วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2548

โกตา คินาบาลู...หนทางสู่การพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดของ South East Asia(หรือเปล่า?) ตอน 2 เริ่มต้นวันแรกกับการเทร็กกิ้งเขาคินาบาลู


วันนี้เราตื่นประมาณ 6:30 น. เพื่อไปให้ทัน Kinabalu Natural Park เนื่องจากได้รับทราบมาว่าควรไปขึ้นเขาก่อน 11:00 น. เพราะถ้าช้ากว่านั้นแล้วจะถึงที่พักค่ำได้ ซึ่งอาหารข้างบนจะปิดขาย 19:30 น. โดยประมาณ  ดังนั้นจึงใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวประมาณคนละครึ่งชั่วโมง จึงลงมา check out และถามทางกับเจ้าหน้าที่โรงแรมว่าจะไปขึ้นรถทางไหนได้ ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีครับ


เราเดินตามที่เจ้าหน้าที่โรงแรมเขาบอกไปเรื่อยๆไม่ไกลมากนัก ระหว่างทางเจอที่พักสำหรับ backpacker โดยเฉพาะ นั่นคือ backpacker lodge ซึ่งดูสภาพแล้วก็ใช้ได้เลย


ต่อจากนั้นก็เดินตามถนนเมนหลักไปเรื่อยๆ เห็นหอนาฬิกาอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เจอผู้คนก็ถามว่ารถบัสขึ้นที่ไหน ซึ่งคนส่วนใหญ่ในเมืองนี้สามารถพูด/ฟังภาษาอังกฤษได้ดี ตอบกลับมาทุกครั้งที่เราถามไป 


พอถึงป้ายรถเมล์เห็นรถดังที่จอดอยู่ ในใจคิดว่าคงเป็นที่นี่หล่ะมั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องไปถามคนที่นั่งรออยู่ ซึ่งเขาบอกมาว่าต้องข้ามถนนไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง จะมีรถบัสจอดเรียงรายอยู่ ให้ขึ้นสายที่ 10 เราจึงเดินข้ามถนนไปตามที่เขาบอกเรามา


จากนั้นก็มาถึงยังฝั่งตรงข้าม เห็นรถบัสปรับอากาศจอดอยู่เยอะมากเลย เราพยายามมองหารถบัสหมายเลข 10 แต่คนแถวนั้นคงเห็นว่าเราเป็นคนต่างชาติก็เลยมีคนใจดีมาให้ข้อมูลเราว่าจะไปไหน เราก็บอกว่าจะไป Kinabalu Park เขาก็ชี้ไปที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว เราจึงเดินเข้าไป แต่สุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องไปซื้อที่นั่นเพราะรถที่จะไปจะออกอยู่แล้ว เด็กรถเลยให้เราขึ้นไปบนรถก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินทีหลัง อัตราอยู่ที่ 15 RM / คน ซึ่งรถดังกล่าวเป็นรถโคชปรับอากาศอย่างดี มี VCD ให้ดูด้วย ในรูปเป็นตั๋วที่เราซื้อมา


พอขึ้นรถไป อีก 2 นาทีรถก็ออกจากอู่เพื่อไปยังเขาคินาบาลูและสิ้นสุดที่เมือง Sandakan ระหว่างทางก็เป็นถนนเลียบทะเลจีนใต้ ซึ่งทะเลฝั่งนี้จะไม่มีชายหาด


ระหว่างนั้นก็ชมวิวไปเรื่อยๆ สักครู่ก็จะเจอมัสยิดหรืออะไรสักอย่างหนึ่งซึ่งผมไม่แน่ใจ เลยถ่ายมาดูกัน


ระหว่างทางเขาก็เปิด VCD เพลงสากลของฝั่งอังกฤษเช่น บริทนี่ย์ สเปียร์ แต่เขาจะเซ็นเซอร์ทำภาพเบลอๆตรงที่ล่อแหลมเช่น หน้าอกของผู้หญิง ดูแล้วก็ตลกดีครับ


