วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2549

เสร็จจากดูบั้งไฟพญานาค เลาะริมโขง...จากหนองคาย สู่ นครพนม

ทริปนี้ตัดสินใจแบบฉับพลันทันด่วน ไม่ได้วางแผนไว้ เพราะคิดได้อีกทีก็จวนที่จะถึงวันปวารณาออกพรรษาแล้ว บวกกับผมเองไม่เคยขับรถไปเที่ยวอีสานเหนือเท่าไหร่ ทริปนี้จึงได้เกิดขึ้นจากเหตุผลที่ว่ามา
ก่อนเดินทางนั้น ผมต้องไปเอากล้องที่ลืมไว้ที่บริษัทแถบชลบุรีก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมเลยเลือกเส้นทางที่ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทราและปราจีนบุรีตามลำดับ เพื่อไปเส้นที่เลียบเขาใหญ่ ผ่านวังน้ำเขียวและอ.ปักธงชัยเพื่อไปออกถนนมิตรภาพต่อไป ผมเริ่มเดินทางประมาณ 11.00 น.


เจ้า GPS GARMIN iQue 3600 เพื่อนยากของผม พาผมจาก อ.พานทอง ชลบุรีเข้าเส้น 304 ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เวลาประมาณแจ้งว่าจะถึงตัวเมืองหนองคายเกือบๆ 3 ทุ่ม แต่ขับไปขับมาทำความเร็วได้ดี เวลาก็เลยลดลงมาเรื่อยๆ

เวลา 5 โมงเย็นหน่อยๆก็เข้าเขตจังหวัดขอนแก่น


ผมไปถึงสี่แยกที่ตัวเมืองหนองคายประมาณ 19:13 น. ทำเวลาได้ดีทีเดียว ตลอดทางที่ผ่านมาจากอุดรธานีถึงหนองคาย มีชาวบ้านสองข้างทางจุดพลุอยู่ตลอด ครึกครื้นทีเดียว ผมแวะทานอาหารที่นี้ ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังอ.โพนพิสัยเพื่อไปชมบั้งไฟพญานาคตามที่ตั้งใจไว้


ตลอดเส้นที่เลี้ยวขวาไปโพนพิสัย สภาพการจราจรค่อนข้างคล่องตัว ไม่ติดอย่างที่เคยๆรับรู้เมื่อปีก่อนๆ

ผมเล็งหาหลายๆที่ที่จะเข้าไปจอดดู สุดท้ายเป็นวัดแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้แล้ว งานก็คล้ายๆกับงานวัดแบบต่างจังหวัด เสียดายที่ฝนพรำ พื้นเลยเฉอะแฉะไปหน่อย


หลังจากรอบั้งไฟขึ้นจากลำน้ำโขง ผมซื้อปลาหมึกปิ้งกินไปพลางๆก่อน


ยังไม่ทันไร ก็ได้ยินเสียงเฮและปรบมือกันใหญ่ ผมจึงรีบเดินไปดู สุดท้ายก็ขึ้นมาอีกลูก สีออกชมพูๆ ผมทันได้เห็นพอดี (ส่วนในรูปจะไม่เห็นนะครับเพราะถ่ายไม่ทัน)


ต่อจากนั้น ผมเกรงว่าจะไปถึงบ้านคนรู้จักที่อ.รัตนวาปีดึก เลยรีบกลับไปขับรถต่อ หวังว่าจะไปถึงแบบปกติ แต่ที่ไหนได้ พอเวลา 3 ทุ่ม ทางตำรวจจราจรทำแสบมาก ให้รถเดินทางเดียว โดยให้รถวิ่งเฉพาะที่จะไปตัวเมืองหนองคายเท่านั้น เลยกลายเป็นว่า ผมต้องติดแหงกอยู่ตลาดแถวอ.โพนพิสัย 2 ชม.กว่า เซ็งจริงๆ เข็ดแล้ว

พอหมดรถ ผมก็ขับต่อไปยังอ.รัตนวาปี ไปพักบ้านคนรู้จักที่บ้านท่าม่วง มาถึงที่นี่เกือบเที่ยงคืน เลยได้โอกาสคนโล่งๆ ถ่ายเรือไฟที่จอดอยู่


โอยเหนื่อยมากๆ ขับรถมาทั้งวัน ขอพักผ่อนที่โฮมสเตย์หลังนี้ก่อนนะครับ ฟรีครับฟรี


ตื่นมาตอนเช้า ก่อนออกเดินทางเพื่อมุ่งสู่นครพนมเพื่อไปสักการะพระธาตุพนม เก็บบรรยากาศริมแม่น้ำโขง ณ อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย แม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชาวอีสานไว้ก่อนที่จะเดินทางต่อไป


ผ่านเจดีย์แปลกๆก่อนออกจากบ้านท่าม่วง ไม่ทราบว่าคืออะไรเหมือนกัน


ขับเลาะริมโขงมาเรื่อยๆ บรรยากาศดีมาก รถไม่มีแล่นเลย ฝนตกสลับกับหยุด ผมเองแพลนว่าจะไปภูทอกกับน้ำตกเจ็ดสี แต่พอเข้าไปตรงถนนทางเข้าซึ่งไม่ใช่ถนนใหญ่ สภาพทางเข้าอีก 3 กม.แย่มากเลยเปลี่ยนใจไม่ไป  สุดท้ายเลยมุ่งหน้ามาที่อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เพื่อมาไหว้พระธาตุพนม พระธาตุประจำปีเกิด คนเกิดปีสัน หรือปีลิงนั่นเอง ซึ่งเป็นพระธาตุเดียวใน 12 พระธาตุที่อยู่ในภาคอีสาน
มาถึงพระธาตุพนม บ่ายสามโมงพอดี


