วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

~+~+~ : : : ป ล า ย ท า ง แ ห่ ง ชี วิ ต : : : ~+~+~

วันอาทิตย์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลูกๆทุกคนได้ไปส่งแม่เป็นครั้งสุดท้าย ผมนั่งคิดก่อนที่จะถึงวันนี้ว่าควรไปลอยอังคารคุณแม่ที่ไหนดี แล้วใจก็พลันนึกออกมาว่าทะเลแถบ "เกาะสีชัง" น่าจะเป็นสถานที่ที่ดวงวิญญาณแม่ไปสู่สุขคติภพ มีอิสระ มีความร่มเย็นเป็นสุข ดุจผืนน้ำทะเลที่กว้างใหญ่ไพรศาล ตามความเชื่อของชาวพุทธและชาวฮินดูสืบต่อกันมา สิ่งนี้คงจะเป็นปลายทางแห่งชีวิตทุกคนที่ต้องเดินทางมาสิ้นสุด ณ ที่ตรงนี้ คงจะไม่มีใครสามารถที่จะฝืนสังขารไปได้ ผมก็เช่นเดียวกัน

พี่รัตน์ได้ติดต่อจองรถตู้ไว้เรียบร้อยแล้ว มาที่เกาะสีชังดีอย่างตรงที่เรามีคนรู้จักที่อาศัยอยู่ที่นั่น ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือจากลอยอังคาร เราสามารถขึ้นเกาะเพื่อเดินดูสถานที่ต่างๆไปด้วยจนกว่าจะถึงเวลากลับช่วงเย็นๆ


หลังจากทำพิธีเก็บกระดูกของคุณแม่ช่วงเช้าเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวขึ้นรถตู้ที่ติดต่อไว้ จากบางนาใช้เวลาเดินทางไปอ.ศรีราชาไม่นาน เรามาขึ้นเรือที่เกาะลอยก่อน เรือที่เราจะไปนั้นเราเหมาลำไป ไม่ได้รวมกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ไปถึงที่เกาะลอยก่อนเวลาประมาณ 1 ชม.


 เรือโดยสารไปเกาะสีชังแบบไม่ติดแอร์ก็จะเป็นในลักษณะนี้


 ที่นี่ลมแรงพอควรและอากาศเย็นด้วย ผมฆ่าเวลาด้วยการยืนดูนกบินไปมาเพื่อจับปลากิน


สิบเอ็ดโมงกว่าเรือที่จองไว้ก็เข้าท่าเทียบเรือ เริ่มเดินทางสู่ทะเลอ่าวไทย ณ เกาะสีชังกันแล้ว


เรือค่อยๆแล่นห่างออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ


บทสุดท้ายของการพลัดพราก


ระหว่างทางก็จะเจอกับเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่ๆจอดลอยตัวอยู่อย่างมั่นคง


 นั่งมองออกไปจากเรือมีอยู่หลายลำทีเดียว ซึ่งบริเวณนี้ตรงกับท่าเรือแหลมฉบังพอดี


ผ่านใกล้ๆจะเห็นว่าเรือบรรทุกสินค้านั้นลำใหญ่มากๆ แถมยังมีเครนถึง 3 ตัวด้วยกันบนเรือลำนี้


ผ่านไป 30 นาที เรือก็ผ่อนคันเร่ง และทางเด็กเรือก็แจ้งกับเราว่าบริเวณนี้คือจุดที่จะลอยอังคารกัน

ลูกๆทุกคนลุกขึ้นมารวมตัวกันท้ายเรือเพื่อลาแม่ครั้งสุดท้าย......

ไปสู่สุขคตินะแม่นะ....อยู่เย็นเป็นสุขนะครับแม่


และแม่ก็ไกลห่างจากพวกเราไปเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำที่พัดพาไป แต่จริงๆแล้ว แม่ยังอยู่ในใจลูกๆทุกคน


พอเสร็จพิธี พวกเราก็ขึ้นฝั่งที่เกาะสีชัง  ไม่ต้องใช้รถรับจ้างใดๆทั้งนั้น เนื่องจากบ้านที่จะไปนั้นอยู่ใกล้ไม่กี่ร้อยเมตร เดินไม่กี่นาทีก็ถึง


 ต่อจากนั้น เจ้าบ้านก็พาขึ้นไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่


วิวที่มองลงมาจากด้านบน


เห็นท่าเรือที่เราเพิ่งขึ้นเกาะมา และอีกท่าอยู่ถัดออกไป พร้อมทั้งเรือขนสินค้ามากมายจอดอยู่ไกลๆ


