วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2548

โกตา คินาบาลู...หนทางสู่การพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดของ South East Asia(หรือเปล่า?) ตอน 1 เดินทางสู่เมืองโกตา คินาบาลู เมืองหลวงแห่งรัฐซาบาห์ มาเลเซีย

**คนแรกของห้อง BP เว็บพันทิปที่ไปปีนเขาคินาบาลูมาแล้วเขียนบันทึกเดินทางไว้เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต เป็นการจุดประกายนักท่องเที่ยวหลายคนที่เข้ามาอ่าน จนนำมาสู่การไปปีนเขาที่เกือบสูงที่สุดใน SEA จวบจนปัจจุบัน :)
ระหว่างที่เรานั่งเครื่องเพื่อไปสิงคโปร์โดยสายการบินโลว์คอสท์รายหนึ่ง ทางแอร์โฮสเตสก็ได้เริ่มชักชวนผู้โดยสารให้มาร่วมเล่นเกมเพื่อคลายเครียดซึ่งต้องเดินทางถึง 2:20 ชม.ด้วยกัน โดยในการเล่นนี้ครั้งนั้นเป็นการถามปัญหาว่า สายการบินนี้ได้เปิดเส้นทางบินใหม่จากกรุงเทพไปเมืองไหนล่าสุด พอสิ้นคำถามก็มีเสียงซุบซิบของผู้โดยสารว่ามันน่าจะชื่อว่าอะไรสักอย่าง เช่นเดียวกับผม ผมเองก็คุ้นๆอยู่เหมือนกันแต่จำไม่ได้ สุดท้ายมีเด็กหญิงคนหนึ่งออกไปตอบ ซึ่งทางแอร์โฮสเตสก็ช่วยใบ้เต็มที่ คำตอบนั้นก็คือ "เมืองโกตา คินาบาลู" รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ฝั่งเกาะบอร์เนียว
จากการเล่นเกมครั้งนั้นผมครุ่นคิดอยู่ว่ามันเป็นเมืองอะไรชื่อดูแปลกๆดี จึงทำการค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองนี้ สุดท้ายจึงนำมาสูทริปในต้นเดือนมกราคม 2548 ดังที่ผมได้ไปมา


หลังจากที่กลับมาจากสิงคโปร์ อีกประมาณ 3 วันผมก็เริ่มดูไฟล์ทเดินทางและราคาไปยังเมืองดังกล่าว ปรากฎว่ามีที่นั่งและราคาไม่แพง ผมเริ่มวางแผนวันที่ที่จะไป ตอนนั้นเป็นเดือนพฤศจิกายน 2547 ผมวางแผนไปหลังปีใหม่เนื่องจากต้องการวันลาในปีหน้าเพิ่มเข้ามาเพื่อใช้ในการเดินทางครั้งนี้ มาลงตัวในวันที่ 6-9 มกราคม 2548 โดยในขณะนั้นยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามียอดเขาที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เวลาที่ผ่านไปจึงหาข้อมูลเรื่อยๆ สุดท้ายก็ทราบ จึงเป็นการเพิ่มดีกรีในการท่องเที่ยวให้กับเราอีกเยอะเลย เราจึงตัดสินใจไต่เขาเหมือนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเขา ตอนนั้นก็หาข้อมูลที่พัก และที่พักบนเขาซึ่งต้องไปค้าง 1 คืนก่อนจะขึ้นไป summit ในเวลาตี 2 ครึ่ง 
อุปสรรคมีมากเหลือเกิน โดยที่ตอนแรกจองที่พักด้านบนเขาไม่ได้ เพราะเขาบอกเต็ม อ้อนไปอ้อนมาก็ยังไม่ได้ สุดท้ายก็ทำใจว่าคงได้แค่ไปถึงอุทยานเฉยๆ ไม่ได้ปีนเขาแต่อย่างใด จนวันหนึ่งกลางเดือนธันวาคม 2547 ก็มี email ตอบกลับมาว่า "I have a good news for you" เขาบอกว่ามีคนยกเลิกไป แต่เหลือเฉพาะห้องพักแบบ Buttercup ซึ่งราคาแพงสุดในเรต 230 RM (ริงกิตมาเลเซีย) ซึ่งคร่าวๆก็ประมาณ 2300 บาท(1 RM ~ 10 บาท) แต่บอกให้เราตอบกลับโดยด่วน ซึ่งผมก็ตอบกลับไปในวันนั้นพอดี และได้ confirm มาว่าจองได้ จึงเริ่มต้นหาข้อมูลสุดท้ายนั่นก็คือ อุปกรณ์ในการไปไต่เขา ทั้งหลายแหล่ได้ข้อมูลจาก www.trekkingthai.com โดยเฉพาะคุณเอื้องน้ำต้น ซึ่งเป็นคนไปมาแล้ว กับคู่มือท่องเที่ยว โกตา คินาบาลา จาก www.mrbackpacker.com 
พอถึงวันที่ 6 มกราคม 2548 เราออกไปก่อนเวลาเล็กน้อยเพื่อไปเช็คอินที่ Terminal 1 ตามกำหนดเวลา เครื่องจะออก 17.20 น.


