วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

ล่องใต้ เที่ยวกระบี่ มรกตอันดามัน ตอน 3 ขี่มอเตอร์ไซค์ 75 กม.ไปสระมรกต, สระน้ำผุด และน้ำตกร้อน


วันนี้เป็นวันที่ 3 ของทริปกระบี่ วันนี้ไม่มีโปรแกรมเที่ยวทางทะเลแล้ว เราจะเปลี่ยนไปเที่ยวบนบกบ้าง กระบี่มีสระมรกตและน้ำตกร้อนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่สวยงามไม่แพ้ทะเลกระบี่ ตั้งอยู่ อ.คลองท่อม ต้องขี่รถไปไกลถึง 75 กม. จริงๆผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งตอนปี 2547 มากับทัวร์เอื้องหลวง ตอนชิงรางวัลเล่มเกมส์ตอบสถานที่ท่องเที่ยวกับ DTAC ได้รางวัลที่ 1 มาถึง 2 รางวัลเลย ขายไป 1 รางวัลแล้วมาเที่ยวเอง 1 รางวัล (pantip)

วันนี้ในใจหนึ่งก็คิดว่ามันออกจะเสี่ยงๆ ไปหรือไม่ที่จะขี่มอเตอร์ไซค์ออกถนนใหญ่ ไกลถึง 75 กม. แต่ก็คิดว่าขี่ไม่เร็วชิดริมถนน ระมัดระวังให้มากก็คงจะได้แล้ว สำคัญที่สุดคือไม่ประมาทครับ


วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2557
เช้านี้ตื่นกัน 8 โมง ลงมาทานอาหารเช้ากับร้านเดิมเป็นวันที่ 3 อีกแล้ว เพราะรสชาติอร่อยและที่สำคัญราคาไม่แพงครับ จานนี้ของผมข้าวขาหมู


ส่วนชามนี้ต้มเลือดหมูและข้าวเปล่าเป็นของจ๊ะเอ๋ อร่อยทั้งคู่(เมนูซ้ำๆกับวันก่อน) เบ็ดเสร็จมื้อเช้านี้ 190 บาท


พอท้องอิ่มก็ได้เวลาเริ่มเดินทางไกลกันแล้ว คันสีแดงนี้หล่ะครับที่พาเราไปทานอาหารมื้อค่ำเมื่อวานและจะพาไปสระมรกต อ.คลองท่อมด้วยครับ พร้อมแล้วก็ซ้อนตามมาเล้ยยยย


ตอนขี่ออกถนนใหญ่มาช่วงแรกๆ ก็กลัวๆนะครับ เพราะรถเยอะ ผมไม่ถนัดขี่มอเตอร์ไซค์ออกถนนใหญ่ ส่วนใหญ่จะมีขี่บ้างตามในโรงงาน ไม่ได้อันตรายเลย ครั้งนี้ก็เลยกลัวๆหน่อย แต่พอสักพักก็ชินครับ ขี่ด้วยความระมัดระวัง ชิดซ้ายเข้าไว้ ส่วนใหญ่ผมจะขี่ตรงไหล่ทางนะครับ ไม่ใช่เลนซ้ายของรถ จริงๆคนขี่มอเตอร์ไซค์ก็ควรขี่แบบนี้ด้วย คนขับรถใหญ่จะได้ไม่ต้องระวังรถรถมอเตอร์ไซค์

เกือบๆ 1 ชั่วโมงครึ่งก็เข้ามาถึงทางเข้าสระมรกตแล้ว จอดรถก่อนเสียค่าจอดรถ 10 บาทด้วย ก่อนเข้าทางเข้าสระมรกตจะต้องเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท(ผู้ใหญ่) ส่วนชาวต่างชาติคนละ 200 บาท


จ่ายค่าเข้าเสร็จก็เดินเข้าไปเลย ด้านขวามือจะเห็นสระน้ำเล็กๆ ตอนเข้าไม่มีอะไรหรอกครับ ส่วนขากลับคนลงเล่นน้ำเยอะมาก แม้ว่าสระเล็กๆก็ตาม


