วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ฮ่องกง-มาเก๊า ตอน 4 นั่งกระเช้านองปิงไปไหว้พระใหญ่ลันเตา วัดโปลิน ก่อนจะย้อนมาวัดหวังต้าเซียนและสวน Nan Lian แล้วกลับไทย


วันนี้วันที่ 4 และเป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว วันนี้เราแพลนจะไปนั่งกระเช้านองปิงที่อยู่เกาะลันเตา(ฟังชื่อครั้งแรกทำไมมันชื่อคล้ายเกาะลันตาที่กระบี่บ้านเรานะ เรียกผิดไปตั้งหลายครั้ง) เพื่อไปไหว้พระใหญ่ลันเตา ณ วัดโปลิน อันโด่งดัง เราจองตั๋วมาเรียบร้อยจากในไทย ฉะนั้นเราจะไม่ต้องเสียเวลาเข้าแถวเพื่อซื้อตั๋วอันยาวเหยียดตามที่เขาว่าๆกัน พอจบจากกระเช้านองปิงก็จะนั่งรถไฟย้อนกลับมาเกาลูนอีกครั้ง เพื่อไปไหว้พระขอพร ณ วัดหวังต้าเซียน เสร็จแล้วก็ไปวัดนางชี สวน Nan Lian และปิดทริปด้วยวัดแชกงหมิว ซึ่งเหมือนเช่นเคย คือเป็นแผนไว้ก่อน ส่วนเวลาจริงจะได้หรือไม่ค่อยมาว่ากัน (pantip)

DAY 4 :  กระเช้านองปิง - พระใหญ่ลันเตา(วัดโปลิน) - City Gate - วัดหวังต้าเซียน - สวน Nan Lian - วัดนางชี - วัดแชกงหมิว - สนามบินฮ่องกง - สนามบินสุวรรณภูมิ


วันที่สี่ : วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2557
วันนี้ชักจะตื่นไม่เช้ากันแล้ว เราเช็คเอาท์จากโรงแรมเกือบๆ 10 โมงเช้า สัมภาระทั้งหมดฝากไว้กับล็อบบี้โรงแรมซึ่งเสียค่าฝาก 20 HKD ที่ฮ่องกงอะไรๆก็เป็นเงินหมดนะครับ แต่ยังไงก็ต้องจ่ายเพราะแบกเอาไปด้วยทั้งวันไม่ไหวครับ ออกจากโรงแรมเสร็จก็แวะติ่มซำร้านเดิมเพราะติดใจในรสชาติ อาหารที่สั่งก็คล้ายๆเดิมครับ ครั้งนี้หมดไป 98 HKD



ทานอาหารเช้าเสร็จเราก็เริ่มเดินทางกันต่อ เหมือนเดิมคือไปขึ้นรถไฟ MTR ที่สถานีเหยาหม่าเต๋ย ไปลงสถานี Lai King สายสีแดง แล้วต่อสายสีส้มไปลงสถานี Tung Chung ออกทางออก B ออกมาก็จะเจอกับห้างสรรพสินค้า City Gate ดังที่เห็น ซึ่งสายสีส้มนั้นเราจะผ่านสถานีดิสนีย์แลนด์ด้วย


ให้เดินไปทางซ้ายของห้าง City Gate ผ่านด้านข้างห้างก็จะเห้นบันไดเลื่อนข้างหน้าแบบนี้ไม่ผิดแน่ ทางไปนั่งกระเช้านองปิงครับ


เดินขึ้นบันไดไปแล้วก็ไม่ต้องต่อคิวกับนักท่องเที่ยวปกตินะครับ ให้เดินไปเข้าที่ช่อง 14 เป็นต้นไปที่เขียนว่า Passengers WITH Bookings ไม่มีคิวต่อเลยครับเร็วมากๆ แค่ยื่นใบจอง Voucher ที่พิมพ์มาแล้วรับตั๋วก็เป็นอันเสร็จ


