วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

ล่องใต้ เที่ยวกระบี่ มรกตอันดามัน ตอน 1 ไปเที่ยวทะเลแหวกกับทัวร์ 9 เกาะ จากบ่ายยันค่ำ

[ตอน 1] [ตอน 2] [ตอน 3]

ทริปนี้เกิดโดยบังเอิญครับ พอดีช่วงเดือนธันวาคม 2556 รับทราบข่าวว่าแอร์เอเชียออกโปร 0 บาทไปพวกเกาะต่างๆทางใต้ของไทย โดยราคา transfer เมื่อลงจากสนามบินแล้วยังคงมี หายไปเฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินเท่านั้น แต่กระนั้น เมื่อรวมเบ็ดเสร็จแล้วทั้งหมด ราคาหารต่อคนต่อเที่ยว ประมาณ 550 บาท/คน เท่านั้นเอง!

ซึ่งมันก็มีทริคตรงที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องไปให้ถึงจุดหมายตามโปรนั้นๆก็ได้ แค่อาศัยเดินทางโดยเครื่องบินแค่นั้นเอง ส่วนหลังจากลงเครื่องที่สนามบินแล้วใครจะไปไหนก็ย่อมได้ครับ ตัวอย่างเช่น โปรโมชั่น กทม.-เกาะลันตา ราคาค่าตั๋ว 0 บาท นั่นหมายถึง เครื่องไปลงที่สนามบินกระบี่ แล้วจะมีรถมารับที่สนามบินไปท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา แล้วมีเรือรับจากท่าอ่าวนางไปเกาะลันตา อันนี้คือโปรเต็มๆ แต่เราเลือกที่จะใช้การเดินทางแค่ไปลงท่าเรือหาดนพรัตน์ธาราเท่านั้น เพราะเราจะเที่ยวแถบอ่าวนาง ไม่ไปเกาะลันตานั่นเอง ซึ่งราคาเที่ยวละ 550 บาท/คน นั้น หาถูกกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ แถมยังมาส่งที่หาดนพรัตน์ธาราอีกด้วย นั่งรถทัวร์จากสายใต้ใหม่ยังแพงกว่านี้ 2 เท่าเลยครับ แถมใช้เวลา 10-12 ชั่วโมงอีกด้วยนะ

ด้วยราคายั่วยวนขนาดนี้ อดไม่ไหวที่จะจองไปเที่ยวในช่วงต้นมีนาคม ของปี 2557 ทริปนี้จึงเกิดขึ้นด้วยประการทั้งปวง (การไปกระบี่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของผม ส่วนจ๊ะเอ๋เป็นครั้งแรกเลยครับ ไม่รู้ว่าอะไรๆ จะเปลี่ยนไปบ้าง ทริปกระบี่ครั้งก่อนสามารถชมได้ตามนี้ มนต์เสน่ห์เมืองร้อยเกาะ...จ.กระบี่ ตอน 1 วันเยือนอ่าวนางกระบี่)


วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2557
จองตั๋วไว้เกือบๆ 3 เดือน วันเดินทางจริงก็มาถึงซะที วันนี้ออกเช้ามืดกันอีกแล้ว เรียกแท็กซี่จากบ้านมาสนามบินดอนเมือง เช็คอินและเข้ามายังเกต 75 ชั้นล่าง เวลานี้ยังมืดอยู่เลย เวลาประมาณ 5.38 น.


เวลา 8.03 น.เราก็ออกมาจากประตูสนามบินกระบี่ มองหารถตู้ที่มารับพวกเรา


นั่นไง...เจอแล้ว สอบถามคนขับที่ยืนรออยู่ข้างๆเห็นถือโพยรายชื่ออยู่ น่าจะใช่ ก็ใช่จริงๆด้วยครับ มีนักท่องเที่ยวในแพ็คเกจนี้ไม่ถึง 11 คน เบาะนั่งเหลือๆ สักพักคนครบก็ออกเดินทางจากสนามบินกระบี่ไปท่าเรือหาดนพรัตน์ธารากัน


รถตู้ใช้เวลาแล่นประมาณ 30 นาทีก็มาส่งนักท่องเที่ยวที่ทางเข้าท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา เราลงจากรถตู้แล้วก็แยกจากคนอื่นๆ เลย นี่ไง ชายหาดนพรัตน์ธารา น้ำกำลังลงเลยครับ


