วันอาทิตย์ที่ 4 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ลูกๆทุกคนได้ไปส่งแม่เป็นครั้งสุดท้าย ผมนั่งคิดก่อนที่จะถึงวันนี้ว่าควรไปลอยอังคารคุณแม่ที่ไหนดี แล้วใจก็พลันนึกออกมาว่าทะเลแถบ "เกาะสีชัง" น่าจะเป็นสถานที่ที่ดวงวิญญาณแม่ไปสู่สุขคติภพ มีอิสระ มีความร่มเย็นเป็นสุข ดุจผืนน้ำทะเลที่กว้างใหญ่ไพรศาล ตามความเชื่อของชาวพุทธและชาวฮินดูสืบต่อกันมา สิ่งนี้คงจะเป็นปลายทางแห่งชีวิตทุกคนที่ต้องเดินทางมาสิ้นสุด ณ ที่ตรงนี้ คงจะไม่มีใครสามารถที่จะฝืนสังขารไปได้ ผมก็เช่นเดียวกัน
พี่รัตน์ได้ติดต่อจองรถตู้ไว้เรียบร้อยแล้ว มาที่เกาะสีชังดีอย่างตรงที่เรามีคนรู้จักที่อาศัยอยู่ที่นั่น ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือจากลอยอังคาร เราสามารถขึ้นเกาะเพื่อเดินดูสถานที่ต่างๆไปด้วยจนกว่าจะถึงเวลากลับช่วงเย็นๆ
เรือโดยสารไปเกาะสีชังแบบไม่ติดแอร์ก็จะเป็นในลักษณะนี้
ที่นี่ลมแรงพอควรและอากาศเย็นด้วย ผมฆ่าเวลาด้วยการยืนดูนกบินไปมาเพื่อจับปลากิน
สิบเอ็ดโมงกว่าเรือที่จองไว้ก็เข้าท่าเทียบเรือ เริ่มเดินทางสู่ทะเลอ่าวไทย ณ เกาะสีชังกันแล้ว
เรือค่อยๆแล่นห่างออกจากฝั่งไปเรื่อยๆ
บทสุดท้ายของการพลัดพราก
ระหว่างทางก็จะเจอกับเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่ๆจอดลอยตัวอยู่อย่างมั่นคง
นั่งมองออกไปจากเรือมีอยู่หลายลำทีเดียว ซึ่งบริเวณนี้ตรงกับท่าเรือแหลมฉบังพอดี
ผ่านใกล้ๆจะเห็นว่าเรือบรรทุกสินค้านั้นลำใหญ่มากๆ แถมยังมีเครนถึง 3 ตัวด้วยกันบนเรือลำนี้
ผ่านไป 30 นาที เรือก็ผ่อนคันเร่ง และทางเด็กเรือก็แจ้งกับเราว่าบริเวณนี้คือจุดที่จะลอยอังคารกัน
ลูกๆทุกคนลุกขึ้นมารวมตัวกันท้ายเรือเพื่อลาแม่ครั้งสุดท้าย......
ไปสู่สุขคตินะแม่นะ....อยู่เย็นเป็นสุขนะครับแม่
และแม่ก็ไกลห่างจากพวกเราไปเรื่อยๆ ตามกระแสน้ำที่พัดพาไป แต่จริงๆแล้ว แม่ยังอยู่ในใจลูกๆทุกคน
พอเสร็จพิธี พวกเราก็ขึ้นฝั่งที่เกาะสีชัง ไม่ต้องใช้รถรับจ้างใดๆทั้งนั้น เนื่องจากบ้านที่จะไปนั้นอยู่ใกล้ไม่กี่ร้อยเมตร เดินไม่กี่นาทีก็ถึง
ต่อจากนั้น เจ้าบ้านก็พาขึ้นไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่
วิวที่มองลงมาจากด้านบน
เห็นท่าเรือที่เราเพิ่งขึ้นเกาะมา และอีกท่าอยู่ถัดออกไป พร้อมทั้งเรือขนสินค้ามากมายจอดอยู่ไกลๆ
ไหว้พระประจำวันเกิดและทำบุญให้แม่
และเข้าไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่
เสร็จแล้วก็ออกมาชมวิวทิวทัศน์ด้านนอก มองเห็นท้องทะเลและเกาะด้านหน้าซึ่งน่าจะเป็นเกาะขาม
น้ำเต้าสีแดงอันมหึมาตั้งเด่นมาแต่ไกล ทำเพื่อให้สังเกตง่ายหรือเปล่าไม่ทราบได้
ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปยังพระจุฑาธุชราชฐาน: พระราชฐานบนเกาะสีชัง เห็นสะพานอัษฎางค์เป็นอันดับแรก
และก็เดินสำรวจไปเรื่อยๆ ไม่แน่ใจว่าสระน้ำนี้มีชื่อว่าอะไร แต่อยากถ่ายให้มุมเดียวกับที่มีในใบโบชัวร์
เรือนวัฒนา ซึ่งใช้จัดแสดงนิทรรศการเหตุการณ์สำคัญในเกาะสีชังสมัยรัชกาลที่ ๕
ด้านหน้าเรือนวัฒนา มีปลูกต้นลีลาวดีไว้ด้วย
ทางเดินก่อนเข้าไปข้างใน
ภายในก็จะมีภาพวาดแสดงเหตุการณ์ในอดีตครั้งสมัยเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เสด็จประพาสที่นี่
ห้องแสดงชั้น 2 ยังมองเห็นวิวทะเลสวยงาม
มาถึงเรือนที่ติดกัน เรือนไม้ริมทะเล สร้างในรัชกาลที่ ๕ แต่ไม่ปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าสร้างในปีใด สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือนตากอากาศของชาวต่างประเทศแต่ก่อน ต่อมาได้มีการปรับปรุงเป็นที่ประทับแรมของพระราชวงศ์ในคราวเสด็จมารักษาพระองค์ก่อนที่จะมีการสร้างพระจุฑาธุชราชฐานใน พ.ศ ๒๔๓๕
ปัจจุบันชั้นล่างจัดแสดงนิทรรศการสถานที่น่าสนใจในเกาะสีชัง และจำหน่ายเครื่องดื่ม ส่วนชั้นสองเป็นสำนักงาน
เสียดายเวลาไม่มี เราจึงไม่ได้ไปวัดอัษฎางคนิมิตร ที่มีเจดีย์ทรงลังกาซ้อนอยู่ไกลๆ
ได้เวลาเดินกลับแล้ว มองเห็นประภาคารแหลมวัง
วันนี้จะมีพิธีอะไรสักอย่างที่นี่ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นงานทอดกฐิน
อีกวิวหนึ่งของสะพานอัษฎางค์ก่อนจะลาที่นี่ไปแล้ว
ต่อจากก็ไปหาอะไรทานที่ชายหาดของเกาะสีชัง จุดชมวิวของเกาะสวยมากๆ มองเห็นทั้งอ่าวเลย
สี่โมงครึ่งก็ได้เวลาอำลาเกาะสีชังไปแล้ว ระกว่างทางสวนกับเรือประมงลำหนึ่ง
ผ่านเกาะนี้ซึ่งไม่ทราบว่ามีชื่อว่าอะไร เหมือนมีสิ่งก่อสร้างจมน้ำอยู่
คลื่นทะเลวันนี้ไม่แรงสักเท่าไหร่
เรือเราแล่นผ่านเรือขนส่งสินค้าของประเทศอิหร่านแบบใกล้ๆ มองเห็นคนตัวเล็กๆนั่งบนราวเรือ
ผ่านท่าเรือของนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง
ห้าโมงเย็นกว่าๆก็มาถึงท่าเรือเกาะลอยอีกครั้ง ศาลาเจ้าแม่กวนอิมคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนและกราบไหว้
และแล้ว พวกเราลูกๆก็ได้มาส่งแม่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เกาะสีชังนี้จึงเป็นเกาะอีกเกาะหนึ่งที่ทำให้ผมและพี่ๆ จะต้องมาอีกในครั้งต่อๆไปเพื่อมาเยี่ยมแม่ของเรา ที่ที่แม่กลับสู่ธรรมชาติอีกครั้งหนึ่งหลังจากกรำงานและรับบทแม่ที่ดีที่สุดของลูกมาทั้งชีวิตแล้ว หลับให้สบายครับแม่ ลูกๆทุกคนคิดถึง และแม่จะอยู่ในใจของลูกๆตลอดไป ชั่วนิจนิรันดร์....
Original Published on www.pantip.com at [ 29 พ.ย. 50 03:07:42 ] as below link
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น