ช่วงนี้จะเป็นทางขึ้นเขาตลอดเลยครับ ทำให้สามารถเห็นหมอกได้อย่างง่ายดาย



ใช้เวลาประมาณ 1:40 ชม. รถโค้ชปรับอากาศก็พาเรามาถึงทางเข้า Kinabalu Park ซึ่งที่นี่ได้รับเป็นมรดกของโลกด้วย เนื่องจากมีพืชพรรณไม้นานาชนิด และความหลากหลายทางชีวภาพอยู่สมบูรณ์


เราเดินข้ามฝั่งเพื่อทานอาหารเช้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน


ผมสั่ง American Breakfast ธรรมดา พร้อมด้วยการแฟร้อน ส่วนแฟนผมสั่ง Noodle Soup ซึ่งก็คล้ายๆเส้นก๋วยเตี๋ยวในบ้านเรา ที่นี่เขาให้กาแฟซะจนอิ่มกันไปข้างหนึ่งเลย เพราะเยอะมาก ดื่มไม่หมด


พอทานอาหารเสร็จ ผมก็เดินข้ามฝั่งมายังที่ทำการอุทยาน เพื่อติดต่อขออนุญาตในการเข้าอุทยานและไต่เขา พร้อมกับยื่นเอกสารหลักฐานที่แสดงว่าตัวเองได้จองที่พักด้านบนมาเรียบร้อยแล้ว


หลังจากนั้นก็ต่อแถวนำใบที่ออกให้โดย Suterasanctuarylodge เมื่อตะกี้นี้ไปจ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ ดังต่อไปนี้
========================
ENTRANCE FEE
Malaysian           Non-Malaysian
RM 3.00 per person (Adult) RM 15.00 per person (Adult)
RM 1.00 per person (Below 18 years) RM 10.00 per person (Below 18 years)

CLIMBING PERMIT
Malaysian           Non-Malaysian
RM 30.00 per person (Adult) RM 100.00 per person (Adult)
RM 12.00 per person (Below 18 years) RM 40.00 per person (Below 18 years)

INSURANCE
RM 3.50 per person

TRANSFER TO TIMPOHON GATE
Less than 5 persons RM 12.50 per one way
5 persons & above RM 2.50 per person per way

MOUNTAIN GUIDE FEE
Total Climbers Timpohon / Peak / Timpohon Timpohon / Peak / Mesilau Mesilau / Peak / Mesilau

1 – 3 Climbers RM 70.00 per trip RM 80.00 per trip RM 84.00 per trip
4 – 6 Climbers RM 74.00 per trip RM 86.00 per trip RM 90.00 per trip
7 – 8 Climbers RM 80.00 per trip RM 92.00 per trip RM 100.00 per trip

PORTER FEE (OPTIONAL)
Timpohon / Timpohon Mesilau / Timpohon Mesilau / Mesilau

To Laban Rata RM 66.00 / trip (10 kg) RM 76.00 / trip (10 kg) RM 88.00 / trip (10 kg)
To Sayat-sayat RM 80.00 / trip (10 kg) RM 88.00 / trip (10 kg) RM 100.00 / trip (10 kg)
To Summit RM 88.00 / trip (10 kg) RM 100.00 / trip (10 kg) RM 110.00 / trip (10 kg)

CERTIFICATE (OPTIONAL)
RM 10.00 per person

ซึ่งตรงนี้แหล่ะที่ทำให้เรามีปัญหา เพราะว่าแลกมาแค่ 200 RM แล้วก็ไม่ได้แลกเพิ่มมาเลย เขาเองก็รับแต่เงินสดเท่านั้น Credit Card ไม่รับ พูดคุยแล้วคุยอีก จนนึกขึ้นได้ว่ามีคนไทย 2 คนมาไต่เขาด้วย ก็เลยรีบวิ่งไปแลกกับเขา 150 RM ซึ่งก็เหลือแค่ 1 RM ยังไม่จบ สุดท้ายต้องไปอีกช่องหนึ่งเพื่อจ่ายค่าไกด์และค่ารถที่จะไปส่งที่ประตูด้าน Timpohon คราวนี้ก็ต้องวิ่งแจ้นไปแลกกับน้องคนไทยอย่างเดิมแต่ได้มาแค่ 10 RM ไม่พอ จึงคุยกับเจ้าหน้าที่อ้อนแล้วอ้อนอีก แต่เจ้าหน้าที่ส่วนนี้ต้องขอชมว่า take care ดีมาก โดยโทรไปยัง Money Exchange ที่อยู่ใกล้ๆและบอก rate เรามาโดยจะให้แลกจากเงินไทยเป็นริงกิตในอัตรา 8.9 RM / 100 THB ก็โอเคครับ ดีกว่าต้องนั่งรถไปอีก 5 กม.เพื่อไปกดเงินแล้วกลับมาใหม่