จากป้าย สระมรกตอีก 800 เมตรเองจ้าา


ตามทาง 800 เมตรท่านจะเจอกับต้นไม้นานาพรรณพร้อมกับมีป้ายบอกชื่อพรรณด้วยครับ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่นักท่องเที่ยวจะได้ศึกษาได้ความรู้ไปด้วย


ก่อนถึงทางเข้าสระมรกตจริงๆ จะมีครอบครัวช้างยืนต้อนรับเราอย่างมีความสุข....แป๋นๆ


ถึงแล้วสระมรกต โดยรวมแล้วก็คล้ายๆกับเมื่อ 10 ปีก่อน คนเยอะเหมือน 10 ปีก่อนเลย 555


แต่สิ่งที่แตกต่างจากครั้งที่แล้วก็คือ หลังคาสังกะสีสีเขียว 3 ชั้นนี่แหล่ะ ครั้งก่อนหลังคาของศาลาเป็นมุงจากสีน้ำตาล มันคลาสสิคเข้าตามธรรมชาติดีครับ แบบสังกะสีมันไม่ใช่อ่ะ


มีป้ายลานขึ้นมาใหม่ ชื่อลานชมพู่น้ำ อยู่หลังสระมรกต


นั่งชมบรรยากาศที่สระมรกตสักพักก็ได้เวลาเดินตามทางที่เขาทำไว้เพิ่ม เพื่อไปยังสระน้ำผุด(ครั้งที่มาไม่มีสถานที่นี้) ด้านซ้ายมีหูคอยสูง 3 ชั้น เดาว่าใช้สำหรับดูส่องดูสัตว์


ขึ้นสะพานที่ข้ามลำธารน้อยๆ


ทางเดินไปสระน้ำผุด อีก 200 เมตรค่าาาา สังเกตถือเสื่อมาปูด้วย ทางโรงแรมที่พักให้มาครับ ฟรี


แล้วก็มาถึงสระน้ำผุด (Blue pool) สมัย 10 ปีที่ผมมา ยังไม่มีที่นี่นะครับ ไม่ทราบว่าทำใหม่หรือมันเป็นธรรมชาติแล้วเพิ่งค้นพบ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ครับเพื่อการท่องเที่ยว


คนก็เดินมาชมพอสมควร ส่วนใหญ่เห้นตบมือกัน แล้วน้ำจะกระเพื่อม ก็คงไม่แปลกเพราะการตบมือจะก่อกำเนิดคลื่นเสียงแล้วไปทำให้น้ำที่นิ่งๆในบ่อกระเพื่อมครับ


 น้ำสีเทอร์คว๊อยซ์เพราะมีแร่ธาตุที่อยู่ข้างใต้แหง๋ๆ


ดูกันเต็มๆ น้ำในบ่อสีสวยมากครับ


จ๊ะเอ๋....


ดูสักพักก็เดินกลับแล้วครับ ทางเดินไม่ชัน สบายๆ ร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใหญ่บังแดดไว้


เราเดินออกอีกทาง เป็นทางชมธรรมชาติ มีปลาตัวเล็กอยู่ในน้ำ


ผ่านสระแก้ว


น้ำใสแจ๋ว ข้างใต้เห็นสาหร่ายสีเขียวเต็มไปหมดเลย


ทางเดินธรรมชาติทอดยาวไกล คนไม่ค่อยมีเลย


ต้นอะไรเนี่ย เป็นหนามๆ


ต้นฝาละมีขน ชื่อแปลกดี ถ่ายซะหน่อย


ออกจากสระมรกตก้ขี่มาต่อที่นี่ อยู่ไม่ไกลกันนัก น้ำตกร้อน


เดินไปตามเส้นทางชมธรรมชาติครับ


สุดท้ายหาน้ำตกร้อนไม่เจอ ต้องเดินขึ้นเนินไปอีก เคยมาแล้วคุ้นๆว่าไม่ใช่ตรงนี้ แต่ขอถ่ายกันป้ายก่อนละกัน


เราคืนมอเตอร์ไซค์ที่โรงแรมแล้วนั่งรถสกายแล็ป มาที่ทางเข้าท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา ที่ที่เราลงรถตู้ตอนมาจากสนามบินกระบี่วันแรก เห็นว่ายังมีเวลาอยู่ เลยแวะทานอาหารที่ขึ้นชื่อที่ร้านนี้ ร้านครัวธารา