ยื่นพาสปอร์ตเพื่อเช็คอิน แล้วเตรียมเขียนใบ immigration ไว้ทั้งของไทยที่เป็นขาออกนอกประเทศ และของมาเลย์ซึ่งเป็นขาเข้าประเทศมาเลเซีย เพื่อจะได้ไม่ต้องฉุกละหุกไปเขียนตอนหลัง (รู้สึกจะมีการเปลี่ยนใบ immigration ของไทยเราในปีใหม่ที่ผ่านมา เพราะตอนไปสิงคโปร์ยังเป็นแบบเก่าอยู่)


เราเข้าไปข้างในเพื่อเตรียมรอก่อน จะได้มีเวลาเดินดูสิ่งของด้วย พอเห็นเครื่องบินของสิงคโปร์แอร์ไลน์กำลังแล่นอยู่ก็เลยลองถ่ายดูเล่นๆ


เวลาประมาณ 16:30 น. ก็เริ่มลงไปที่เกต 2 ซึ่งเป็นเกตที่ต้องนั่งรถไปขึ้นเครื่องอีกทีหนึ่ง คนคอยพอประมาณ


เวลา 17:00 น. เจ้าหน้าที่ได้เรียกผู้โดยสารเตรียมตัวขึ้นรถเพื่อไปขึ้นยังเครื่องที่จอดบริเวณ domestic ต่อไป


ระหว่างทางจากเกต 2 ไปยังเครื่องบินที่เราจะขึ้น จะเห็นวิวเครื่องบินต่างๆจอดเรียงรายกันมากมายหลายสีสัน นี่ก็เป็นสีสันอันหนึ่งของบางกอกแอร์เวย์ และแอร์เอเชีย ซึ่งจอดเรียงกัน ดูแล้วสวยงามดี


ใกล้จะถึงหลุมจอดเครื่องบินที่เราจะบินแล้วครับ


แล้วก็มาถึงเครื่องบินแอร์เอเชีย ซึ่งเครื่องนี้จะพาเราข้ามทะเลจีนใต้ไปยังเมืองโกตา คินาบาลู (KK) บนเกาะบอร์เนียว


เราขึ้นเกือบจะเป็นคนสุดท้าย ภายในเครื่องจะสังเกตเห็นที่ว่างมากมาย เนื่องจากว่าเป็นเที่ยวบินใหม่คนจึงยังไม่รู้จักมากนัก แต่ก็เป็นการดีสำหรับเรา สามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ


แอร์สาวสวยเตรียมสาธิตเรื่องความปลอดภัย ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้สนใจกันเท่าไหร่หรอกครับ


น้อยครั้งที่จะได้เห็นวิวเครื่องบินจอดต่อแถวเพื่อจะเข้าคิว take off ออกจากรันเวย์เพื่อไปยังจุดหมายในแต่ละเที่ยวบิน