ดูสิครับ แถวที่ 1-13 คนยืนรอเต็มไปหมด คิวยาวขดไปมา สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้จองจากเน็ตมาล่วงหน้า อันนี้สำคัญต้องจองไปก่อนครับ ติดต่อที่เว็บ Hong Kong Fanclub ได้เลยครับ


เดินผ่านเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินมาทางขวาเลี้ยวซ้ายมาก็จะเจอกับแถวอีกแล้ว คราวนี้เป็นแถวที่รอขึ้นกระเช้าครับ ครั้งนี้ยังไงก็ต้องต่อแถวแต่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ

เราโชคดีครับ เพราะต่อแถวไปเรื่อยๆ พอใกล้จะถึงกระเช้าแต่ก็ยังไม่ถึงทีเดียว แต่โดนเรียกให้ขึ้นไปนั่งในกระเช้าก่อนคนอื่นเพราะมากันแค่ 2 คน คนอื่นมากันเป็นกลุ่มเลยต้องรอ กระเช้าขึ้นได้ทีละ 4 คนครับ


แล้วก็ได้ขึ้นไปนั่งกระเช้าสมใจ เราเลือกกระเช้าแบบธรรมดาไม่ใช่คริสตอลพื้นใสๆ เพราะเฉยๆกับการดูวิวด้านล่างผ่านพื้นใส


ข้ามเขาลูกนี้ที่เห็นตรงหน้าไปก่อนครับ สภาพอากาศไม่ค่อยจะดี ฟ้ามัวๆ มองจะไม่เห็นเอา


ย้อนกลับมาด้านหลังที่เราผ่านมาครับ เสียวมั้ย??


ชมวิวเขาแต่ละลูกไปเรื่อยๆ ด้านล่างมีทางเดินเท้าด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าใครจะเลือกเดินมั่ง และเมื่อไหร่จะถึง


อ้าว....หมอกลงจัด มองอะไรไม่เห้นแล้วครับ ดีนะที่เป็นกระเช้า ถ้าขับรถหล่ะแย่เลย เห็นกระเช้าอันข้างหน้ายังเลือนๆเลย อากาศก็เย็นลงด้วยสิ


ลองดูคลิปวิดีโอที่ถ่ายมานะครับ


ไม่ทราบว่าแก๊งค์นี้เขาลงไปทำอะไรนะครับ สงสัยจะเดินเทร็คกิ้ง


ด้านบนนี้มีฮวงซุ้ยด้วยครับ ไม่ทราบว่าใครมาสร้างเนี่ย มาหาบรรพบุรุษทีก็เหนื่อยเลย หรือกลุ่มคนเมื่อสักครู่ลงกระเช้าเพื่อมาที่ฮวงซุ้ยนะ อาจจะใช่


แล้วก็ได้เวลาลงจากกระเช้าแล้ว ใช้เวลานั่งกระเช้าประมาณ 30 นาทีได้ครับ มองเห็นพระใหญ่อยู่ลิบๆท่ามกลางหมอกลง


เดินผ่านร้านค้าต่างๆ จะรับชาร้อนๆ 1 จอกมั้ยครับ?


หรือจะกินโดนัทอันใหญ่ๆแบบนี้ กี่เดือนถึงจะหมดเนี่ย??


เดินกันต่อไป พระใหญ่อยู่ใกล้เข้ามาแล้วครับ


อาราเล่สวัสดีจ้า


ระหว่างทางเดินจะมีกระเช้าจำลองจากประเทศต่างๆ แสดงอยู่ เช่น จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บอกความจุของจำนวนคน สร้างเมื่อปีใด สถานที่ไหน เพื่อเปรียบเทียบกัน เราไปสวิสมาแล้วยังไม่เคยนั่งกระเช้าที่สวิสเลยแฮะ