มองหารถสกายแล็ป หรือรถตุ๊กๆที่ใช้มอเตอร์ไซด์ขับด้านหน้า สุดท้ายได้ราคานี้ 40 บาท/คน หรือ 80 บาทนั่นเอง ให้ไปส่งที่โรงแรมที่เราจองไว้ที่อ่าวนาง ใกล้ๆร้านแม็คโดแนลด์


ถึงแล้วครับ โรงแรมอ่าวนางกู๊ดวิลล์ (Aonang Goodwill Hotel) เป็นตึกแถว 2 คูหาแต่ข้างในเป็นยังไงต้องเข้าไปดูกัน เพราะราคาไม่แพงมาก 2 คืนรวม 2,445.51 บาท

เราเช็คอินกับทางเจ๊ผู้หญิง ซึ่งบอกกับเราว่าเดี๋ยวประมาณ 10 โมงเช้าค่อยมาดูอีกที ห้องกำลังทำความสะอาดอยู่ แถวเสนอทัวร์ที่น่าสนใจกับเรา และบอกร้านอาหารที่อร่อยก็คือร้านที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรมนี้ ซึ่งเราหาข้อมูลมาแล้วพบว่าตรงกันครับ เป็นร้านอาหารไทยและบุฟเฟต์แบบฝรั่งด้วย


เราฝากของเสร็จก็เดินข้ามมาหาอะไรทานกัน มื้อนี้ข้าวเปล่ากับต้มเลือดหมู อร่อยดีครับ อีกจานไม่ได้ถ่ายมา เบ็ดเสร็จ 2 คนรวมน้ำราคาเพียง 130 บาท



ทานเสร็จก็เดินมาตามถนนเพื่อย้อนมาหาดอ่าวนางอีกครั้ง โรงแรมจะอยู่เลยหาดอ่าวนางครับ อาจจะไกลหน่อย ถ้าเอาโรงแรมแถวๆหาดอ่าวนางเลยจะแพงมาก แล้วก็ห้องเต็มตลอด ดูบรรยากาศของนักท่องเที่ยวกันไป ลืมไปว่า วันแรกเราเลือกทัวร์ไป 9 เกาะ ฉะนั้น เรือจะออกช่วงบ่ายโมงตรง ดังนั้น เวลานี้ก็เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศผู้คนที่จะลงเรือไปทัวร์ 4 เกาะกันไปก่อน


ชิวๆ สบายๆ ไม่รีบร้อน แต่อากาศ ณ ตอนนี้ร้อนมากๆ :(


ได้เวลาเดินกลับมายังที่โรงแรมที่พัก มาถึงเวลา 11 โมงเช้าได้เข้าห้องพักเรียบร้อย สภาพห้องสะอาด ตกแต่งโอเคเลยครับ


อีกมุนหนึ่งของห้องพักโรงแรม เราได้พักชั้น 3 เดินขึ้นไกลหน่อย ที่นี่ไม่มีลิฟท์นะครับ ได้อยู่ห้องฝั่งหลังไม่ติดถนน ซึ่งดีแล้ว ติดถนนคงเสียงดังกว่านี้แน่


มาดูห้องน้ำกันบ้าง ก็สะอาดเรียบร้อยดี

เรานอนพักเอาแรงกันก่อนเพราะทัวร์จะเริ่มก็ช่วงบ่ายโมง เรามีเวลา 2 ชั่วโมงด้วยกัน โดยมีรถมารับเราถึงโรงแรมเลย จะบอกว่า นอนๆไป ได้ยินเสียงสวดของสุเหร่าข้างๆ โอมายก๊อด....จากโอเคเลยติดลบนิดๆครับ แต่ดีหน่อยที่สวดไม่นาน ไม่ถึงชั่วโมงมั้ง สุดท้ายก็หายไป ฉะนั้น ใครไม่ชอบแบบนี้ก็ต้องไม่เลือกที่นี่นะครับ แต่จริงๆ ช่วงกลางวันเราจะไม่อยู่ห้องหรอก เพราะไปทัวร์ อาจจะไม่ได้เจอบ่อยนัก


