วันเสาร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2548

โกตา คินาบาลู...หนทางสู่การพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดของ South East Asia(หรือเปล่า?) ตอน 3 ตื่นตีสองเพื่อซัมมิตสู่ยอดเขาคินาบาลู 4095.2 เมตร

[ตอน 1] [ตอน 2] [ตอน 3] [ตอน 4]

คืนนี้ดูจะเป็นคืนที่ตื่นเต้นสำหรับใครหลายๆคน โดยเฉพาะพวกชาวต่างชาติที่ไม่ยอมหลับยอมนอนเดินอยู่ได้ทั้งคืน บวกกับพื้นเป็นไม้ด้วยยิ่งทำให้คนหลับยากอย่างผมคอยสะดุ้งตื่นมาตลอดเวลา สุดท้ายเลยนอนไม่ค่อยอิ่ม 


ประมาณตี 2 ไกด์เราก็ดีแสนดีขึ้นมาเคาะประตูด้วยตัวเอง ซึ่งเราก็ตื่นพอดี ทำอย่างเดียวคือล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม จากนั้นจึงลงไปชุมนุมที่โรงอาหารชั้นล่าง เพื่อรอเวลาเท่านั้น


เราพร้อมไกด์ออกจากที่พักตี 2 ครึ่ง เส้นทางมืดแสนมืด จะมีก็แต่ไฟฉายบนหัวของเราสองคนเท่านั้นที่ส่องทางไปข้างหน้าได้ ออกมารู้สึกว่าหนาวมาก แต่สำหรับเราแล้วเตรียมชุดมาอย่างดี จึงทำให้อุ่นขึ้นมาได้


ทางขึ้นชันตลอดเวลา ไม่มีแม้แต่ทางเรียบให้เราพอเดินแบบสบายๆ เดินมาตามบันไดสักพักก็จะเจอช่วงที่เป็นหินแล้ว คราวนี้ต้องไต่เชือกอย่างเดียว เรามีสมาชิกเพิ่มคือน้องราม(เสื้อแดง) ซึ่งนอนค้างกับเราเมื่อคืน เราเดินไปเรื่อยๆพอเหนื่อยก็หยุดพัก นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ควรพยายามฝืน เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน


ตามทางเดิน บางคนขอที่เพียงน้อยนิดเพียงเพื่อจะยืนพิงเพื่อเอาแรงยามหัวใจเต้นแรง


นี่ก็อีกจุดที่ค่อนข้างอันตรายสำหรับผู้หญิง โดยต้องจับเชือกปีนขึ้นไปเกือบจะเป็นแนวดิ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณจะได้รับการช่วยเหลือจากไกด์ของคุณตลอดเส้นทาง


ผมขึ้นมาได้ก็ขอนั่งพักก่อนละกัน


อีก 5 นาทีตีห้า เรามาถึงจุดเช็คพอยท์ (Sayat-Sayat Check Point) ซึ่งเราช้ากว่าคนอื่นมาก ที่นี่จะเช็ครายชื่อเราจากบัตรที่คล้องคอ แล้วเวลาลงมาจะต้องลงมาเท่ากับตอนที่ขึ้นไปบนยอดสูงสุด มาเลเซียเขามีระบบจัดการที่ดี
สำหรับเรา พอถึงเช็คพอยท์ก็ลงนอนบนเตียงที่เขาจัดให้เพื่อเอาแรง ตอนนี้น้องรามของเราคงเสียเวลามากแล้ว จึงบอกให้น้องเขาไปก่อนเลย ไม่ต้องรอ เรานอนหลับสะลึมสะลือ จากได้ยินเสียงคนเดินไปมาและพูดคุย จนสุดท้ายมันเงียบไป คาดว่าน่าจะนอนไปได้ 10-15 นาที จึงตัดสินใจตื่นเพื่อตามล่าฝันต่อ พอเดินไปสักพักก็จะทันกับกลุ่มท้ายๆ


เรามาถึงเกือบกม.ที่ 7.5 แต่คงไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดแน่ แต่ก็ไม่เป็นไร นั่งถ่ายรูปยามพระอาทิตย์จะทอแสงมาบวกกับได้พักไปในตัว


