วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2549

สองวันเคร่งเครียด กับ Meeting ที่ Bangkok Marriott Resort & Spa หรือชื่อใหม่ Anantara Bangkok Riverside Resort & Spa

พอดีช่วงวันอังคารกับวันพุธที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ซึ่งเกี่ยวกับงานใหม่ที่จะได้รับมอบหมายจากบริษัท การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในประเทศไทย โดยเลือกจัดที่โรงแรมแมริออท ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งหมด 2 วันหนึ่งคืน ผมเลยไม่พลาดโอกาสที่จะนำกล้องไปถ่ายบรรยากาศโรงแรมแห่งนี้มาด้วยเผื่อว่าเพื่อนๆในนี้จะสนใจ เอาไปเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจเข้าพักได้ เรามาเริ่มกันดีกว่าครับ

พวกเราออกเดินทางโดยรถตู้จากสระบุรี เวลาประมาณ 6:15 น. ถึงโรงแรมก็ประมาณ 8 โมงเช้าพอดี ยังไม่ได้เริ่มประชุม ผมเลยไม่รีรอที่จะเก็บบรรยากาศรอบๆ


หันไปอีกมุมหนึ่ง


ต้นไม้สีเขียวสูงๆไม่แน่ใจว่าเป็นต้นอะไร นำมาประดับที่กลางที่นั่ง จะมีเจ้าหน้าที่มาเปลี่ยนน้ำทุกเช้า ต้นกกหรือเปล่า ?


ชั้นนี้เป็นชั้น G อยู่ภายใน Main Building มีห้องประชุมหรือสัมมนา 2 ห้อง


ส่วนนี้เป็น Coffee Break มีพนักงานโรงแรมหน้าตาจิ้มลิ้มมายืนคอยให้บริการแขกที่มาประชุมที่ห้องนี้


อะไรไม่รู้เหมือนกัน เหมือนไม้ลักษณะกลมๆ ตั้งเรียงอยู่


เป็นการตั้งเรือไม้เก่าๆมาโชว์ครับ เนื่องจากโรงแรมนี้อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา จึงนำเสนอมาในทางนี้


ใกล้เวลาเริ่มประชุมแล้วครับ เตรียมเข้าไปนั่งตามป้ายชื่อดีกว่า ห้องประชุมชื่อเจริญนครครับ เป็นชื่อเดียวกันกับชื่อถนนด้านหน้าโรงแรม


ขอตัวเข้าประชุมในช่วงเช้าก่อนนะครับ


หลังจากผ่านการประชุมไปในช่วงเช้าช่วงแรก ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวันกันแล้วหล่ะครับ เราต้องเดินไปจากห้องประชุมผ่านสระว่ายน้ำเพื่อไปยังห้องอาหารแบบบุฟเฟต์ที่ชื่อ The Market ระหว่างทางมีรูปปั้นช้างยืนโชว์อยู่ด้านข้าง


ผมเลือกตักอาหารแบบญี่ปุ่นก่อนเลยเนื่องจากอยู่ใกล้ๆที่นั่ง เป็นกากิโซบะมั้ง และอะไรคล้ายๆบาบีคิวกับยำเนื้อมั้ง พร้อมกับผักดองมาแก้ม


แก้วน้ำดื่มกับแจกันสีแสดสวยดีนะครับ


แหงนมองไปด้านบน ดูเหมือนจะมีชั้นที่สองด้วยนะครับ แต่ไม่เห็นมีคนขึ้นไปนั่งเลย


ของคาวเสร็จแล้ว ก็ถึงคิวของหวานแล้วหล่ะ ผมเลือกทานเค้กช็อกโกแลตที่แต่งหน้าด้วยสตรอเบอรี่ เสียดายที่กล้องมันไปเลือกโฟกัสที่เค้กด้านหลัง ผลสตรอเบอรี่จึงเบลอ


ทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเราก็ไปเช้คอินกันครับ ซึ่งต้องเดินย้อนขึ้นไปชั้นสอง ด้านบน ไม่นึกว่าที่นี่เขาก็นำโอ่งราชบุรีมาตั้งโชว์ด้วย


เรายังอยู่ในบรเวณล็อบบี้ครับ



ได้คีย์การ์ดแล้วเราเดินไปฝั่งด้านใต้เลยครับ ภายในโรงแรมที่เป็นที่โล่งๆ ทางโรงแรมก็ไม่อยากปล่อยว่างไว้เฉยๆ เลยนำไม้ไผ่ลำยาวๆ มาประดับไว้ครับ สวยงามดี


ออกมาจากลิฟท์ก็เห็นตู้โชว์ของลายครามแบบไทยๆครับ


ถึงแล้วหล่ะครับ ห้องพักของผม หมายเลข 477 ห้องนี้เรตราคาเป็นดอลลาร์อยู่ที่ 110++ USD ทุกคนที่มาพักต้องรูดการ์ดออกเงินกันไปก่อน แล้วค่อยมาเบิกอีกที เฮ้อ...รูดปื๊ด รูดปื๊ด


มาดูภายในห้องกันครับ เป็นห้องแบบ 2 เตียงแต่ทำไมมีหมอนและผ้าเช็ดตัวถึง 4 ชุด งงเลย


