หลังจากที่ต้องพลาดการไปชมงานเฉลิมฉลองพระราชวังสนามจันทร์ในบ่ายแก่ๆของวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม เมื่อวานนี้เนื่องจากไม่สามารถฝ่าด่านรถติดบริเวณดินแดงและอนุสาวรีย์ชัยไปได้ มาวันนี้(2 ธันวาคม) เลยมีความตั้งใจเต็มที่ที่จะรีบออกไปงานให้เร็วๆขึ้นกว่าเดิม
ผมเลือกเส้นทางเปิดใหม่เพื่อไม่ต้องไปผจญกับการจราจรอันแสนจะติดขัดในวันอาทิตย์ คือถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ ที่เชื่อมระหว่างถนนบางนา-ตราดกับถนนพระราม 2 ด้วยกันเพียงระยะทาง 36 กม. ซึ่งทำให้การเดินทางจากฝั่งตะวันออกของกรุงเทพไปฝั่งใต้ของกรุงเทพสะดวกและประหยัดเวลามากขึ้นเป็นกอง หลังจากนั้นจึงเข้าถนนเพชรเกษมเพื่อมุ่งหน้าจ.นครปฐมต่อไป
ซื้อบัตรเข้าชมงานเสร็จก็เดินเข้ามาตามทางแล้วเลือกเลี้ยวซ้าย จุดแรกคือพระตำหนักทับขวัญ คนทยอยเดินเข้าเดินออกอยู่เนืองๆ
สักครู่ใกล้ๆกันอาคารสีแดงๆก็เป็นพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ ไม่สามารถเดินเข้าได้จากฝั่งนี้เนื่องจากเป็นทางออก
เดินย้อนไปสักการะอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนครับ
ร.ย.ล. 898 ใช้ยางขนาด 205/70 R15 จำนวน 4 เส้น
เปลี่ยนยางวันที่ 28 ก.ค. 47 เลขไมล์ 64537 กม.
เดินต่อไปจะเห็นคนทำท่าแปลกๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นสัมผัสเพดานซุ้ม ซึ่งก็คือ เทวาลัยคเณศร์ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระคเณศหรือพระพิฆเศวร เทพเจ้าผู้มีเศียรเป็นช้าง ดูๆแล้วทุกๆคนที่มาเดินล้วนแต่มีความสุขทั้งนั้น เห็นได้จากรอยยิ้มบนใบหน้า และส่วนใหญ่ของผู้เข้าชมก็จะใส่เสื้อเหลืองกันพร้อมเพรียงกันด้วย
บางส่วนของพระที่นั่งพิมานปฐม ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้นแบบตะวันตกแต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อน
แวะชมดอกลีลาวดีให้สดชื่นก่อนจะเดินต่อไป
เดินมาเรื่อยๆผมไม่แน่ใจแล้วว่ามีชื่ออย่างไร แต่เป็นส่วนที่แสดงนิทรรศการสมัยก่อนเช่นกัน
ผมกะจะเดินชมให้ครบ เลยได้มาเจอกับบริเวณสาธิตการปลูกพืชผักสวนครัวหรือเปล่า และมีการเลี้ยงจิ้งหรีดด้วย
มาหยุดที่เรือนสุดท้ายของประตูทางออกฝั่งนี้ที่เรือนคฤหบดี
ได้เวลาทานอาหารเย็นกันแล้ว ประกอบกับแสงอาทิตย์ที่หายไปจากขอบฟ้าแล้ว มาแทนด้วยแสงไฟสวยงามที่เปิดประดับประดาเต็มพื้นที่แสดง เจ้าลูกไฟกลมๆเป้นผลงานจากพื้นที่ของเบียร์ช้าง
ด้านหน้าพระที่นั่งพิมานปฐมเชื่อมต่อกับพระที่นั่งอภิรมย์ฤดี ยามเปิดไฟเวลานี้สวยงามจริงๆ
สามแยกที่ ณ เวลานี้คนเดินกันขวักไขว่มากๆ
บรรยากาศทั่วไปที่สนามหญ้า สังเกตจะมีเครนสูงคอยสอดส่องดูแลด้วย
พระที่นั่งพิมานปฐมอีกครั้งในยามค่ำคืน
เดินวนกลับมาดูพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ในยามค่ำคืนอีกครั้ง คนเยอะเช่นกัน
พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ยามต้องแสงไฟปรากฏกายสีชมพูทั่วทั้งอาคารและสะท้อนไปที่น้ำ
สะพานที่เชื่อมต่อระหว่างพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ด้านขวากับพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ด้านซ้ายมือ
ยังไม่หมด ไปต่อที่เรือนนนทิเสน เรือนรองสุดท้ายแล้ว
มาเก็บภาพสุดท้ายที่เรือนนี้ หลังจากนั้นก็เดินกลับเพื่อไปยังที่จอดรถ พอถึงทางออก คนที่เพิ่งจะมา ยืนต่อคิวเข้างานกันเยอะมากๆ ดีที่ผมมาตั้งแต่ตอนเย็นไม่งั้นคงเสียเวลาน่าดู
ออกจากนครปฐมประมาณ 2 ทุ่มเห้นจะได้ โดยรวมรถไม่ติดแล้ว ขากลับผมเลือกใช้เส้นทางนครชัยศรี-ปิ่นเกล้า แล้วค่อยเข้าวงแหวนต่อไป
ฝากภาพสะพานวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ช่วงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาครับ ณจุดนี้สามารถมองเห็นสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมเช่นกัน ขอบคุณเพื่อนๆที่แวะเข้ามาชมครับ มีความสุขทุกย่างก้าวกับการเดินทาง สวัสดีครับ (_/\_)
Original Published on www.pantip.com at [ 3 ธ.ค. 50 22:52:41 ] as below link
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น