แต่ที่บอกไว้ว่าเพียงเล็งๆ ทำไปทำมาก็หลวมตัวจองจนได้ เนื่องจากช่วงนั้น(เดือนพฤษภาคม)ได้มีคุณจิ้มลิ้มสอบถามสายการบิน Low Cost ที่จะไปบาหลี ผมก็เลยเข้าไปตอบให้ แต่ลองเลือกวันเวลาในเว็บแอร์เอเชียปรากฎว่าช่วงเวลาที่แพลนจะไปราคาเบ็ดเสร็จแล้วถูกมากๆครับ ไป-กลับ 2 คน 9,300 กว่าบาทเอง เป็นอันว่าได้จองตั๋วเครื่องบินเที่ยวนี้ล่วงหน้า 2 เดือนในราคาที่ยากจะปฏิเสธได้
วันนี้ตื่นแต่เช้าก่อนตี 5 นัดเจอกับเพื่อนให้ไปเจอกันที่สนามบินดอนเมืองเวลาประมาณ เกือบ 6 โมงเช้า จัดแจงดูไฟล์บินพร้อมกับเคานเตอร์เช็คอิน ได้ความว่า เช็คอินที่แถว 5 ไม่ลังเลเพื่อเดินไปต่อคิว ไฟล์นี้คือ FD 8882 Operate โดย Thai Air Asia เวลาตามกำหนดการคือ 07:10
ผมและเพื่อนใจเย็นเนื่องจากมาก่อนเวลามาก แต่สักพักก็ต้องอึ้งกับแถวที่ยาวมากจนล้นออกมาที่พื้นที่บริเวณก่อนเข้าตม.ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เจอแบบนี้ ยังงงๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเข้าไปด้านในก็พบว่าแถวทุกแถวยาวตลอด แต่พวกเจ้าหน้าที่ตม.ไม่เห็นจะเดือดเนื้อร้อนใจเลย ผมเองตอนแรกคิดว่าระบบคอมฯขัดข้องซะอีก แต่ที่ไหนได้ ไม่ใช่ นี่แหล่ะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ไฟล์ทดีเลย์ ปรากฎว่าผมรอต่อแถวถึงครึ่งชั่วโมง เวลาหดลงไปเรื่อยๆ จนเจ้าหน้าที่ของสายการบินต่างๆเดินเข้ามาตามผู้โดยสารของตัวเองถึงที่นี่ หลายคนได้สิทธิพิเศษในการลัดคิวเพื่อแสตมป์ตราก่อนออกเมืองไป ส่วนเรา สุดท้ายก็มีเจ้าหน้าที่จากแอร์เอเชียเข้ามาถามและพาเราออกไปแสตมป์แบบพิเศษ ถึงได้เดินออกไปที่ประตูขึ้นเครื่องได้
ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว สงสัยผู้ชายในรูปเห็นผมเล็งที่กล้องเลยหันมามอง ในใจคงคิดว่าได้เป็นพระเอกหน้ากล้องโพสต์ลงที่ BP แล้วกระมัง ฮิฮิ
สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผมที่ขึ้นแอร์เอเชียคือสั่งของว่างทานบนเครื่อง เมนูส่วนใหญ๋ก็จะสั่งทูน่าแซนวิช และน้ำผลไม้ ถือเป็นการอุดหนุนคนไทยด้วยกัน สนนราคาก็ไม่แพงมาก แต่รู้สึกว่าจะแพงกว่าเมื่อครั้งยังไม่ขึ้นราคาน้ำมัน
เวลา 10:04 am. (ในมาเลย์) เครื่องบินก็พาเราบินเข้าเขตกัวลาลัมเปอร์ พร้อมที่จะแล่นลงที่สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์(KLIA)
จากการสอบถามเพื่อนๆหลายๆคนใน Trekkingthai.com ได้ความว่าเวลาที่ว่างๆประมาณ 6 ชม. ใน KLIA ควรทำอะไรดี สุดท้ายเลือกที่จะนั่งรถไฟ KLIA Transit ระยะสั้นๆไปเที่ยวชมเมืองใหม่ที่ Putrajaya เพื่อเป็นการฆ่าเวลาไปพลางๆ
จริงๆแล้วผมและเพื่อนเคยขึ้น KLIA Ekspres เพื่อไป KL Sentral มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นั่นเป็นรถไฟด่วนที่จะไม่จอดสถานีระหว่างทางซึ่งมีอยู่ 3 สถานีโดยจะไปจอดที่ KL Sentral ที่ตัวเมือง KL เลย ราคาก็เลยสูงตามไปด้วย แต่สำหรับสายนี้ราคาจาก KLIA ไป Putrajaya คนละ 6.2 RM ซึ่งไม่แพง โดย Putrajaya จะตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง KLIA กับ KL ภายในก็จะมีโทรทัศน์แสดงข้อมูลข่าวสารให้ดู รถออกทุกครึ่งชม.