มากระบี่ ขาดไม่ได้คือเมนูนี้ หอยชักตีน นำมาลวกแล้วจิ้มกับน้ำจิ้ม จานนี้แพงมาก 350 บาท แต่ก้ต้องมาทาน อิอิ


ซูมใกล้ๆ หน้าตาหอยชักตีนเป็นอย่างนี้

เราทานอาหารเสร็จก็รอรถตู้ที่ทางเข้าท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา เพื่อเตรียมไปส่งคนไปสนามบินกระบี่ครับ


มาถึงสนามบินกระบี่ สิ่งที่พบเจอเมื่อเข้ามาในอาคารผู้โดยสารคือ คนเยอะมากๆ ออกันเยอะเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?? ได้ความว่าเครื่องเช็คอินหรือระบบคอมพิวเตอร์เสียครับ แต่เป็นเฉพาะนานาชาติ ฝั่งภายในประเทศไม่เป็นไร


เราเช็คอินเสร็จก็เดินมายังอีก Terminal หนึ่ง ประตูอัตโนมัติเป็นรูปเขาขนาบน้ำ สัญลักษณ์ของกระบี่


ระหว่างรอเครื่องก็ทานกาแฟกันไปก่อนครับ ขากลับเข้ากรุงเทพคนไม่เยอะมาก


แล้วก็ได้เวลาเดินเข้างวงช้างขึ้นเครื่องบินกลับแล้ว แล้วเจอกันใหม่ทริปหน้าชาวงปลายเดือนนี้ เวียดนาม(ใต้) โฮจิมินห์-ดาลัด-มุยเน่

สรุปค่าใช้จ่าย
1.ค่าตั๋วเครื่องบิน(ไป-กลับ) กทม.-กระบี่ (รวมรถตู้จากสนามบินไปส่งท่าเรือหาดนพรัตน์ธารา)= 1,124.9 บาท/คน
2.ค่าห้องพักโรงแรมอ่าวนางกู๊ดวิลล์ คืนละ 1,222.75 บาท 2 คืน = 2,445.51 บาท

ค่าใช้จ่ายรายวัน
07 มีนาคม 57       
ค่าแท็กซี่ 270+50 บาท
กาแฟเย็น ช็อคเย็น     90 บาท
ค่ารถสี่ล้อ 80 บาท       
ค่าทริป 9 เกาะ 700 บาท/คน รวม 1,400 บาท
อาหารเช้า 130 บาท
ค่าเฟร้นฟราย 82 บาท         
น้ำแตงโมปั่น 50 บาท
ทิป 20 บาท        
รวม 1,832 บาท

08 มีนาคม 57           
ค่าทัวร์พายคายัค 500 บาท/คน รวม 1,000 บาท
ค่าอาหารเช้า 180 บาท
ค่าเบเกอร์ 85 บาท
ค่ากาแฟโบราญ 25 บาท
ค่าเช่ามอไซด์ 250 บาท
ค่าอาหารเย็นร้านปูดำ 650 บาท
ค่าไอติม 30 บาท
น้ำอ้อยปั่น 20 บาท

9 มีนาคม 57
อาหารเช้า 190 บาท
ค่าจอดรถมอไซด์ 10 บาท
ค่ากาแฟ 50 บาท  
ค่าเข้าห้องน้ำ 5 บาท
ค่าเข้าสระมรกต 40 บาท
ค่าเข้าน้ำพุร้อน 45 บาท
ค่าน้ำชา 25 บาท
ค่ารถไปอ่าวนพรัตน์ 80 บาท
ค่าอาหารบ่าย 370 บาท
ค่าไอติม 30 บาท
ค่าน้ำพริกกุ้งเสียบ(2 กระปุก) 200 บาท     
ค่าขนมเต้าส้อ 255 บาท
ค่ากาแฟ 70 บาท         
ค่าแท็กซี่ 243+50 บาท 
รวม 2,803 บาท

รวมทั้งหมด 11,090.31 บาท หรือคนละ 5,545.15 บาท

[ตอน 1] [ตอน 2] [ตอน 3]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น