เมื่อมองลงไปจะเห็นว่ามีกลุ่มท้ายๆถือไฟฉายตามเรามา แสดงว่าเราก็ไม่ใช่กลุ่มท้ายๆนะสิ :)


เมื่อมองขึ้นไปทางฝั่งขวา จะเห็น Donkey Ears อยู่รำไรๆ


6 โมงกว่าเรามาถึงแค่กม.ที่ 7.5 เอง เหลืออีกตั้ง 1 กม.กว่าจะถึงยอด


ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มฉายแสงมาแล้ว เราจะไม่ช้าได้ยังไงในเมื่อเดิน 10 ก้าวแล้วพัก 5 นาที เห็นว่าธรรมดาแต่ชันมาก


ผมมองขึ้นไปตามทางเดินที่มีเชือกพาดอยู่ รู้ได้เลยว่าจุดหมายนั้นยังอยู่อีกไกลมากๆ


ในที่สุดเราก็มาถึงกม.ที่ 8 ในเวลา 7:00 น.พอดี ถามไกด์ว่าเหลืออีกเท่าไหร่ ได้รับคำตอบว่า "เหลืออีกประมาณ 700 เมตร" .... โอ...หนักหนาจริงๆงานนี้


ในที่สุดก็เจอ South Peak ในมุมที่หลายๆคนต้องการ


ที่ปลายบนสุดนั่นแหล่ะ คือจุดหมายที่เราต้องไปให้ถึงให้ได้!!!


ณ ตอนนี้ขอพักเหนื่อยก่อนครับ หัวใจเต้นเร็วมาก กลัวหัวใจจะวายเอา


South Peak เมื่อหมอกลงจัด


เอ๊ะ....ดูดีดี มีตัวอะไรไต่มันด้วยแหล่ะ อย่างกับจรเข้ปีนเขาเลย


โอยยยย...ยังไม่ถึงสักที คนชักเริ่มเดินสวนกับเรามากยิ่งขึ้นแล้ว นั่นแสดงว่า เราเดินช้าสุด!


มองไปด้านซ้ายของทาง ไม่แน่ใจว่าพีคนี้มีชื่อว่าอะไร


ทางที่เราเดินผ่านมา ดูยังไงก็ไม่เหมือนว่าเราเดินผ่านขึ้นมาได้


South Peak ในอีกมุมมองหนึ่งท่ามกลางทะเลหมอก


Low's Peak ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่ก็ยังไกลสำหรับเราอยู่ดี


ถึงกม.ที่ 8.5 แล้ว แต่ยังเหลือตั้ง 200 กว่าเมตรแหน่ะ ผมถามตัวเองว่าจะไปไหวเปล่าเนี่ย ?


South Peak อีกรอบในมุมมองที่ห่างขึ้น


ในที่สุดเราก็มาเจอน้องราม ซึ่งรอเราอยู่ที่กลางยอด Low's Peak เขารอเราเกือบชั่วโมง สุดท้ายให้ผมถ่ายรูปเขา 1 รูป พอดีน้องเขาจะต้องรีบลงไปทำงานต่อ คือไป survey โรงแรมในตัวเมือง แต่ขอบใจในน้ำใจที่รอเราตั้งนาน


สุดท้าย 8 โมงครึ่ง เราก็มาถึงจุด summit ของยอดเขานี้ เยๆๆๆ ซึ่งคือ Low's Peak (ตามชื่อเรียกคนที่ค้นพบยอดนี้คนแรก) ที่ระดับความสูง 4,095.2 เมตร จากระดับน้ำทะเล


ผมก็ด้วยครับ แต่แบบเซ็งไม่ดีใจเลยเพราะเหนื่อยจัด


อีกรูปกับป้ายที่ติดบนยอด Low's Peak



มีเสาไม้ที่เจ้าหน้าที่ทำกั้นไว้ไม่ให้คนตกเขาครับ


South's Peak มุมนี้สวยงามมากๆครับ เมื่อมองจากยอดสูงที่สุดคือ Low's Peak


ข้างบนนี้ช่างมหัศจรรย์ซะนี่กระไร สามารถมองออกไปสุดลูกหูลูกตา ทุกอย่างในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่ำกว่าเราหมด เพราะเรายืนอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของ South East Asia นั่นเอง (Click เพื่อดูภาพใหญ่)