ได้เวลารถมารับที่โรงแรมแล้ว เป็นรถกระบะ อ้าว...ร้อนๆแบบนี้ดันได้นั่งที่กระบะไม่มีหลังคาซะด้วย ซวยเลย แต่ไม่เป็นไรเขาบอกว่าแป๊บเดียวก็ถึงหาดอ่าวนางแล้ว พอถึงก็ลงมารอคนอื่นๆอีก สุดท้ายรวมเวลารอคนอื่นๆมาครบ 10-15 นาทีกันเลยทีเดียว


ลงเรือกันซะทีนะ เรือเริ่มแล่นออกจากหาดแล้วครับ


ในเรือเป็นคนต่างชาติหมด เป็นคนไทยคือเรา 2 คนนั่นเอง มาเที่ยวในไทยแท้ๆ กลับมีแต่นักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่พอเวลาไปเที่ยวต่างประเทศดันเจอแต่คนไทย เอ๊ะ...ยังไง แปลกดี


จุดแรกที่เรือจอดให้ลงคือนี่ครับ หาดไร่เลย์ คนเรือบอก 15 นาที โห...จะไปพออะไร


ชมวิวเรือหางยาวสวยๆ ที่มาจอดส่งนักท่องเที่ยวไปก่อนครับ


แล้วก็ตามมาด้วยเรือคายัคสีแดงสดๆ อ๊ะ....ไม่ได้ให้มองสาวฝรั่งที่ใส่ชุดบิกินี่ 2 คนที่กำลังเดินผ่านนะครับ


เราเข้าไปตามถนนคนเดินของที่นี่ มีอะไรบ้างเอ่ย


ได้แก้วนี้มาครับ น้ำแตงโมปั่นเย็นๆ เหมาะกับอากาศร้อนๆแบบนี้ สนนราคาแก้วละ 50 บาท ตามสภาพสถานที่


จะบอกว่า เราต้องนั่งรอเอกสารใบประกันในเรือเกือบๆ ชั่วโมงครับ ก่อนที่เรือจะแล่นมาที่เกาะปอดะแห่งนี้ ใครมาถึงเกาะปอดะก็คงต้องมาถ่ายวิวเขาด้านหน้ารูปร่างเหมือนเรือใบเป็นแบ็คกราวนด์กันทุกครั้ง จ๊ะเอ๋กับชุดว่ายน้ำเตรียมตัวที่จะลงเล่นน้ำเต็มที่ครับ แต่ขอบอกว่าแดดแรงมากๆ


อีกมุมหนึ่ง มีร่มบังแดดของนักท่องเที่ยวที่สีสดมากๆ แถมยังมีหลากสีอีกด้วย เป็นจุดเด่นบนชายหาดได้อย่างดีทีเดียวครับ


ขอโพสต์ท่าอีกสักรูปค่ะ


มองเห็นนกอะไรไม่ทราบสีขาวปลอด กำลังโผบิน เลยจับภาพไว้ ได้ภาพเคลื่อนไหวมาแบบนี้


เรายังอยู่ที่ชายหาดเกาะปอดะครับ คลื่นกำลังซัดเข้ามายังหาดพอดี เกาะที่เห็นตรงโน้นคือเกาะอะไรน้าาา


สาวน้อยขอโพสต์อีกท่า


แล้วโปรแกรมต่อไปก็คือการโชว์ปีนเขาจากการว่ายน้ำไปแล้วไปจับเชือกปีนขึ้นไป แล้วก็กระโดดลงมาจากหน้าผาข้างบน มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติไปปีนด้วย 2-3 คนครับ ส่วนเราก็ถ่ายรูปและลงน้ำไปดำหาปะการังเฉยๆ แต่บริเวณนี้ไม่มีอะไรเลย เลยไม่มีภาพใต้น้ำมาฝากกัน


ใกล้ย่ำลงไปทุกที เรือมาจอดให้ดำน้ำตื้นที่บริเวณใกล้ทะเลแหวกครับ (ภาพเกาะไก่ไม่ได้ถ่ายมาเพราะฝนดันตกลงมาแถมลมสาดฝนเข้ามาด้วย เลยไม่อยากให้กล้องเปียกฝน)


6 โมงเย็นก็ได้เวลาเรือจอดเทียบท่าที่ทะเลแหวก(ประกอบด้วย เกาะไก่, เกาะทับ, เกาะหม้อ) เวลาอาหารเย็นมาถึงแล้วครับ หิวๆ โดยรวมก่อนหน้านี้ไม่ได้ดำน้ำดูปะการังเป็นชิ้นเป็นอันเลย เสียดายจริงๆ


เข้าแถวรอรับอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ เราได้มาแบบนี้ เต็มจานเลย เพราะเราเป็นคนไทยเพียง 2 คนในกรุ๊ป เลยได้อาหารเยอะหน่อย สิทธิพิเศษเหรอเนี่ย ??