ต่อไปนี้คงเป็นรูปพระธาตุพนมในมุมต่างๆอย่างเดียวนะครับ แถมกับข้อมูลเล็กๆน้อยๆนะครับ

ซุ้มประตูทางเข้า ยิ่งใหญ่และดูอลังการจริงๆ แถมด้วยการบูรณะที่ใหม่เอี่ยมอ่องอีกด้วย ขับมาไกลความเหนื่อยหายเป็นปลิดทิ้งเลย


เข้ามาไหว้พระธาตุด้วยกันนะครับ


พระธาตุพนมกับสิงห์

ข้อมูล 
=====
พระธาตุพนม องค์ปัจจุบัน สร้างขึ้นแทนองค์เดิมที่พังลงในปี 2518 โดยสร้างตามรูปแบบเจดีย์ที่เกิดจากการต่อเติมครั้งล่าสุดในปี 2483


พระธาตุพนมหน้าตรง

ข้อมูล
=====
รอบพระธาตุมีแท่งหินปักไว้ทั้ง 4 ทิศ รวมถึงภาพสลักทั้ง 4 ด้านที่อยู่บริเวณฐานของพระธาตุ ซึ่งแต่เดิมเป็นลายพันธุ์พฤกษา แทรกด้วยลายสำคัญคือนักรบหรือกษัตริย์ทรงช้าง ม้าออกล่าสัตว์ แต่ลวดลายดังกล่าวได้เสียหายไปกว่าครึ่งจากการพังทลายของพระธาตุพนม


พระธาตุพนมแนวเฉียงบ้าง

ข้อมูล
=====
พระธาตุพนม ขณะที่พังลงได้ถูกหักออกเป็น 3 ตอน ตอนแรกคือส่วนดั้งเดิม ตอนกลางเป็นส่วนที่บูรณะในสมัยพระครูโพนเสม็ก ตอนที่สามเป็นส่วนที่ต่อเติมในปี 2483


ขอนำคำไหว้บูชาพระบรมธาตุ มา ณ ที่นี้ครับ

นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ปุริมายะ ทักขิณายะ ปัจฉิมายะ อุตตะรายะ เหฏฐิมายะ อุปะริมายะ ทิสายะ กะปะณะศิริสะมิง ปันพะเตมะหากัสสะเปนะฐาปิตัง พุทธะอุรังคะ ธาตุง สิระสา นะมามิฯ เสตฉัตตัง สุวัณณะระชะตัง ระตะนัง ปะณีตัง พุทะอุรังคะ เจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา


พระธาตุพนมยิ่งใหญ่จริงๆครับ รูปแบบก็ไม่เหมือนพระธาตุองค์อื่นๆแถบทางเหนือซึ่งเป็นทรงระฆังคว่ำ

ข้อมูล
=====
ได้มีการพบบริเวณส่วนกลางของพระธาตุพนมเป็นกล่องสำริดสำหรับใส่ผะอบ ซึ่งพบว่าซ้อนกันอยู่ถึง 6 ชั้น โดยผะอบชั้นในสุดได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้


ประตูทางเข้าซึ่งอยู่ด้านข้างพระธาตุอีกจุดหนึ่ง แกะสลักอย่างสวยงาม แถมมีภาพวาดสมัยพุทธกาลด้วย


เดินรอบพระธาตุ 3 รอบแบบทักษิณาวัตร


พุทธศาสนิกชนต่างหลั่งไหลเข้ามาไหว้พระธาตุพนมอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าฝนจะตกพรำๆ


ข้อมูล 
=====
ผลจากการขุดค้นทางโบราณคดีลงความเห็นว่าพระธาตุพนมสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 1200-1400 ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้


เนื่องจากความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพนม และประจวบกับระหว่างนั้นฝนตกพายุพัดแรงติดต่อกันมาหลายวัน ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์ และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2522


บริเวณภายนอกเขตพระธาตุ

ข้อมูล
=====
นอกจากพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุในองค์พระธาตุแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้น โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ มีน้ำหนักถึง 110 กิโลกรัม ปัจจุบันองค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.60 เมตร เป็นเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยมสูงแลดูสง่างาม งานนมัสการองค์พระธาตุเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 10 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี


 ด้านหน้าที่เห็นเป็นเสาสีดำคือ เสาอินทขีล เจ้าพญาทั้ง 5 นำมาจากเมืองกุสินารา พ.ศ. ๘


รูปองค์พระธาตุพนมสุดท้ายก่อนจากลา

ผมตีรถกลับกทม.โดยพลัน แต่สุดท้ายมาติดฝนที่ตกกระหน่ำแถวๆปากช่อง มวกเหล็ก เลยแวะพักที่บ้านพักของบริษัทแถวๆแก่งคอยซะเลย ทริปนี้รวมระยะทางไปกลับเกือบ 1,900 กม. เหนื่อยมากๆแต่ก็สนุกไปอีกแบบ

ขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามชมกับทริปสั้นๆที่ระยะทางไกลๆ สวัสดีครับ

Original Published on www.pantip.com at [ 12 ต.ค. 49 21:17:46 ]

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2560 เวลา 08:42

    ปี 2560 วันนี้ 7 ต.ค. ฝนกำลังมา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณที่แจ้งข่าวคร้าบบบบ อิอิ

      ลบ