วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ตอน 2 รักเราเริ่มต้น ณ ที่แห่งนี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์


วันนี้มาเฉลยละกันนะครับ มาเช้าๆแบบนี้คงไม่ว่ากัน

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่พวกเราจะออกจากเกาะแห่งความสุขกันแล้ว คืนที่ผ่านมาดูจะเป็นคืนที่เงียบสงบเพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ทะยอยเดินทางกลับไปตั้งแต่รอบบ่ายเมื่อวานแล้ว คงเหลือเพียงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ขอเพียงอีกหนึ่งวันกับการหมกอยู่ในธรรมชาติอันสวยงามของหมู่เกาะทางฝั่งทะเลอันดามันแห่งนี้

ผมและครอบครัวพี่เก๋มานั่งทานกับแกล้มซึ่งเป็นหมูอบและปลาหมึกกับว้อดก้า Absolut ที่พี่ต๋อยนำมาเองจนหมดขวด ส่วนเธอก็ออกมานั่งด้วยกันแต่เปลี่ยนจากทานอะไรเป็นจดคำถามทายกันเล่นๆจากลูกๆพี่เก๋ทั้งสองได้มามากยี่สิบกว่าข้อ คืนนี้ดูจะเป็นคืนที่มีความสุขจริงๆสำหรับใครหลายๆคนรวมทั้งผมคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีโอกาสได้เผยความในใจออกไป


ประมาณหกโมงครึ่งของวันใหม่ ผมรีบตื่นเพื่อไปอาบน้ำเกรงว่าคนจะเยอะเพราะห้องน้ำที่อ่าวช่องขาดนั้นมีไม่มากเหมือนที่หาดไม้งาม ยามนี้ดวงจันทร์สวยงามจริงๆ เหมาะแก่การสารภาพอะไรสักอย่าง...


ออกมาจากเต็นท์ภาพที่เห็นก็เป็นดังรูป น้ำลดไปมากเลย แต่ถ้าเช้ากว่านี้น้ำก็ค่อยๆขึ้นมาจนเกือบถึงหาดทรายใกล้เต็นท์ ขอบคุณพี่เก๋ บาราคูด้า ที่เอื้อเฟื้อเต็นท์ของทัวร์เองให้เราพักโดยไม่คิดมูลค่า


ในเช้าวันนี้เธอเลือกที่จะทานขนมปังปิ้งกับ american breakfast ซึ่งง่ายๆแต่อร่อย เรามารอต่อคิวปิ้งขนมปังกันเอง โชคดีที่เหลือขนมปังให้เราเป็นชุดสุดท้ายพอดี


พอทานอาหารเช้าจนอิ่มแล้ว เราก็เดินออกมานั่งเล่นและถ่ายรูป ป้ายอุทยานฝั่งอ่าวไม้งามคงพลาดไม่ได้ที่จะเก็บภาพไว้ว่าครั้งหนึ่งเราก็มาเยือนแล้ว แถมมาเยือนในแบบที่ไม่เหมือนใครนัก โดยมีวัตถุประสงค์อีกประการซ่อนอยู่ในใจซึ่งยังไม่กล้าบอกออกไปนัก


9 โมงครึ่งก็ได้เวลาที่เราจะเดินทางไปอ่าวบอนซึ่งอยู่เกาะสุรินทร์ใต้ เพื่อไปยังหมู่บ้านมอแกน


เรือออกจากท่ามุ่งหน้าสู่หมู่บ้านมอแกนแล้ว น้องมอแกนลูกคนขับเรือคนนี้กล้าที่จะนั่งหัวเรือทำให้เราได้ฉากสวยงาม แถมลายเส้อที่ใส่ก็น่ารักสีฟ้าเข้ากับบรรยากาศท้องทะเลสีฟ้าใสด้วย


สิบกว่านาทีเรือก็พาเราเข้าใกล้หมู่บ้านมอแกนแล้ว


เห็นแล้วยังคงเป็นกลุ่มชาวบ้านที่อยู่กับธรรมชาติอย่างลงตัวแม้ว่าบางอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามกาลสมัย


ป้ายแสดงการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากชาวมอแกน


สังเกตมั้ยว่า ทุกบ้านของชาวมอแกนมีนามสกุลเดียวกันนั่นคือ "กล้าทะเล"


น้องมอแกนคนนี้น่ารัก เหนียมอายเราเล็กน้อยเมื่อยามโดนถ่ายรูป เดี๋ยวเรามาดูกันว่าเธอคนนี้ถ้าไม่มีเสื้อผ้าจะเป็นอย่างไร อิอิ


น้องลูกคนเรืออีกครั้งกับท่วงท่าที่ดูมีความสุขสุดๆ ซึ่งตอนนั้นผมก็มีความสุขคล้ายๆกับน้องไม่น้อยทีเดียวเช่นกัน


เดินชมไปเรื่อยๆพร้อมกับเก็บภาพการประดิษฐ์ไม้แกะสลักตามความเชื่อของชาวมอแกน และของที่ระลึกต่างๆ