ดีใจก่อนจะหน้าแตกทั้งคู่


สุดท้ายก็ได้บัตรมาคล้องคอจนได้ บัตรนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในการตรวจสอบว่าลงทะเบียนแล้ว อีกทั้งใช้เป็นหลักฐานในการเช็คที่จุดเช็คพอยท์ตอนขึ้นไป summit ในวันรุ่งขึ้น


ไกด์ผมชื่อ Lapilin Wido ชักภาพก่อนที่จะขึ้นรถไปส่งยัง Timpohon


ขณะนั่งในรถตู้เพื่อไปยัง Timpohon gate


ถึงแล้วครับ ประตูทิมโพฮอน ณ เวลา 11:14 น. เรามาถึงค่อนข้างสายเนื่องจากเสียเวลาไปกับการหาแลกเงินและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ฝนตกปรอยๆ พอรับได้ ที่นี่แหล่ะ(ที่ระดับความสูง 1,800 เมตร) เริ่มเดินขึ้นกันอย่างจริงจังเพื่อไปยังที่พัก Laban Rata Resthouse ในระดับความสูง 3200 กว่าเมตรในระยะทาง 6 กม.


เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ผมจะขอนำแผนที่มาให้ดูเป็นแนวทางนะครับ


อีก 10 นาทีเที่ยงก็มาถึง shelter(ศาลาพักระหว่างทาง) แรกแล้ว ชื่อ KANDIS ป้งเป้ที่หนักกว่า 6 กก.ต้องให้ไกด์ถือให้แล้วครับ แบกไม่ไหวจริงๆ


พอหายเหนื่อยก็เดินขึ้นเขากันต่อ shelter ต่อไปคือ UBAH ที่นี่เจอฝรั่งชาวอังกฤษ 2 คน พร้อมกับคนไทยที่ลงมาจากที่พักพอดี ก็คุยสอบถามกันว่าอีกไกลหรือเปล่า


ระหว่างทางขี้เกียจเดินก็ถ่ายรูปหม้อข้าวหม้อแกงลิงครับ ที่นี่มีเยอะมากกกกก


หายเหนื่อยก็เดินขึ้นกันต่อไป ที่นีไม่มีทางราบครับ มีแต่ชันมากหรือน้อยแค่นั้นเอง โฮๆๆๆ


ระหว่างทางไกด์ก็ชี้ดอกไม้ที่สวยๆให้ผมชักภาพเสมอๆ


สักครู่ใหญ่ๆก็ถึง shelter ที่ชื่อว่า LOWII ซึ่งมีกระรอก 2-3 ตัววิ่งไปมาไม่กลัวคน ทำให้ถ่ายภาพมันยากมาก


ฝนเริ่มตกปรอยๆแล้ว แต่ไม่หนักมาก จนไกด์เราต้องหยิบร่มมากาง


ประมาณ 13:42 น. เรามาถึงที่ MEMPENING ซึ่งเป็น shelter ที่ 4 ตอนนี้เหนื่อยมากๆเลย


ดูเส้นทางซะก่อน ทุลักทุเลน่าดูเลย


แล้วเราก็มาถึงกิโลเมตรที่ 3.5 เหนื่อยค่อดๆ


ส่วนนี่ก็เป็นจุดที่ลื่นที่สุดเนื่องจากมีน้ำแฉะๆพร้อมกับหินมันและลื่น


บ่ายสองครึ่งเราก็มาถึง Layang Layang Staff Qtrs เกือบถึงกม.ที่ 4 ที่จะเจอกับเส้นทาง Mesilau


ต่างคนต่างมารองน้ำดื่มกันก่อนที่จะเดินไปต่อ เราพักที่นี่นานหน่อยเนื่องจากฝนตกพอประมาณ