วิวเส้นทางถนนด้านล่างเมื่อมองจากด้านบนสุด


สักพักเราก็ต้องจากลาจุดที่สูงที่สุดของ SE Asia ไปแล้ว ขาลงนั้นค่อนข้างอันตรายพอควร ต้องพยายามจับเชือกและไม่รีบร้อน ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะทำให้เจ็บเข่าได้ ขาลงจึงเดินตามสบาย ไม่เหนื่อยแล้ว ผ่าน St John's Peak ซึ่งอยู่ทางขวามือเมื่อเดินกลับ (เหมือนหน้าตาคนหรือเปล่าครับ)


ด้านบนนี้จะมีก็แต่ต้นไม้เล็กๆที่สามารถขึ้นบนซอกหลืบระหว่างหินแกรนิต แต่ดอกที่เห็นก็ยั่วยวนซะจนต้องเก็บภาพเอาไว้


หลังจากที่ลงมาจากยอด Low's Peak ได้แล้ว การเดินลงย้อนกลับไปก็ง่ายกว่าเดินขึ้นมาก ไม่นานเราก็มองเห็นจุดเช็คพอยท์ Sayat-Sayat อยู่ไม่ไกล


ทางที่เราขึ้นมาตอนกลางดึกซึ่งมองไม่เห็น แต่พอตอนกลับจึงได้รู้ว่า พลาดไปนิดเดียวอาจตกหน้าผาได้เลยนะเนี่ย


ใกล้ถึงแล้ว Laban Rata Resthouse  พอถึงที่พัก ผมก็ของีบซะหน่อย แล้วตื่นมาอาบน้ำเพื่อเช็คเอาท์และลงไปทานข้าวที่ชั้นล่าง เตรียมตัวที่จะเดินลงต่อไปเส้นทาง Timpohon ในระยะทาง 6 กม. ซึ่งถ้าเลือกได้เราคงจะเลือกพักที่นี่อีกคืน แต่เป็นไปไม่ได้เพราะจองเต็มหมดแล้ว
พอทานข้าวเสร็จก็เริ่มเดินลงเวลาประมาณ 13:30 น. ซึ่ง 2 กม.แรกเราทำเวลาได้ดี แต่พอหลังจากนั้น อาการปวดกล้ามเนื้อน่องและต้นขาก็มาเยือน ทำให้ลงไปได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น จนในที่สุดก็ถึง Timpohon gate เวลา 19:00 น. พอดี


เราไปรับใบประกาศก่อนครับ หน้าตาเป็นแบบนี้ สวยงามดี เสียเงินนะครับ แต่จำราคาไม่ได้แล้ว อิอิ
พอเสร็จก็นั่งรถตู้ที่ไกด์เราติดต่อมาให้เพื่อไปส่งยังตัวเมือง KK จากนั้นผมก็กดเงินจาก ATM มาจ่ายค่าต่างๆที่ค้างไว้กับไกด์และคนขับรถได้หมด


คราวนี้ก็ได้เวลาอาหารมื้อเย็นแล้ว เราเลือกที่ใกล้โรงแรม เป็นร้านขายอาหารมุสลิมทั่วๆไป รสชาติพอกินได้


ส่วนเครื่องดื่มทั้งหลายแหล่ก็มาตุนที่ร้านนี้ 7-11 นั่นเอง


สักพักเราก็ไป check in ที่โรงแรมอันใหม่ชื่อ HOTEL NAN XING อยู่ติดกับ HOTEL WAH MAY ที่พักในคืนแรกที่มาถึง KK แต่ที่นี่สภาพห้องและความกว้างจะดีกว่า อีกทั้งถูกกว่า 1 RM ด้วย สภาพภายในก็เป็นดังที่เห็น
เป็นอันว่า วันนี้ผมขาเดี้ยงไปหมด คงต้องนอนเอาแรงอีกนาน พรุ่งนี้ค่อยคิดโปรแกรมกันใหม่ว่าจะทำอะไรดีก่อนกลับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ

Original Published on www.pantip.com at  [ 16 ม.ค. 48 11:33:23 ]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น