วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549

พาไปติดเกาะ ที่เกาะเต่า & เกาะนางยวน ในวันฝนพรำๆ ตอน 2 อากาศไม่เป็นใจแต่เช้าของวัน แต่ก็ทดแทนมาด้วยวิวสวยๆ ณ จุดชมวิวของเกาะนางยวน


วันนี้เป็นวันที่สองของแพ็คเกจ ตามโปรแกรมที่เขาจัดให้ไว้ วันนี้ทัวร์จะพาไปดำน้ำตื้นรอบเกาะเต่าในช่วงเช้า คือเกาะฉลาม อ่าวหินวง และอ่าวม่วง ส่วนช่วงบ่ายจะจอดเรือเทียบท่าให้ขึ้นไปเกาะนางยวนเกาะส่วนตัวที่ใครจะขึ้นไปนั้นต้องเสียค่าธรรมเนียมการขึ้นเกาะด้วย แต่ในแพ็คเกจก็รวมค่าธรรมเนียมไว้อยู่แล้ว
วันนี้ตั้งแต่เช้าอากาศดูจะไม่เป็นใจนัก ฟ้ามืดมาทางทิศใต้ ในที่สุดฝนก็ตกจนได้ ข่าวดีหรือเปล่าไม่รู้ว่า วันนี้(12 ก.พ. 49) เป็นวันแรกที่ฝนตกนับจากปีใหม่มา ฮ่าฮ่า แจ็คพอตเลยเรา ดังนั้นวันนี้รูปที่ได้มาจึงน้อย เพราะกลัวกล้องจะโดนฝน งั้นเรามาเริ่มเลยละกันครับ


7 โมงเช้า ผมเดินลงมาจากที่พักเพื่อมาทานข้าวเช้าที่บีชคลับตามเวลาที่นัดหมายไว้ อาหารเช้าจะเป็นข้าวต้มหมู ขนมปังปิ้งทาเนยหรือแยมตามชอบใจ และน้ำส้ม ทานเพื่อเอาแรงก่อนจะใช้พลังงานมากมายในการลงดำน้ำตื้นดูปะการังกันครับ


ยามเช้า น้ำทะเลจะขึ้นมาท่วมชายหาดด้านหน้าที่พัก  เช้านี้ฟ้าไม่ใสอย่างที่ว่า จุดหมายยามบ่ายของพวกเราก็คือเกาะที่เห็นอยู่เบื้องหน้า เกาะนางยวนนั่นเอง


ส่วนซ้ายมือของบีชคลับถ้าหันหน้ามองไปที่ทะเล จะมีบังกะโล 4 หลังที่ตั้งอยู่ริมชายหาดใกล้ทะเลมากที่สุดแล้ว สอบถามจากเจ้าหน้าที่ผู้หญิง ได้ความว่าต้องจองเรียนดำน้ำเป็นแพ็คเกจถึงจะได้มาพักใน 4 หลังนี้


9 โมงก็ได้เริ่มเคลื่อนย้ายตัวเองมาที่ท่าเรือเกาะเต่าโดยรถกระบะของที่นี่ จริงๆแล้วที่พักก็อยู่ห่างจากท่าเรือไม่ไกลเลย สามารถเดินไปได้พอเรียกเหงื่อ


ลงเรือเสร็จทุกคนก็เตรียมตัวใส่อุปกรณ์เสื้อชูชีพ และเลือกสน็อกเกิ้ลกัน พร้อมแล้วที่จะออกทะเลไปดำดูปะการังสวยๆและเหล่าฝูงปลาน้อยใหญ่ ในใจคิดไว้อย่างนั้น


เรือออกจากท่า วนทวนเข็มนาฬิการอบเกาะเต่าโดยไปทางใต้ของเกาะก่อน  ผ่านรีสอร์ทสวยๆแห่งหนึ่งแถบอ่าวเทียนออก ไม่แน่ใจว่า New Heaven หรือ OK 2 Bungalows


ดูกันชัดๆอีกครั้ง ผมว่าแถวนี้วิวดีและเงียบสงบดีนะครับ


เรือเราผ่านหินรูปทรงแปลกๆสวยงามอันหนึ่งตั้งอยู่บนแหลมยื่นไปในทะเล แต่ไม่แน่ใจว่ามีชื่อว่าอะไร