พอลงที่สถานี Putrajaya เราก็มองหารถมินิบัส Nadi Putra สาย 300 ซึ่งจะพาเราไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญของรัฐบาลเช่น Prime Minister's Resident, Prime Minister's Office, Putra Masjid แต่ไม่มีคนขับเราเลยขึ้นสาย 100 แทนบอกคนขับว่าจะไป Prime Minister's Office เขาก็โอเค ค่ารถคนละ 0.5 RM
ส่วนนี่ก็เป็นที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย
สะพานขึงแบบไม่สมมาตรข้ามน้ำออกแบบได้สวยงามดี
หลังจากเดินถ่ายรูปซะจนเหงื่อแตก เพราะว่าแบกเป้ไปด้วย จึงมุ่งหาร้านอาหารใกล้ๆบริเวณนี้ ได้ไปเจอกับร้านอาหาร food center ที่ติดริมน้ำฝั่งตรงข้ามที่พักนายกฯพอดี ผมเลือกสั่งหมี่ที่แปลกๆมาทานที่ร้าน Noodle Corner
ได้มา 1 รายการแล้ว ต่อจากนั้นก็เดินเลือกหาเมนูอร่อยอีก เล็งไปที่ร้านขายข้าวมันไก่ จึงเดินไปดูใกล้ๆเพื่อจะเลือกว่าจะเอาอะไรดีหว่า สักครู่ก็ตกใจกับคำถามจากคนขายผู้ชายว่า...ทานอะไรดีครับ ข้าวมันไก่ย่าง หรือข้าวมันไก่ ?? ผมหัวเราะแล้วพูดว่า พูดไทยเฉยเลย และถามกลับไปว่ารู้ได้ไงว่าเป็นคนไทย ได้รับคำตอบกลับมาว่าสังเกตจากสายสิญจน์ที่ข้อมือ น่าจะเป็นคนไทย ฮ่าฮ่าฮ่า
อีกวิวหนึ่งที่ Masjid Putra
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมองจากอีกฝั่งหนึ่ง
ที่นี่เขาจะมีบริการล่องเรือชมทิวทัศน์ด้วย ท่าเรืออยู่ที่โรงแรมบริเวณใกล้ๆกัน แต่ราคาพอสมควร
หลังจากชมวิวที่ปุตราจายา(Putrajaya) จนอิ่ม ก็ได้เวลากลับไปที่สถานี KLIA Transit แล้ว แต่พอถามคนขับรถสายต่างๆ ได้แต่ตอบกลับมาว่าไม่ไปทุกครั้งไปน่า จนสุดท้ายต้องนั่งสาย 200(สายเดิม) ไปลง Amanda Complex อะไรซักอย่างนี่แหล่ะ แล้วให้ไปต่อรถที่นั่น โอเคพอถึงก็สอบถามคนหลายคนทั้งคนรอรถเองและคนขับรถที่จอดอยู่ ได้ความไม่ตรงกันเลย ถามตำรวจตำรวจก็แนะให้นั่งแท็กซี่ พอกันเลย คนจะประหยัด สุดท้ายข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วนั่งสาย 100 พามาถึงที่สถานีจนได้
