วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551

ตามหาซากุระเมืองไทย(ดอกนางพญาเสือโคร่ง) ที่ น่าน ตอน 4 แวะเที่ยว "หอศิลป์ริมน่าน" ก่อนกลับกรุงเทพ


หลังจากที่ผมได้ดื่มด่ำกับการถ่ายรูปดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือชมพูภูพิงค์ ตามนามพระราชทานจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถ อยู่ชั่วโมงกว่าๆแบบไม่มีใครแม้แต่คนเดียวมาร่วมถ่ายรูปด้วยบนดอยวาวนั้น สักพักเต็มอิ่มก็กลับมายังที่จุดกางเต็นท์อีกครั้งเพื่ออาบน้ำและเก็บเต็นท์ต่อไป เต็นท์อีก 2 เต็นท์ที่เมื่อคืนได้มาค้างก็เก็บกลับไปหมดแล้ว เวลาล่วงเลยมา 11 โมงกว่าๆ ก่อนเดินทางกลับตัวเมืองน่านผมแวะซื้อของฝากที่ที่ทำการอุทยานฯ เป็นตุ๊กตาเด็กชาวเขาตัวเล็กกับย่ามหนึ่งใบ เพื่อนำมาฝากเพื่อนร่วมงานที่อยู่สระบุรี


แผนที่เส้นทางขับรถ
หมายเหตุ : 
เส้นสีม่วง : การเดินทางกลับในวันสุดท้ายของทริปคือวันพุธที่ 2 มกราคม 2551 จากอช.นันทบุรี จุดสีเหลือง 
จุดหมาย กรุงเทพมหานคร 
แวะหอศิลป์ริมน่าน จุดสีเขียว ก่อนถึงตัวเมืองเล็กน้อย และพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ

==========
กิโลเมตรสิ้นสุด : 277,877
เวลาล้อหยุด      : 23:25 น.

รวมระยะทาง     : 2,366.1 กม.



ออกจากอช.นันทบุรีก็ 11 โมงกว่าๆแล้ว ถ้าคิดคร่าวๆน่าจะถึงกทม.แบบช้าสุดก็ 1 รอบนาฬิกาคือ 5 ทุ่มกว่าๆ แต่ก็พอทน เนื่องจากกลับถึงบ้านเวลาประมาณนี้บ่อยเหลือเกินหลังจากขับรถมาเที่ยวเหนืออยู่หลายๆครั้งเท่าที่ผ่านมา

ในใจคิดว่าจะไม่แวะที่ใดๆอีกแล้วนอกจากวัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเกิดตัวผมเอง แต่สุดท้ายก็ต้องเลี้ยวเข้ามาชมหอศิลป์ริมน่าน ซึ่งเป็นหอศิลป์ของทางจังหวัดน่านที่ตั้งโดยเอชนมาได้ไม่นาน สองครั้งก่อนที่มาน่านก็ได้แต่ขับรถผ่าน ยังนึกอยากจะแวะเหมือนกัน เป็นอันว่าครั้งนี้ได้แวะจนได้


 ค่าเข้าชมไม่แพงเลยคือ 20 บาทเท่านั้น เปิดเวลา 9.00 - 17.00 น. และปิดวันพุธ ผมมาถึงที่นี่ประมาณเที่ยงสี่สิบ ถ้ามาจากอ.ท่าวังผาจะถึงก่อนเข้าตัวเมืองน่าน อยู่ติดถนนและมีป้ายบอกชัดเจน อยู่ฝั่งซ้ายมือถ้ามาจากอ.ปัวหรืออ.ท่าวังผา

สถานที่จัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยแห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจและวิสัยทัศน์ของ  ศิลปินผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งของประเทศไทย ชื่อ วินัย ปราบริปู ผู้ศึกษาด้านจิตรกรรมจากมหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันชั้นเยี่ยมทางศิลปะ เมื่อสำเร็จการศึกษาเขาได้ทุ่มเททำงานศิลปะอย่างต่อเนื่อง ใช้ชีวิตคลุกคลีกับวงการศิลปะอยู่ในเมืองหลวงของประเทศกว่า ๒๕ ปี รวมทั้งได้มีโอกาสศึกษาดูงานศิลปะของหอศิลป์สำคัญๆหลายแห่งทั้งในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา


 ชั้นล่างจะมีผลงานจากศิลปินหลากหลายท่านมาร่วมจัดแสดง

หอศิลป์ริมน่านจึงก่อตั้งขึ้นด้วยทรรศนะและวัตถุประสงค์ที่ว่า
๑.  เด็ก เยาวชน และประชาชนในจังหวัดเล็กๆ ควรได้โอกาสสัมผัสศึกษาเรียนรู้งานศิลปะอย่างกว้างขวางทั้งผลงานของศิลปินระดับชาติ ศิลปินชั้นเยี่ยม ศิลปินของภูมิภาค เช่นเดียวกับเด็ก เยาวชนและประชาชนในกรุงเทพฯ และมหานครในต่างประเทศ
๒.   เด็ก เยาวชน และประชาชนในถิ่นล้านนาหรือภูมิภาคอื่นของประเทศได้มีโอกาสชื่นชมงานศิลปะร่วมสมัย เมื่อมาเยือนจังหวัดน่านดินแดนที่บริบูรณ์ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ เชื่อมโยงกับการทัศนศึกษาศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาแต่อดีต และเป็นที่ภูมิใจของชาวน่านมาช้านาน
๓. มีแหล่งเผยแพร่ผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินที่ตั้ง ณ สถานที่ที่กว้างขวาง มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม รื่นรมย์ อันจะเสริมสร้างกำลังใจแก่คนในวงการศิลปะทั่วประเทศ
๔. คนไทย หน่วยงาน องค์กรทุกภาคส่วนของประเทศตระหนักในคุณค่าแห่งศิลปะที่มีต่อชีวิตและสังคม ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้และเผยแพร่งานศิลปะ


 ส่วนชั้นสอง ก็จะเป็นผลงานของเจ้าของคือคุณวินัย ปราบริปู ล้วนๆ

การเปิดหอศิลป์ริมน่านอย่างเป็นทางการได้รับความกรุณาจาก ฯพณฯ ศาสตราจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรีเป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๔๗ หลังจากที่วินัย ปราบริปู ได้ใช้เวลาประมาณ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๔๑ - ๒๕๔๕) ทุ่มเทแรงกาย แรงใจปรับปรุงพื้นที่ที่ซื้อจากญาติและออกแบบดูแลการก่อสร้างอาคารและตกแต่งสถานที่ในทุกมุมมองด้วยตนเองอีกเกือบ ๒ ปี


ปัจจุบันบริเวณหอศิลป์ริมน่านมีอาคารแสดงนิทรรศการเป็นอาคารใหญ่ ๑ หลัง และอาคารขนาดกลาง ๑ หลัง ซึ่งเรียกว่าสตูดิโอ แกลลอรี่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน แวดล้อมร่มรื่นด้วยพรรณไม้นานา มีเรือนรับรอง ๑ หลัง สำหรับรองรับกิจกรรมของหอศิลป์ริมน่าน เช่น ค่ายศิลปะเยาวชน และสำหรับญาติมิตรที่ต้องการพักค้างคืนเพื่อดื่มด่ำธรรมชาติและเสวนาเรื่องราวทางศิลปะให้เต็มอิ่ม


ผมเองไม่ใช่ศิลปิน แต่ก็เดินดูไปเรื่อยๆ วันนี้นักเสพศิลปะมีสองกรุ๊ปเอง คือผมและอีก 2 คนที่ขับรถมาหลังผมไม่นานนัก มีเจ้าหน้าที่คอยอธิบายภาพและประวัติคร่าวๆด้วย


เรายังยืนอยู่ที่ชั้นล่าง


ผมชอบผลงานภาพเขียนที่วาดเลียนแบบภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนัง อุโบสถวัดภูมินทร์มากๆ ดูทีไรก็ประทับใจทุกครั้ง แต่มาครั้งนี้ไม่ได้แวะวัดภูมินทร์เหมือน 2 ครั้งก่อน เลยชมภาพวาด ณ หอศิลป์นี้ละกัน


ภาพศิลปะในจังหวัดน่านส่วนใหญ่จะเปลือยอกนะครับ เห็นจนชินแล้ว ดูงดงามดี


มาดูภาพมุมกว้างมั่ง สาวน่านสมัยก่อนจะเกล้าผมแต่งกายชุดผ้าทอแบบไทลื้อตามศิลปะล้านนาตะวันออก


ชอบผลงานภาพนี้จริงๆเลย ชอบเป็นพิเศษครับ


ผลงานนี้เป็นผลงานของศิลปินคนไทยที่ได้รับให้เขียนลายบนธนบัตรต่างๆที่เราใช้กันครับ ผลงานเยี่ยมยอดสุดจะบรรยาย