เดินกันต่อไปครับ ลานเป็นพื้นปูนสีขาวสวยดี


เจอเจ้าหมาตัวนี้นอนสบายเลย เพราะอากาศเย็นสบายดี


ใกล้แล้วๆ


ผ่านจุดวงเวียนที่มีธงโบกสบัดตามแรงลม ส่วนด้านขวามือคือทางขึ้นไปหาพระใหญ่


เดินขึ้นไปกันครับ


ซูมใกล้ๆ ยิ่งใหญ่จริงๆครับ


พระท่านองค์ใหญ่มากครับ แหงนมองจนคอเคล็ด


บริเวณรอบๆ ไม่ทราบว่าหญิงสาวเหล่านี้คือใครนะครับ คล้ายๆจะถวายของให้พระท่าน


มาชมมุมด้านข้างบ้างครับ มุมนี้ไม่ย้อนแสง


มุมตรงแบบแหงนหน้า


ขึ้นไปด้านบน ลมแรงไม่แรงดูได้จากผมที่ปลิวไสวภาพนี้


ลงมาก็มาถ่ายรูปคู่กัน ด้านหลังเป็นต้นส้มที่กำลังออกผลสวยงามเลยครับ


เดินมาเที่ยวบริเวณอื่นบ้างครับ


กำลังจะเข้าวัดโปลิน


ด้านในมีเทพหลายองค์เลย


ภายในจะเป็นลานโล่งก่อนจะขึ้นไปด้านบน


ไหว้พระก่อนนะครับ


พอออกมาด้านนอกก็เห็นเขาจุดเทียนอันใหญ่ๆกัน มีขายแต่ไม่ได้สอบถามราคา


ได้เวลาจะกลับแล้วครับ ถ่ายรูปปั้นทหารคนนี้ก่อน


ทานเครปกับกาแฟร้อนกันก่อนครับ เป็นร้านระหว่างทางออก


ได้เวลาโบกมือลาพระใหญ่ลันเตาแล้ว


ก็มาขึ้นกระเช้ากันอีกครั้ง


เห็นมีคนเดินลงทางเดินด้วยแฮะ


ฝั่งซ้ายของกระเช้าเวลากลับจะเป็นสนามบินเช็คแล๊บก๊อก


คอนโดริมน้ำ สวยงามทีเดียว แต่ราคาคงแพงน่าดู


ผ่านสะพานจากสนามบินข้ามไปห้าง City Gate


แล้วก็มาถึงจุดหมาย ขาขึ้นไม่ได้ถ่ายมา ขากลับเลยถ่ายมาฝาก คำต้อนรับเป็นภาษาต่างๆ แน่นอนว่ามีภาษาไทยด้วยนะครับ


นั่งรถไฟ MTR กลับไปเกาลูน ไปวัดหวังต้าเซียนกัน โดยนั่งไปลงสถานี Wang Tai Sin ทางออก B2


ด้านหน้าจะเห็นร้านขายธูปเทียนและอื่นๆ(เรียกไม่ถูก)เยอะแยะเลย จะซื้อก็ได้นะครับ


ทางเข้าวัดหวังต้าเซียน จะมีคนไปลูบปากมังกร 2 ตัวกันเยอะแยะจนปากมันวาวกว่าจุดอื่นๆ


รูปปั้นสัตว์ตามราศีต่างๆ


ของผมปีเถาะครับ รอบไหนเดากันเอง 555



ส่วนแฟนมะโรงงูใหญ่จ้า


ไหว้พกันตรงนี้เลย ไม่ได้เข้าไปข้างใน


คนเยอะมาก ส่วนใหญ่มาเสี่ยงเซียมซีกันด้วย เขาว่าแม่นมากๆ


ตามความเชื่อที่ว่า หวังต้าเซียน คนเลี้ยงแกะที่บำเพ็ญเพียรภาวนาจนได้เป็นพระโพธิสัตว์ สามารถดลบันดาลให้ได้พรตามที่ขอทุกประการ ผู้คนที่มาวัดนี้ก็จะมากราบไหว้และเดินรอบสระบัว 3 รอบเพื่อขอพร เราก็เดินตามนั้นครับ


รูปวาดทวยเทพต่างๆ สวยงามมากครับ ติดอยู่ข้างกำแพง


อันนี้เหมือนกับรูปปั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังทำพิธีแต่งงานกัน โดยมีผู้ใหญ่กำลังให้พรหรือไม่