โต๊ะเครื่องแป้ง


ภายในห้องน้ำครับ


บริเวณอ่างล้างหน้า


โทรทัศน์จอแบนขนาด 21 หรือ 25 นิ้ว ไม่แน่ใจ ส่วนด้านล่างโทรทัศน์จะเป็นตู้เย็นที่ซ่อนไว้อยู่


นี่ไง...เครื่องดื่มหลากหลายที่อยู่ภายในตู้เย็นขนาดเล็กอันนี้ สำหรับผมแล้วไม่หยิบมาดื่มหรือกินหรอกครับ เดี๋ยวเจอชาร์ตมาแบบหลายเท่า


วิวเมื่อมองจากห้องพักผ่านหน้าต่างออกไปเห็นวิวสะพานกรุงเทพ


รูปวาดช้างทรงศึกสมัยก่อน แขวนประดับไว้บนผนังของห้อง


เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็เดินลงมาเพื่อจะประชุมและทำ workshop ต่อในช่วงบ่าย ผมเลยขอตัดไปในช่วงเย็นเลยนะครับ เพราะตอนประชุมก็คงไม่มีภาพอะไรมาเสนอ มีแต่เครียดกับซีเรียส แห่ะๆ
ตรงนี้เป็นส่วนของห้องอาหารญี่ปุ่น จึงมีกลองแบบญี่ปุ่นมาตั้งไว้ด้านหน้า เสียดายว่าแบตกล้องหมดในวันรุ่งขึ้น เพราะเราต้องมาทานที่ร้านอาหารนี้ เลยไม่ได้บันทึกภาพกุ๊กสนุกมาเล่าให้ฟัง


ดอกไม้สวยๆระหว่างทางครับ


ย้อนกลับมาอีกครั้งภายในอาคารที่พัก มองดูร่มรื่นเนื่องจากมีต้นไม้มาแซม


เฮ้อ...ในที่สุดก็หมดไปอีกวันกับวันแรกอันเคร่งเครียด เจ้าภาพชี้แจงให้ทุกท่านพักผ่อนตามสบาย แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้งตอน 18:15 น. ที่ท่าน้ำของโรงแรมครับ พวกเราออกมาเดินเล่นรับลมเย็นๆริมแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนเวลาพอประมาณ


สวยงามเหมือนกันกับการนำไฟมาพันประดับรอบๆต้นมะพร้าว


บรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่โรงแรมนี้เขาจัดพื้นที่ทางเดินก่อนจะไปขึ้นเรือที่ท่า เป็นโต๊ะนั่งสำหรับสั่งอาหารด้วย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ


ที่นี่ถ้าลมแรงๆ เขาไม่กลัวเสาไฟล้มหรอก เพราะมีช้างใช้งวงประคองไว้


ก่อนไปล่องเรือ ขอถ่ายรูปน้องคนนี้ที่ตีขิมให้เราได้ฟังกันก่อนครับ


หกโมงครึ่ง ได้เวลาลงเรือ(เอ๊ะหรือขึ้นเรือ)ไปล่องแม่น้ำเจ้าพระยากันแล้วครับ


ช่วงแรกตอนเรือยังไม่ออกจากท่า ผมมึนเลยเพราะมันจะโคลงไปโคลงมาตามจังหวะของคลื่น แต่พอแล่นแล้วก็ดีขึ้น เส้นทางการล่องเรือนี้จะแล่นขึ้นเหนือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนพร้อมกับเสริฟของว่างจนแล่นถึงสะพานพระราม 8 จึงกลับเส้นทางเดิมพร้อมกับเสริฟอาหารมื้อหลัก และบวกกับการเข้าไปคลองบางกอกใหญ่เพื่อดูเรือสุพรรณหงส์ก่อนกลับโรงแรมด้วยครับ


ตึกสูงต่างๆริมแม่น้ำเจ้าพระยาเปิดไฟแล้ว สวยงามมากๆ ครั้งแรกของผมในการล่องเรือในลักษณะอย่างนี้


ซูมใกล้ๆเพื่อให้ดูกันเต็มๆ


ระหว่างทางก็สังสรรค์คุยกันไปเรื่อยๆครับ ไม่มีรูปที่จะนำมาลงได้ และด้วยเรือโคลงถ่ายรูปยากมาก ประมาณ 2 ชม.เราก็กลับมาถึงยังท่าเรือของโรงแรม จบวันเคร่งเครียดสำหรับวันแรกไว้เพียงเท่านี้  
ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม ดูรูป อ่านเรื่องราว และลงชื่อทักทายกันครับ _/|\_ 

ต่อไปผมอาจจะไม่ค่อยมีเวลาไปตะลอนและนำเรื่องราวมาลงมากเหมือนเดิมแล้วนะครับ เนื่องจากงานรับผิดชอบจะมากขึ้น ไม่สบายๆเหมือนแบบเดิมแล้ว แต่ยังคงไม่ทิ้งการเดินทางที่ผมหลงใหลจนมันคือตัวผมไว้ครับ มีโอกาสจะนำเรื่องราวมาฝากกันอีก แล้วเจอกันครับ ถ้าไม่ผิดแผน ที่เมืองร้อยเกาะ จ.กระบี่

Original Published on www.pantip.com at [ 18 มี.ค. 49 14:18:00 ] as below link

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น