ไหว้พระประจำวันเกิดและทำบุญให้แม่


และเข้าไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่


เสร็จแล้วก็ออกมาชมวิวทิวทัศน์ด้านนอก มองเห็นท้องทะเลและเกาะด้านหน้าซึ่งน่าจะเป็นเกาะขาม


น้ำเต้าสีแดงอันมหึมาตั้งเด่นมาแต่ไกล ทำเพื่อให้สังเกตง่ายหรือเปล่าไม่ทราบได้


ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปยังพระจุฑาธุชราชฐาน: พระราชฐานบนเกาะสีชัง เห็นสะพานอัษฎางค์เป็นอันดับแรก


และก็เดินสำรวจไปเรื่อยๆ ไม่แน่ใจว่าสระน้ำนี้มีชื่อว่าอะไร แต่อยากถ่ายให้มุมเดียวกับที่มีในใบโบชัวร์


เรือนวัฒนา ซึ่งใช้จัดแสดงนิทรรศการเหตุการณ์สำคัญในเกาะสีชังสมัยรัชกาลที่ ๕


ด้านหน้าเรือนวัฒนา มีปลูกต้นลีลาวดีไว้ด้วย


ทางเดินก่อนเข้าไปข้างใน


ภายในก็จะมีภาพวาดแสดงเหตุการณ์ในอดีตครั้งสมัยเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จประพาสที่นี่


ห้องแสดงชั้น 2 ยังมองเห็นวิวทะเลสวยงาม


มาถึงเรือนที่ติดกัน เรือนไม้ริมทะเล สร้างในรัชกาลที่ ๕ แต่ไม่ปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าสร้างในปีใด สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือนตากอากาศของชาวต่างประเทศแต่ก่อน ต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐานใน พ.ศ ๒๔๓๕


ปัจจุบันชั้นล่างจัดแสดงนิทรรศการสถานที่น่าสนใจในเกาะสีชัง และจำหน่ายเครื่องดื่ม ส่วนชั้นสองเป็นสำนักงาน


เสียดายเวลาไม่มี เราจึงไม่ได้ไปวัดอัษฎางคนิมิตร ที่มีเจดีย์ทรงลังกาซ้อนอยู่ไกลๆ


ได้เวลาเดินกลับแล้ว มองเห็นประภาคารแหลมวัง


วันนี้จะมีพิธีอะไรสักอย่างที่นี่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นงานทอดกฐิน


อีกวิวหนึ่งของสะพานอัษฎางค์ก่อนจะลาที่นี่ไปแล้ว


ต่อจากก็ไปหาอะไรทานที่ชายหาดของเกาะสีชัง จุดชมวิวของเกาะสวยมากๆ มองเห็นทั้งอ่าวเลย


สี่โมงครึ่งก็ได้เวลาอำลาเกาะสีชังไปแล้ว ระกว่างทางสวนกับเรือประมงลำหนึ่ง


ผ่านเกาะนี้ซึ่งไม่ทราบว่ามีชื่อว่าอะไร เหมือนมีสิ่งก่อสร้างจมน้ำอยู่


คลื่นทะเลวันนี้ไม่แรงสักเท่าไหร่


เรือเราแล่นผ่านเรือขนส่งสินค้าของประเทศอิหร่านแบบใกล้ๆ มองเห็นคนตัวเล็กๆนั่งบนราวเรือ


ผ่านท่าเรือของนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง


ห้าโมงเย็นกว่าๆก็มาถึงท่าเรือเกาะลอยอีกครั้ง ศาลาเจ้าแม่กวนอิมคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนและกราบไหว้


และแล้ว พวกเราลูกๆก็ได้มาส่งแม่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เกาะสีชังนี้จึงเป็นเกาะอีกเกาะหนึ่งที่ทำให้ผมและพี่ๆ จะต้องมาอีกในครั้งต่อๆไปเพื่อมาเยี่ยมแม่ของเรา ที่ที่แม่กลับสู่ธรรมชาติอีกครั้งหนึ่งหลังจากกรำงานและรับบทแม่ที่ดีที่สุดของลูกมาทั้งชีวิตแล้ว หลับให้สบายครับแม่ ลูกๆทุกคนคิดถึง และแม่จะอยู่ในใจของลูกๆตลอดไป ชั่วนิจนิรันดร์....

Original Published on www.pantip.com at [ 29 พ.ย. 50 03:07:42 ] as below link

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น