หลังจากนั้นคลื่นลมก็เริ่มพัดมา จนจุดแรกที่จะลงดำน้ำกันต้องยกเลิกเพราะคลื่นสูงมาก เรือจึงต้องแล่นต่อไปเพื่อไปหลบลมในจุดดำน้ำต่อไปคือ อ่าวหินวง และอ่าวม่วงตามลำดับ ดังนั้นจึงไม่มีรูปเพราะผมก็ลงไปดำน้ำ ฮ่าฮ่า ดีที่ตัดสินใจไม่ซื้อกล้องถ่ายใต้น้ำ ถ้าซื้อมาคงแย่เลย เพราะ 2 จุดที่ว่ามานั้น ปะการังไม่สวยเลย จะตายซะเป็นส่วนมาก ปลาก็ไม่มีให้ดูด้วย บวกกับท่อหายใจน้ำก็เข้าตลอด ผมเปรียบเที่ยบกับเกาะพีพี เกาะปอดะที่กระบี่ และที่เกาะกระดาน จ.ตรังแล้ว ที่นี่ผิดหวังครับ หรืออาจจะเป็นเพราะช่วงที่ผมมาฝนตกก็เป็นได้ เลยไม่ได้ดูของสวยๆ


หลังจากง่วนกับการดำน้ำทั้งสองจุด โดยที่จุดแรกนั้น คลื่นแรงมากครับ ดำไปดำมาห่างจากเรือไปเรื่อย ว่ายกลับก็ใช้เวลานานมาก เกือบไปซะแล้วเรา...เฮ้อ ส่วนที่จุดที่สอง คลื่นสงบดีครับ ดำง่าย แต่ก็ไม่มีอะไรให้ดูอยู่ดี ตัดสินใจขึ้นเรือแล้วทานอาหารกล่องบนเรือดีกว่า ฝนเองก็ตกมันเข้าไป จุดหมายต่อไปคือเกาะนางยวน เสียดายจังที่ฝนตก เลยถ่ายรูปมาไม่เยอะ เรือจอดทิ้งกรุ๊ปเราไว้ 2 ชม. จะมารับอีกทีตอนบ่ายสามครึ่ง คนเยอะไม่เยอะดูเอาเองละกันครับ


ภูเขาลูกหนึ่งทางด้านซ้ายมือของสันทราย เสียดายฝนไม่น่าตกเลย ฮือๆ


ผมดำน้ำเล่นที่หน้าหาดเกาะนางยวนสักพัก(ฝนยังตกพรำๆตลอด)ก็ได้ฤกษ์เดินขึ้นไปชมวิวด้านบน น้ำทะเลที่นี่ใสแจ๋วเลย


ค่อยๆเดินไปตามทางสะพานไม้ โดยมีป้ายบอก View Point ตลอด ไม่หลงแน่ พอเจอกับนักท่องเที่ยวที่เดินสวนลงมา ท่านก็ใจดีบอกกับผมว่า "ใกล้ถึงแล้วแต่ต้องรอคิวหน่อยนะค่ะ คนเยอะเลย" แห่ะๆ เป็นไปอย่างที่เพื่อนท่านนั้นบอกไว้จริงๆด้วย คนเข้าคิวเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวเยอะเลย ขนาดฝนตกพรำๆนะเนี่ย


ผมขึ้นไปค่อนข้างทุลักทุเลมากครับ ลื่นบวกกับโขดหินคมๆ ทำให้ใครหลายคนซึ่งเดินเท้าเปล่ามา ได้รับแผลที่เท้าไปตามๆกันครับ แต่ตอนจะขึ้นไปยังหินด้านบนสุด หลายคนขึ้นไม่ได้นะครับ เพราะสูง ผมว่าน่าจะมีใครนำเชือกเส้นโตๆมาผูกไว้ให้ดึงตัวขึ้นไปนะ เหมือนอย่างที่คินาบาลูอ่ะครับ สะดวกดี

ในที่สุดก็ถึงจนได้ ขึ้นไปฝนเจ้ากรรมก็ดันเทกระหน่ำลงมาเลย ทำให้ผมถ่ายไปได้ 3 รูปเอง มุมกล้องเลือกมากไม่ได้แล้ว เดี๋ยวกล้องเปียกฝนหมด เลยได้ภาพนี้มาอย่างที่เห็นครับ แต่ก็สวยมากแม้ว่าฝนจะตกก็เหอะ

ขากลับลงมาจากจุดชมวิวพร้อมๆกับฝนที่กระหน่ำลงมาตลอดสาย เหอๆ ตกได้ตกไป อยู่ใต้ฟ้ากลัวอะไรกับฝน ผมเลยลงมาดำน้ำที่สันทรายต่อ บางคนหลบฝนข้างใน ส่วนผมไม่หลบหรอก ยังไงมันก็เปียกอยู่แล้ว เล่นน้ำท่ามกลางฝนเลย สนุกดี ฮ่าฮ่าฮ่า ลืมบอกไป เจอเพื่อนร่วมงานที่เกาะนางยวนด้วยนะ