17:30 น.เครื่องก็ take off ออกจากสนามบินนานาชาติกรุงเทพ ช่วงนี้เห็นอะไรจึงเอียงไปหมด


เนื่องจากที่นั่งว่าง จึงสามารถเลือกวิวถ่ายรูปที่สวยๆได้ไม่ยาก ในภาพเป็นเวลา 17:42 น. ยามที่พระอาทิตย์ใกล้จะตกเต็มที


วิวอีกฝั่งหนึ่งของเครื่องบิน มองเห็นเครื่องยนต์อย่างชัดเจน


ขอบฟ้าอันแสนสวยของผม


เราแลกเงินริงกิตซึ่งเป็นสกุลเงินของมาเลเซียมาทั้งหมดจากดอนเมืองแค่ 200 RM กะจะมาแลกอีกครั้งที่ KK


มีบางคนนำอาหารเข้ามาทานบนเครื่องซึ่งผิดกฎนะครับ อย่าทำดีกว่า แอบๆทาน ไม่มีความสุขหรอก



พอเวลาประมาณ 18:00 น. ก็ได้เวลาที่ทางสจ๊วตและแอร์โฮสเตสนำอาหารมาขาย เราทั้งสองทานข้าวล่าสุดก็ตอนเที่ยงจึงไม่ลังเลที่จะซื้อของกินประกอบกับอยากอุดหนุนสายการบินด้วย ซึ่งสั่งมาทั้งแซนวิชทูน่า snack และน้ำอัดลม


ทานแซนวิชไปพร้อมกับมองออกไปจากข้างนอก พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าจริงๆซะแล้ว คงเหลือก็เพียงความมืดของบรรยากาศข้างนอกที่จะมาบดบังแทน


มองนาฬิกาข้อมือบ่งบอกถึงเวลา 20:12 น. ซึ่งเราต้องบวกไป 1 ชม.เพื่อเป็นเวลาท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย 
กัปตันบอกมาว่าเครื่องจะเตรียมตัวลงจอดแล้ว มองออกไปข้างนอกจะเห็นแสงไฟอยู่บ้างบนฝั่งขวามือ ซึ่งนั่นก็คือตัวเมืองโกตา คินาบาลู นั่นเอง


พอลงจอดที่สนามบิน KK Terminal 2 เราก็จัดแจงลงตามกันไป พอจะเดินเข้าไปที่อาคาร ด้วยความที่อยากเก็บภาพไว้จึงยกกล้องมาเล็งพร้อมที่จะถ่ายแต่ก็ปรากฎว่าทางเจ้าหน้าที่สนามบินมาห้ามและบอกเป็นภาษาอังกฤษว่าห้ามถ่ายรูปบริเวณนี้ ไม่เป็นไร เราปฏิบัติตามกฎอยู่แล้ว 
สักพักพอออกจาก immigration ขาเข้าของมาเลเซียซึ่งเขาแค่ถามว่ามาที่นี่เป็นครั้งแรกเหรอ เราก็ตอบไปว่าใช่ เป็นครั้งแรก ก็เจอคนชาวมาเลย์มาถามเราว่าต้องการแท็กซี่มั๊ย เราก็ถามราคาซึ่งจากที่สืบมาก่อนก็อยู่ในราคาที่ประมาณนี้คือ 15 RM แต่ผมก็บอกว่าเดี๋ยวก่อนนะขอถ่ายรูปกับหน้าสนามบินหน่อย เขาก็ดี จัดแจงขอกล้องไปเพื่อที่จะถ่ายรูปคู่ให้เรา หลังจากนั้นจึงเดินไปหารถแท็กซี่ ซึ่งผมเห็นแล้วก็ตกใจเหมือนกัน ทำไมมันใหม่เหลือเกินเนี่ย ไม่ลังเลที่จะรีบเดินไปนั่งเลยครับ