ผนังกำแพงตรงทางออกให้เด็กๆมาระบายสี สีพื้นแดงเจ็บจริงๆ


เสร็จจากไหว้พระที่วัดหวังต้าเซียนก็เดินผ่านห้างแห่งหนึ่งเพื่อจะไปสวน Nan Lian


ทะลุห้างออกมาก็เดินไปตามทาง ไม่ยากครับ จะเจอกับสวน Nan Lian เดินเข้าไปเลย


สะพานไม้สีแดงสัญลักษณ์ของที่นี่ แต่ห้ามเดินข้ามสะพานไปนะครับ


แล้วก็มาที่นี่ วัดนางชีซึ่งเป็นสำนักชีในนิกายมหายาน สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมย้อนยุคของศิลปะจีนสมัยราชวงศ์ถัง ประกอบไปด้วยวิหารอยู่รายรอบ 13 หลัง จุดเด่นในการสร้างสำนักชีที่นี่ คือ สร้างโดยไม่ใช้ตะปูซักตัวเดียว


หินอะไรสักอย่างไม่ทราบได้ วางโชว์อยู่หลายจุดทีเดียว


สระบัวขนาดใหญ่ ต้นบอนไซตัดแต่งสวยงาม


โอ้..จะเข้าไปชมอารามชั้นในที่มีพระศรีอริยเมตไตรย และพระศากยมุนีซะหน่อย แต่ปิดแล้วครับ มาไม่ทัน เฮ้อ...เสียดายๆ

เหลือบดูนาฬิกา โอ้...5 โมงกว่า ต้องรีบกลับแล้ว เพราะเดี๋ยวไม่ทันขึ้นเครื่องเวลา 3 ทุ่ม


ระหว่างทานเห็นร้านี้ที่ขายซูชิคนแน่นร้านเลยลองซื้อไปทานซะหน่อย เพราะคงไม่มีเวลาทานอาหารเย็นแล้วครับ


กลับไปที่โรงแรมอย่างเดิมเพื่อเอาสัมภาระกลับ แล้วรีบมารอรถบัสสาย A21 ที่ป้ายนี้


เป็นอันว่าทันเวลานะครับ เราถึงสนามบิน 1 ทุ่มนิดๆ อากาศเริ่มอุ่นๆแล้ว เลยถอดเสื้อกันหนาวออก พร้อมเช็คอินแบบ self check in จากนั้นก็รอเวลาขึ้นเครื่อง ไฟล์ทนี้ EK385 เครื่องออกจากสนามบินฮ่องกง 21.15 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ 23.15 น.

เป็นอันจบทริปฮ่องกง-มาเก๊า 4 วัน 3 คืนไปอย่างสุดคุ้ม ไปมาหลายสถานที่มาก แล้วว่างๆเราจะกลับมาอีก แต่จะมาชิมอาหารอร่อยๆอย่างเดียว อิอิ

สรุปค่าใช้จ่าย
 1. ค่าตั๋วเครื่องบิน Emirates A380 ไป-กลับ กรุงเทพ-ฮ่องกง 2 คน = 12,710 บาท(คนละ 6,355 บาท)
 2. ค่าที่พัก Kings De Nathan 3 คืน = 8,953.82 บาท (คืนละ 2,984.60 บาท)
 3. Ocean Park (จองล่วงหน้า) = 2,340 บาท (คนละ 1,170 บาท)
 4. ค่าตั๋วนองปิง Standard Cabin - Adult (R/T) (จองล่วงหน้า) = 1,100 บาท (คนละ 550 บาท)
 4. ค่าซิมการ์ด One2free (สั่งซื้อในไทยก่อนไป) = 400 บาท
 5. ค่าตั๋วเรือ
     5.1 จากฮ่องกงไปมาเก๊า    = 350 HKD = 1,470.0 บาท (คนละ 735 บาท)
     5.2 จากมาเก๊ากลับฮ่องกง = 368 HKD = 1,545.6 บาท (คนละ 772.80 บาท)
 6. ค่าอาหาร, การเดินทางและอื่นๆ = 7,840.4 บาท
รวมทั้งหมด = 36,359.82 บาท หรือ คนละ 18,179.91 บาท


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น