หลังจากดำผุดดำว่ายจนหนำใจ ก็ได้เวลาอำลาเกาะนางยวน เรือออก 15.30 น. ก่อนเรือออกมีอุบัติเหตุเล็กน้อย เรือชนกันก่อนออกจากท่าเนื่องจากคนเรือไม่ยอมดึงเชือกที่ผูกติดกับเรือลำอื่นๆ ถ้าเรือไปไกลกว่าเกาะเต่าคงเสียวกว่านี้แน่

ระหว่างแล่นเรือกลับมา ฝนยังตกสม่ำเสมอตลอด เปียกไปทั้งตัว ถึงที่พักก็เลยอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว นอนพักเอาแรงพร้อมกับหลบฝนไปในตัวด้วย ก่อนจะออกมาประมาณ 6 โมงเย็น เพื่อทานอาหารเย็น มื้อนี้ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ตบท้ายด้วยกาแฟสดเย็นๆนอกแพ็คเกจ


เช้าวันใหม่
ในวันดีคือวันมาฆบูชา เมื่อคืนฝนตกตลอดทั้งคืน หวังใจว่ารุ่งเช้าคงหยุดตกนะ ตื่นเช้ามาออกมาทานข้าวต้มทะเล ทั้งกุ้งทั้งปลาหมึกเยอะแยะไปหมด อาหารที่นี่ไม่มีอั้นเลย มื้อนี้เลย 2 ชามครับ แห่ะๆ


เช้านี้สงสัยจะไม่รอดอีกเหมือนเคยหล่ะมั้งเนี่ย ดูหมอกลอยต่ำซะก่อน


มาเที่ยวทะเลแต่ฟ้าฝนดั๊นไม่เป็นใจ


9:30 น. พวกที่มากับเรือซีทรานก็ต้องเตรียมไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเกาะเต่าแล้วหล่ะครับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น สภาพอากาศไม่ดีเลยครับ


ตามกำหนดการเรือออกตอนเวลา 10:00 น. แต่เอาเข้าจริง เรือมาถึงท่า 10:20 น. เนื่องจากคงติดคลื่นใหญ่อยู่กลางทะเล พอเรือมาเทียบท่าไม่ทันไร ทุกคนต่างกุลีกุจอรีบแย่งลงเรือกันใหญ่ โชคดีที่ผมเข้าไปแล้วยังพอมีที่นั่งบ้าง

นั่งอยู่สักพัก เรือซีทรานเฟอรี่ลำนี้ก็เริ่มที่จะเคลื่อนตัวออกจากเกาะเต่าแล้ว ทิ้งไว้เพียงความทรงจำดีๆตลอด 3 วัน 2 คืน  ลาก่อน...เกาะเต่า แล้วคงได้เจอกันใหม่

ตลอดทั้งเส้นทางที่เรือแล่นออกจากท่าเรือเกาะเต่า คลื่นที่มากระทบสูงมาก เกิน 2 เมตรแน่นอน โดยเฉพาะกลางทางที่อยู่กลางทะเล ผมเองต้องหยิบ GPS มาดูว่าถึงไหนแล้ว เพราะคลื่นสูงเหลือเกิน นั่งเรือยังกับนั่งล่องแก่ง โยกตัวไปมา ช่วงนี้แหล่ะ หลายคนหยิบถุงมาทำอะไรบางอย่าง นั่นก็คือ พ่นน้ำหมาก นั่นเอง แห่ะๆ อ้วกแตกอ้วกแตนไปตามๆกัน ส่วนผมแค่มึนๆ ถ้าไกลอีกหน่อยอาจใช้บริการถุงก็ได้


เรือมาถึงฝั่งที่ชุมพร 12:40 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชม.พอดี ฝนเองก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่เสมอ คือตกตลอดนั่นเอง ผมแวะพักรถพักคนระหว่างทางที่ปั๊มปตท. อ.กุยบุรี ดื่มคาปูชิโน่เย็นๆ 1 แก้ว


ผมชอบร้านกาแฟร้านนี้ซึ่งมีชื่อว่า Kaffee มาก การตกแต่งสวยงามน่านั่ง จริงๆแล้วเป็นร้านเดียวกันกับปั๊มปตท.ฝั่งตรงกันข้ามที่ได้แวะพักรถตอนขามา มิน่า ตกแต่งร้านสวยสุดๆ


ใครที่เป็นคอกาแฟอย่างผมเห็นรูปแล้วคงชอบเหมือนกัน โดยเฉพาะคุณคนจีนตัวน้อย

ขอจบทริปสบายๆ กับทะเลครั้งแรกของปี 49 ไว้แค่นี้ครับ แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าต่อไป ขอขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามมาโดยตลอดครับ หวังว่าคงชอบไม่มากก็น้อยนะครับ ขอบคุณครับ _/|\_

=================
กิโลเมตรสิ้นสุด : 209,860
รวมระยะทาง 1,040.5 กม.

Original Published on www.pantip.com at [ 16 ก.พ. 49 11:29:31 ]


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น