บ้านเรือของชาวมอแกนเป็นไม้สร้างง่ายๆ แบ่งเป็นแถวๆ


เด็กน้อยกำลังยืนให้แม่อาบน้ำ เป็นภาพที่เห็นจนชินตา ณ ที่แห่งนี้


นักท่องเที่ยวหลายคนเลือกที่จะเดินทางมาที่นี่เพื่อมาเลือกซื้อของที่ระลึกที่จากด้วยมือจากชาวมอแกนโดยตรง


มีโปสการ์ดให้เลือกหลายรูปแบบแถมยังถูกกว่าที่อุทยาน ซื้อ 10 แถม 1


หญิงสาวที่นี่กำลังนั่งจักสานเพื่อทำเป้นของที่ระลึกมามาจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยว


แม่กำลังให้นมลูกเป็นภาพอีกภาพที่เห็นจนชินตาในหมู่บ้านมอแกน


เมื่อขนมทันสมัยเริ่มเข้ามา เด็กๆชาวมอแกนก็คงอยากทานบ้างเหมือนๆกันเด็กคนอื่นเขา อย่างเช่นมาม่าที่หนูน้อยกำลังถืออยู่


น้องคนนี้คงชอบในรสชาติถึงกับดูดนิ้วเสียดายขนมที่หลงเหลือติดนิ้วมือ


เราเดินเข้าไปดูนิทรรศการและประวัติของชาวมอแกนด้วยกัน มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เยอะมาก อีกทั้งข้อมุลและภาพสมัยที่โดยสึนามิด้วย


น้องคนนี้ที่เมื่อสักครู่ยังอยู่ในชุดสีแดงแสนสวย มาบัดนี้ล่อนจ้อนเพื่อจะอาบน้ำซะแล้ว


ได้เวลากลับอ่าวช่องขาดแล้ว เธอคนนี้คงมีความสุขน่าดู ขอบคุณสำหรับยิ้มงามๆ


น้องคนนี้ถ่ายคู่กับพ่อที่กำลังขับเรืออยู่ โพสต์ท่าซะเท่เชียว


กลับมาขึ้นฝั่งที่อ่าวช่องขาดก็เตรียมที่จะเก็บข้าวของกันแล้ว เราออกไปหาวิวสวยๆถ่ายรูปกัน


มีตัวอย่างขยะและระยะเวลาที่ใช้ย่อยสลาย ฉะนั้นเราควรใช้มันอย่างถูกวิธีไม่งั้นดลกนี้คงไปจากเราในเวลาไม่นาน


เราไปถ่ายกันที่สะพานไม้ ท่าเรือของอ่าวช่องขาด


กลับไปที่เต็นท์อีกทีเพื่อเก็บสัมภาระแล้วนำมากองกันที่หน้าที่ทำการ เพื่อเตรียมขนขึ้นเรือกลับรอบบ่ายต่อไป


ในที่สุดก็ได้บอกลาเกาะแห่งความสุขเกาะนี้ หมู่เกาะสุรินทร์ เป็นเกาะแรกที่ผมมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่าจะดำน้ำไม่ครบก็ตาม แต่สิ่งที่ได้มาแทนนั้นถือว่าสูงสุดสำหรับผมแล้ว

ขอบคุณบาราคูด้าไดวิ่ง ทั้งพี่เก๋และพี่โก้ที่
-ให้เด็กมารับเต็นท์ผมที่บ้านกรุงเทพแล้วนำไปกางจองไว้ให้เพราะกลัวเต็มล่วงหน้าถึง 2 สัปดาห์
-ให้ขึ้นรถโค้ชขาไปฟรี
-คิดค่าเรือไปกลับกับเด็กเพียงคนเดียวเท่านั้น
-ไม่คิดค่านอนเต็นท์ในคืนสุดท้ายที่อ่าวช่องขาด
-ตามหาฟินและสน็อคเกิ้ลของผมจนเจอและนำมาให้ถึงที่
-ให้ยืมเสื้อชูชีพและสน็อคเกิ้ลฟรีโดยไม่คิดมูลค่า แม้ว่าผมไม่ได้มาแบบแพ็คเกจก็ตาม ไม่งั้นเสียเงินเช่าที่อุทยานบานเบอะแน่
เลือกไม่ผิดจริงๆกับเจ้านี้ บริการเกินร้อยแม้ว่าเราจะซื้อแค่ตั๋วเรือไปกลับเท่านั้น ติดต่อประสานงานตลอดเลย

ขอบคุณเพื่อนร่วมทริปทุกคนดังนี้
เอ(ตัวเรา)
พี่เก๋(ป้าพาฝัน)
พี่ต๋อย(แฟนพี่เก๋)
สมปอง + พี่ปัน(ลูกชายพี่เก๋)
และรายสุดท้ายเพื่อนผมที่ทำให้ผมสุขใจในทริปนี้ --> จ๊ะเอ๋ ซึ่ง ณ วินาทีนี้ต่อไปจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันแล้ว แต่เราจะเป็น "แฟน" กันแทน เราจะร่วมทำฝันให้กลายเป็นจริงร่วมกัน

ขอบคุณที่เผลอเข้ามาอ่านอะไรไร้สาระนะครับ แต่อยากจะเขียนจากใจจริงๆ แล้วจะมาเพิ่มเติมค่าใช้จ่ายอีกครั้งครับ สวัสดีทุกท่าน

Original Published on www.pantip.com at [ 13 มี.ค. 51 06:26:28 ]


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น