พอเดินต่อสัก 20 นาทีก็จะมาเจอเส้นทางที่มาจาก Mesilau และสิ่งก่อสร้างเต็มไปหมด ถามไกด์ได้ความว่าเขาจะเตรียมทำที่พัก และร้านอาหารเพิ่มอีกที่จุดนี้


มาแล้วจ้า...สู่อีกช่วงที่สูงและลื่นพอประมาณ ฝรั่งเตรียมพร้อมกันใหญ่


ทางขึ้นนี้เป็นหินจึงลื่นมากๆ เวลาเดินต้องระวังก้าวให้ดีๆ ไม่งั้นล้มไถลเจ็บตัวได้


ดอกไม้สีชมพูระหว่างทางครับ


เจออีกแล้ว ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง(Pitcher) แต่อันนี้ขนาดใหญ่กว่าที่ผมได้เห็นในตอนที่เดินมาช่วงแรกๆ


ส่วนนี่ก็ต้นไม้อะไรสักอย่างหนึ่ง มีก้านสีแดงๆอยู่รอบต้น


รู้สึกนี่จะเป็นดอกของต้นไม้ดังกล่าว


ใกล้เข้ามาแล้วหล่ะ....มองเห็น Donkey Ears Peak อยู่รำไร


ยิ่งสูงขึ้นไปจะเจอหมอกมาก แต่ยิ่งมีฝนตกด้วยแล้วหมอกก็ยิ่งจะมากขึ้นไปด้วยอีก


ขอแชะกับบรรยากาศครึ้มๆที่ระดับความสูง 2,000 กว่าเมตรเหนือระดับน้ำทะเลซะหน่อยค่ะ


Donkey Ear Peak และ Peak อื่นๆอีกใกล้ๆกัน


มาถึง shelter ที่ 5 ชื่อ VILLOSA ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เหลืออีกแค่ shelter เดียวเท่านั้น กับ 1 กม.กว่าๆจวนจะถึงที่พัก แต่หัวใจก็ทำหน้าที่หนักตลอดเวลาเลย


ดอกไม้ที่สวยงามอีกชนิดหนึ่ง


และอีกดอกหนึ่ง สีแดงสด


ช่วงนี้เป็นช่วงที่เริ่มความสูงระดับ 3,000 เมตร ทำให้ต้นไม้มีลักษณะเตี้ยแคระ ซึ่งแลดูแล้วแปลกตามาก


ทางช่วงนี้พืชพรรณอุดมสมบูรณ์


เวลาประมาณ 17:00 น. ก็เดินมาถึง shelter สุดท้ายก่อนถึงที่พัก นั่นก็คือ PAKA ซึ่งเหลือระยะทางอีกประมาณ 700 เมตรก็จะถึง Laban Rata Resthouse


ถึงกม.ที่ 5.5 แล้ว เหลืออีก 500 เมตรเท่านั้น ! แต่ความเป็นจริงแล้วนานมากเลยกว่าจะไปถึง พักแล้วพักอีก


ชักเริ่มเห็นทะเลหมอกแล้ว


นี่ก็อีกชนิดหนึ่งของต้นไม้ที่นี่ ที่ดูแปลกตาออกไป


เอ๊ะ....หนูจะเดินไปทางไหนดีเนี่ย ชักมึนแล้ว


โอ้ววว....ทะเลหมอกสวยมากๆครับ


Yessss ! สุดท้ายก็ขึ้นมาถึงด้านบนที่พักจนได้ แหม....เล่นวอลเลย์บอลกันสนุกเลยนะ


นี่ไง...Laban Rata Resthouse ที่พักของเรา


เราขึ้นมาถึงตอน 6 โมงเย็นพอดี ที่ระดับความสูงประมาณ 3,273 เมตร ผมต้องใช้ไม้เท้าช่วยเลยทีเดียว 555


เราทำสำเร็จแล้วจริงๆครับ


ต่อจากนั้นก็เข้าไป check in และเอาข้าวของไปเก็บไว้ที่ห้อง ซึ่งห้องที่เราจองไว้คือ Buttercup room 1 มีทางออก 2 ประตู แต่เข้าได้แค่ประตูเดียว


