้เวลาไม่นานนักในการจอดรถข้างทางแล้วลงไปถ่ายรูป ในที่สุดก็ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ช่างเป็นทางโค้งที่สวยงามจริงๆ
อีกร้านหนึ่งที่อ.แม่แตงทางลงจากเขาที่ผมต้องแวะให้ได้ มาวันนี้โชคดีร้านไม่ปิดเหมือนครั้งที่สองที่มา เลยขับรถเข้าไป ร้านแป้นเกร็ดคอฟฟี่ คอนเนอร์ 2 สั่งเดิมๆคือ เอสเปรสโซ่และผัดไทกุ้งสด ราคาอาหารไม่แพงเลย แถมยังได้ดูแกลอรี่ย่อยที่เจ้าเขาเขาเอามาโชว์ที่นี่ด้วย
ห้องน้ำก็เป็นจุดที่ยังประทับใจเมื่อครั้งมาตอนครั้งแรกโน้น
มาเสริฟแล้วผัดไทกุ้งสด อร่อยดีครับ
และแล้วทริปตะลอนขับรถเกือบสองพันกิโลเมตรก็ได้สิ้นสุดลง เป็นอะไรที่เมื่อยมากๆ เพราะขากลับต้องขับต่อไปกรุงเทพไม่ใช่สระบุรีแต่อย่างใด ทำให้ถึงบ้านเกือบตีหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข็ด ไว้ว่างๆคงได้ขับรถแบบนี้แต่ขอให้มีระยะเวลาที่มากขึ้นกว่านี้หน่อย แล้วจะเที่ยวได้มากกว่าทริปนี้
ขอขอบคุณสปอนเซอร์รายใหญ่ รถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ 1.5 Exi Auto อายุ 10 ปี และที่ขาดไม่ได้กับสภาพถนนที่สมบุกสมบั่น นั่นคือยางมิเชลินอีเนอร์จี้ หรือยางประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ประหยัดตังค์ 555 ขอบคุณที่พลัดหลงเข้ามาดูจนถึงข้อความนี้ครับ ราตรีสวัสดีครับ (_/\_)
[ตอน 1] [ตอน 2]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น