ระหว่างทางก็ได้คุยกับคนขับแท็กซี่พร้อมกับถ่ายรูปวิวแสงไฟสวยๆ ในรูปเป็นร้านอาหารซีฟู๊ดซึ่งคนขับแท็กซี่บอกกับเราว่าแพงพอควร แต่เราก็ไม่สนใจจะมาทานอยู่แล้วหล่ะ


อีก 15 นาที 4 ทุ่ม(เวลาท้องถิ่น) เราก็มาถึงโรงแรมวาห์เมย์ (HOTEL WAH MAY) ซึ่งเป็นโรงแรมที่เราจองไว้แล้วทางอินเตอร์เน็ต ยื่น email ที่ทางโรงแรม confirm มากับพาสปอร์ตก็เป็นอันเช็คอินเสร็จ ผมเลือกจ่ายโดยใช้บัตร VISA ราคาอยู่ที่ 71 RM มีห้องน้ำในตัว ,น้ำอุ่น ,แอร์ พร้อม


ได้ห้อง 201 อยู่ชั้น 2 ห้องแรกเลยครับ


พอเข้าห้องก็เปิดมือถือเพื่อที่จะโทรกลับบ้าน สำหรับท่านที่ใช้ DTAC ขอแนะนำให้เลือกเครือข่ายแบบ Manual โดยเลือกเครือข่าย DiGi ซึ่งจะราคาถูกสุดทั้ง SMS และ โทรออกหรือรับสาย ส่วนใหญ่แล้วทุกเครื่องข่ายที่นี่จะใช้ได้ทั้ง GPRS และ MMS โดยสามารถส่งรูปและเล่น WAP เพื่อเช็ค email ได้ตามสบาย 
***เครือข่ายที่มีใน KK มี 3 รายคือ DiGi ,CELCOM และ MAXIS


พออาบน้ำเสร็จก็ออกมาเดินเล่นข้างนอก ส่วนใหญ่จะมีรถแล่นน้อยอาจเป็นเพราะดึกแล้ว บวกกับที่นี่เป็นเมืองที่เงียบสงบ


เดินไปก็หิวข้าวไป จึงหยุดเดินที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นร้านที่พวกเรารู้จักกันดีในเมืองไทย นั่นก็คือร้าน 7-eleven


ที่ 7-eleven เราเลือกซื้อช็อคโกแล็ตเพื่อเป็นพลังงานตอนไต่เขาในวันรุ่งขึ้นตามที่เว็บต่างๆได้บอกเอาไว้ พร้อมกับเครื่องดื่มเช่น น้ำผลไม้ ส่วนผมตามสไตล์ก็คือ กาแฟกระป๋อง ของที่นี่ราคาใกล้เคียงที่เมืองไทยเรามาก เช่น กาแฟกระป๋องก็แค่ 1.3 RM หรือ 13 บาทโดยประมาณ ต่อจากนั้นก็มาลงเอยที่ร้านอิสลามซึ่งอยู่ติดกับร้านเซเว่น เราเลือกทานสิ่งที่ไม่อิ่มมากนัก เลยสั่งโรตีสู้สู้ (ROTI SUSU) มาทาน 2 จาน จานละแค่ 1.2 RM ขอบอกว่าอร่อยมากครับ


ถึงจะเป็นเมืองที่เล็ก แต่ก็มีร้านอาหารต่างชาติดังๆจากอเมริกามาตั้งด้วยนะ KFC ยังไงหล่ะ


อีกร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านอาหารซีฟู๊ด ตั้งอยู่ริมถนนเลียบทะเลจีนใต้


วงเวียนเล็กๆใกล้โรงแรม HYATT โดยกลางวงเวียนเป็นตัวปลาทะเลชนิดหนึ่งซึ่งปากยาวแหลม สัญลักษณ์ของที่นี่เค้า


สุดท้ายสำหรับวันนี้ครับ วันที่เหลือ ขอต่อพรุ่งนี้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามชมครับ

Original Published on www.pantip.com at  [ 15 ม.ค. 48 18:51:05 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/E3234715/E3234715.html

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น