พอเข้ามาถึงก็จะเจอกับเครื่องหน้าตาประหลาด ซึ่งผมไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอจะเดาได้ว่ามันน่าจะเป็น Heater นั่นเอง ผมรีบจัดแจงเปิดสวิชท์เปิดให้มันเริ่มทำงาน เพื่อจะได้รู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง


สภาพเตียงนอนใช้ได้ มีผ้าเช็ดตัวกับสบู่ลักซ์ซึ่งเป็นก้อนเล็กวางไว้ให้


เปิดประตูด้านข้างจากห้องนี้ไป ก็จะเจอห้องนอนอีกห้องพร้อมกับห้องน้ำในตัวที่แสนจะใหญ่อย่างไม่เคยเห็นมาก่อน


พอวางข้าวของเรียบร้อยแล้วก็ลงมาข้างล่างเพื่อสั่งอาหารตามใจชอบ ที่นี่รับบัตรเครดิตจริงๆด้วย ดังนั้นจึงสั่งไม่อั้น แต่สุดท้ายก็ติดด้วยอะไรหลายๆอย่างหมด เช่นสปาเก็ตตี้ มีเหลือก็ ต้มยำซุป และข้าวผัดที่รสชาติไม่อร่อยซะเล้ยย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีให้ทาน


ส่วนด้านนี้ก็จะเป็นบุฟเฟ่ต์


หลังจากสั่งอาหารไว้ ช่วงที่กำลังรออาหารผมก็เดินออกมาข้างนอกเพื่อดูบรรยากาศ ซึ่งน่าอิจฉาพวกมาเลย์ที่เล่นวอลเลย์บอลกันที่นี่จริงๆ น้อยมากที่จะมีโอกาสเล่นท่ามกลางทะเลหมอกที่ระดับความสูง 3,200 กว่าเมตร


Laban Rata ยามใกล้ค่ำ


ดอกไม้บริเวณที่พัก


พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว ช่างเป็นบรรยากาศที่สวยอะไรเช่นนี้


ตัวผม....ท่ามกลางทะเลหมอก ณ เขาคินาบาลู


อีกวิวหนึ่ง


พอกินบรรยากาศจนอิ่มก็กลับมายังร้านอาหารเพื่อกินข้าวจริงๆแล้ว ที่นี่ราคาอาหารแพงกว่าตัวเมืองเนื่องจากต้องมีค่าใช้จ่ายในการจ้างลูกหาบแบกขึ้นมา ดังนั้น ข้าวผัดที่เห็นตรงหน้านี้ก็ราคาประมาณ 100 บาท


ที่เห็นเป็นบันไดขึ้นไปก็จะเป็นที่พักซึ่งอยู่ชั้น 2 ทั้งหมด รวมถึงที่พักของผมด้วย


บรรยากาศในห้องอาหารยามนี้ ชาวต่างชาติทั้งหลายจะมานั่งดูบอลจากช่อง Cable TV ที่ถ่ายทอดบอลพรีเมียร์ลีกจากอังกฤษ ครึกครื้นดีจริงๆ
หลังจากนั้นก็หมดลงแล้วสำหรับวันนี้ ผมต้องรีบอาบน้ำและเข้านอนเร็วๆเพื่อจะได้ตื่นตอนตี 2 ลงมาข้างล่างเตรียมพร้อมในการพิชิตยอดบนสุดแต่เช้าตรู่ แต่ไม่นึกไม่ฝันน้องคนไทยที่ขึ้นตามมาทีหลัง 2 คนมีที่นอนที่เป็นลักษณะ dorm ซึ่งอาจไม่สะดวกนัก ผมจึงชวนน้องทั้ง 2 มานอนในห้องด้วยกันเพราะเหลืออีกตั้ง 1 ห้องฟรีๆ ไม่มีคนพัก แต่น้องคนผู้หญิงได้บอกกับผมว่า เขาคงจะไม่ตื่นเพื่อจะไปพิชิตด้านบน แต่จะนอนเฝ้าข้าวของให้ เพราะไปคงเป็นตัวถ่วง

Original Published on www.pantip.com at  [ 16 ม.ค. 48 02:42:23 ] as below link
http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/E3235393/E3235393.html


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น