ทานเสร็จก็ได้เวลาไปเก็บพระอาทิตย์ตกน้ำกัน ใกล้เต็มทีแล้วครับ ที่เห็นคนยืนบนน้ำทะเลได้ไม่ใช่อภินิหารนะครับ ตรงนั้นเป็นทางเชื่อมใต้ทะเลที่เกาะทั้ง 2 ของทะเลแหวกเชื่อมถึงกัน แต่น้ำทะเลท่วมไปแล้ว ไม่ทราบว่าจะแหวกให้เห็นตอนไหน หรือแหวกไปแล้วก็ไม่รู้ครับ


รอจนพระอาทิตย์ใกล้ลับเกาะตรงโน้นไปเรื่อยๆ


ในที่สุดก็โดนกลืนไปครึ่งใบแล้วครับ วันนี้ดีตรงที่ได้เก็บพระอาทิตย์ตกแบบสวยๆอย่างนี้เต็มๆครับ


นกอะไรไม่ทราบเริ่มบินกลับรังกันแล้ว


เรายังพอมีแสงเก็บภาพป้ายทะเลแหวกแห่งนี้ โดยตรงนี้คือเกาะทับ


แม้ว่าพระอาทิตย์ตกไปแล้ว แสงทไวไลท์ก็ยังสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม


แสงเกือบสุดท้ายของท้องฟ้าแล้วครับ ถ้ามาอยู่ ณ จุดนี้จะได้บรรยากาศมากๆ


แหงนมองค้างคาวกำลังบินออกหาอาหารยามค่ำคืน ฝูงมันเยอะมากๆ


แล้วก็ถึงแสงสุดท้ายของวันนี้ หลังจากนี้ไปก็ถูกแทนที่ด้วยความมืด


ก่อนจากไปจากทะเลแหวกแห่งนี้ ทางกลุ่มเรือหางยาวมีโชว์เล่นไฟให้ดูกันครับ เริ่มแรกกันนักเล่นมือใหม่ ที่บอกว่าใหม่เพราะยังโยนคบไฟหลุดมืออยู่บ่อยๆครับ แต่ก็ถือว่าใช้ได้


มาอีกคนค่อนข้างจะมืออาชีพมากขึ้นครับ ควงไฟได้สวยมากๆ ไม่หล่นบ่อยและต่อเนื่อง


สุดท้ายแล้วครับ กับโชว์การควงไฟ 

หลังจากนั้น เรือหลายๆลำที่จอดดูโชว์ก็ทะยอยกลับเข้าฝั่ง มีเรือเรากับอีกลำหนึ่งไปหยุดที่จุดๆหนึ่งใกล้ๆเกาะ หยุดเพราะจะให้ดูสัตว์น้ำเรืองแสงนะครับ ต้องปิดไฟในเรือใหม้มืดหมด แล้วเอามือตีน้ำเพื่อกระตุ้นให้แพลงตอนเรืองแสง ก็เรืองแสงจริงๆ แต่กล้องเราไม่สามารถจับภาพมาได้เพราะแสงมันน้อยเกินไป คงได้เห้นกับตาเราแบบพอเห็นได้ ถ้าอยากเห็นก็ต้องมาดูด้วยตาตัวเองครับ แล้วเราขอจบทริปวันแรกไปแต่เพียงเท่านี้ครับ พรุ่งนี้มาติดตามกันใหม่ โดยเราจะมีโปรแกรมไปพายคายัคที่อ่าวท่าเลนกัน สวัสดีครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. สอบถามหน่อยค่ะ
    พอดีอ่านทริปกระบี่ที่คุณโพส แล้วเห็นค่าทริป 9เกาะคนละ 700บาท อยากทราบว่าซื้อทัวร์ที่ไหนคะ? 
    เซิทหาแล้วมีแต่เหมาลำอะค่ะ อยากไปแบบจอยกรุ๊ปแบบของคุณ
    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ :)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ซื้อที่โรงแรมอ่าวนางกู๊ดวิลล์ (Aonang Goodwill Hotel) ที่เราพักครับ ด้านหน้า counter

      ลบ