ส่วนชุดนี้ออกแนวนู้ดนะครับ เลยถ่ายใกล้ๆไม่ได้ ต้องขออภัยด้วยครับ


ดูเสร็จก็เดินออกไปเพื่อรับโปสการ์ดฟรี 1 ใบครับ เรือนนี้เรียกว่า เฮือนยอดหล้าจะมีขายพวกภาชนะเครื่องปั้นหรือเซรามิกครับ


ด้านในนี้แหล่ะมารับโปสการ์ดกับเลือกดูของที่ระลึก หรือไม่ก็มานั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆก่อน


จะเลือกซื้ออะไรก็เชิญตามสบายเลย ราคาก็ตามผลงานที่ศิลปินเขาสร้างสรรค์กันมา ผลงานที่คิดออกมาจากสมอง


ดูผลงานที่หอศิลป์ริมน่านอยู่พอควร สักพักก็ได้เดินทางต่อไปยังตัวเมืองน่าน จุดมุ่งหมายคือวัดพระธาตุแช่แห้งนั่นเอง มาที่น่านยังไงซะก็ต้องมาไหว้พระธาตุที่นี่ โดยเฉพาะเป็นพระธาตุประจำปีเกิดผมด้วยแล้ว พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง


มาถึงวัดพระธาตุแช่แห้งเกือบบ่ายสองแล้ว แดดแรงแต่ก็ไม่ร้อนมากนัก


ไหว้พระธาตุด้วยกันครับ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วร่วมบริจาคตามจิตศรัทธาเป็นอันเสร็จพิธี


และสุดท้ายสำหรับเมืองน่านแห่งนี้ ผมแวะทานอาหารที่ร้านเฮือนฮอมซึ่งเป็นร้านอาหารแบบพื้นเมืองก่อนที่จะเดินทางยาวกลับกรุงเทพอีกที

เป็นอันว่า ทริปเมืองน่านในครั้งนี้ก็จบลงโดยบริบูรณ์ ได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศอากาศหนาวของคนเมืองเหนือ ได้พบมิตรภาพและไมตรีของคนน่านที่พร้อมจะช่วยเหลือในหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะบริการข้อมูลของอุทยานต่างๆที่ผมไปเยือน, เข้ามาช่วยกางเต็นท์, ชวนผมทานหมูกระทะด้วยกันที่ภูฟ้า และอื่นๆอีกมาก ทำให้ทริปนี้แม้จะเดินทางมาคนเดียวก็ไม่ได้เหงาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามได้สิ่งดีๆที่ชาวน่านให้ตอบกลับมากับผู้มาเยือนอย่างผมอย่างเต็มเปี่ยม และขอขอบคุณเพื่อนๆที่โทรมาให้กำลังใจทางสายโทรศัพท์อยู่เนืองๆนะครับ ขอบคุณมิตรภาพบนโลกไซเบอร์จริงๆ

ขอสัญญาว่า น่านจะเป็นสถานที่ที่ผมจะไม่ได้หยุดที่จะมาเยือนเพียงแค่ 3 ครั้งแน่ๆ แต่จะมาเยือนเรื่อยๆถ้ามีโอกาส และยังมีหลายๆสถานที่ที่ผมยังไม่ได้ไปเลย ฝากเพื่อนๆนักเดินทางมาเยือนน่านแบบเงียบสงบและกลับไปพร้อมกับความสุขกับธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์อย่างเต็มเปี่ยมพร้อมๆกับวัฒนธรรมที่ยังคงอยู่สืบต่อไปด้วยนะครับ ช่วยๆกันรักษาเมืองนันทบุรีศรีนครน่านนี้ให้น่าอยู่ตลอดไปครับ

ขอขอบคุณดังต่อไปนี้
คุณตุ๋ม @TKT
คุณ man @TKT
เว็บบอร์ดน่าน @TKT http://board.trekkingthai.com/board/webboard.php?Category=trekking&forum=46&picfolder=trekking
คุณสะเทื้อน ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางเส้นทางข้ามแพที่ปากนาย
เว็บโอเชี่ยนสไมล์ http://www.oceansmile.com/
เว็บร้านภูฟ้า http://market.acc.chula.ac.th/phufa/index.html
เว็บประวัติโครงการภูฟ้าพัฒนา http://www.dnp.go.th/planing/special_project/2545/North/Phufha.htm
เว็บหอศิลป์ริมน่าน http://www.nanartgallery.com/
และอื่นๆที่ผมไม่ได้กล่าวถึง

ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่านและติดตามการเดินทางทริปของผมตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ณ กระทู้นี้ครับ

ส วั ส ดี ปี ใ ห ม่ ๒ ๕ ๕ ๑

Original Published on http://www.pantip.com at  [ 11 ม.ค. 51 00:18:06 ] as below link


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น