มาถึง KLIA อีกครั้ง หลังจากเช็คอินเสร็จก็เริ่มบินต่อไปเดนปาซาร์-บาหลี เครื่องออกจาก KLIA เกือบห้าโมงเย็น เที่ยวนี้คนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะฝาหรั่ง นั่งรอเต็มไปหมด เจอคนไทยที่ไปด้วยอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 40 up 8-10 คน ส่วนอีกกลุ่มน่าจะวัยเดียวกันไปกันผู้ชาย 2 คน
จาก KL มาบาหลีใช้เวลาบินจริงประมาณ 2 ชม. 40 นาที สองทุ่มเราก็มาถึงสนามบิน NGURAI RAI สนามบินบนเกาะบาหลี บรรยากาศแรกที่ได้พบในสไตล์บาหลีที่สนามบินก็คือเจ้านี่ ใส่โสร่ง(ผ้าขาวม้า)อยู่ใต้ร่มสีเหลือง
ตอนแรกกะจะมาแลกเงินแค่ไม่กี่เหรียญเพื่อจ่ายค่าแท็กซี่แล้วไปแลกอีกทีที่ Kuta แต่เมื่อเห็นเรตก็เลยตรงลงปลงใจแลกมันทั้งหมดเลยครับ ก่อนมานี่แลกเงินบาทเป็นดอลล่าร์มาแล้ว 120 USD มาที่นี่ก็เลยแลกทั้งหมด 120 USD ได้มา 100x9600+20x9500 = 1,150,000 Rupiah โอ้ววว....เศรษฐีย่อมๆเลยนะผมเนี่ย พกเงินเป็นล้านเที่ยวบาหลี 555
นี่ไง...เงินอินโดฯ รู้สึกแบงค์ใหญ่สุดของที่นี่น่าจะราคา 50,000 Rupiah นะครับ
พอออกมาข้างนอกก็เรียกแท็กซี่โดยใช้บริการ Taxi Service จากสนามบิน อัตราราคาไปโรงแรมที่คูต้า 25,000 Rp ตามที่สืบจากเว็บ ใช้เวลาไม่กี่นาทีแท็กซี่ก็ลัดเลาะพาเรามาส่งที่ Flora Beach Hotel ที่นี่ราคา 18 USD โอเคเลย
สภาพภายในห้อง อาจจะเก่าไปหน่อยแต่ถือว่าสอบผ่านสำหรับแบ็คแพ็คเกอร์อย่างผม
เก็บข้าวเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาท่องราตรี เดินไปเรื่อยๆ ถนนชื่ออะไรผมยังไม่รู้เลย แต่ขอให้มีร้านอาหารเยอะๆเป็นพอ ผมและเพื่อนมาสะดุดตาที่ร้าน Kebab Palace ตกแต่งสวยดี จึงดูเมนูหน้าร้านคร่าวๆแล้วเข้าไปนั่งทาน เลือนั่งเก้าอี้ที่มีร่มกางอยู่ แลดูคลาสสิคดี ผมสั่ง Nasi Campur(ถ้าจำไม่ผิด) จะเป็นข้าวราดด้วยไก่ทอดกรอบๆ แถมมีซอสให้จิ้มถึง 3 ซอสด้วยกัน จานนี้อร่อยมากครับ
แน่นอนครับ เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ของผมก็คือ Ice Coffee ที่นี่เขาปั่นมาให้ด้วย แล้วมาต่อกันในวันรุ่งขึ้นครับ
Original Published on www.pantip.com at [ 25 ก.ค. 48 18:32:04 ]
Original Published on www.pantip.com at [ 25 ก.ค. 48 18:32:04 ]
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น