วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2549

เยือน"นันทบุรีศรีนครน่าน" ตอน 3 บนเส้นทางสายโรแมนติก จากเชียงกลางผ่านท่าวังผา,สองแควสู่เชียงคำ จ.พะเยา


วันนี้ผมจะออกเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว แต่เส้นทางที่ผมจะเลือกใช้นั้นไม่อยากใช้เส้นทางเดิมที่ผ่านมา อยากได้เส้นทางใหม่ๆที่ไม่เคยขับผ่านมาก่อน

ข้อมูลที่ค้นได้จากอินเตอร์เน็ตบอกกับผมว่ามีเส้นทางหนึ่งจากอ.ท่าวังผาไปอ.เชียงคำ จ.พะเยา โดยผ่าน อ.สองแคว หรือเส้น 1148 เส้นทางนี้อสท.หรือททท.ขนานนามว่า "เส้นทางสายโรแมนติก" อีกทั้งระหว่างเส้นทางนี้มีโครงการหลวงปังค่า และที่เชียงคำมีพระเจ้านั่งดินให้ไปสักการะได้ ผมจึงไม่ลังเลที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินทางก่อนจะวกกลับมาที่พะเยาเพื่อกลับสู่กรุงเทพต่อไป


เช้านี้เป็นเช้าที่สดชื่นอีกเช้าวันหนึ่ง ที่พักเมื่อคืนคือบ้านไทรทองที่อยู่ทางซ้ายมือ รู้สึกเมื่อวานจะมีผมมาพักบ้านไทรทองแค่ชุดเดียว แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวรายอื่นที่พักที่นี่แต่เป็นบ้านแบบอื่นๆที่อยู่ถัดไป


บรรยากาศเช้าๆที่ไร่จุฑามาศรีสอร์ทแบบนี้ช่างใกล้ชิดธรรมชาติและไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนที่อื่นๆเลย

บ้านพักแบบต่างๆของที่นี่จะอยู่เรียงรายทางฝั่งซ้ายของถนนในรีสอร์ท ซึ่งอยู่ติดกับแอ่งน้ำที่สร้างขึ้นมาเอง


ก่อนทานอาหารเช้าขอเดินเล่นก่อนนะครับ ที่รีสอร์ทนี้มีเรือให้เช่าถีบด้วย แถมในน้ำยังมีปลาหลายพันธุ์เยอะซะด้วยสิ ถ้าคุณเดินไปแนวตลิ่งมันจะว่ายน้ำตามคุณไปทีเดียว


ธรรมชาติมั๊ยครับ ? เห็นแล้วอยากมาพักผ่อนสมองมั๊ย ?

ยังมีเก้าอี้และม้านั่งยาวรอการมาเยือนของเพื่อนๆครับ


ก่อนจะเดินทางออกจากที่นี่ ผมขอข้าวต้มร้อนๆกับกาแฟร้อนเป็นอาหารมื้อเช้านี้ ตอนแรกคิดว่าจะต้องเสียเงินต่างหากแต่จริงๆแล้วทางรีสอร์ทเขารวมเข้าไว้ในราคาห้องแล้ว นับว่ายิ่งเป็นบริการแบบคุ้มค่าให้กับลูกค้าจริงๆครับ


ต่อจากนั้นผมเดินทางไปที่อนุสาวรีย์วีรกรรม พลเรือน ตำรวจ ทหารที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรชน ผู้พลีชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยโดยต่อสู้กับพวกคอมมิวนิสต์ เป็นเส้นทางก่อนที่จะถึงอ.ทุ่งช้าง


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิดและวางพวงมาลา เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ จึงถือเอาวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันวางพวงมาลา และบำเพ็ญกุศลแก่วีรชน สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน


หลังจากทำความเคารพผู้เสียสละให้ชาวไทยเราแล้ว ผมก็เริ่มต้นขับรถเพื่อตามหาเส้นทางสายโรแมนติกแล้วหล่ะครับ แต่ก็ไม่ลืมที่จะแวะหาตู้ไปรษณีย์ในอ.เชียงกลางส่งโปสการ์ดหาเพื่อนซึ่งครั้งนี้เป็นสามสาวจากห้อง BP ที่จะได้รับโปสการ์ดจากผมเช่นเดิมครับ ได้รับแล้วทักทายในกระทู้กันบ้าง


จากเชียงกลาง GPS หาเส้นทางให้ผมโดยเลือกใช้เส้น 1097 ซึ่งเป็นทางลัดไปหาเส้น 1148 เพื่อไปอ.สองแควดังกล่าว

เส้นทางนี้เงียบมาก เจอรถเครื่องของชาวบ้านสวนมาบ้าง 2-3 คัน ไม่เจอรถใหญ่เลย สภาพถนนก็ใช้ได้แต่เนื่องเพราะคนใช้น้อยเลยขาดการทะนุบำรุงสังเกตได้จากหญ้าสองข้างทางรถและยาวยื่นมาที่ถนนจนต้องขับคล่อมเลนเหมือนเหลืออยู่แค่เลนเดียวเท่านั้น


พอมาถึงตรงนี้ ผมต้องจอดรถเพื่อถ่ายรูปวิวครับ ข้างทางด้านซ้ายมือชาวบ้านปลูกข้าวโพดกัน ที่เห็นไกลๆก็เป็นการทำไร่บนเขากัน


ด้านขวาก็มีการทำไร่แต่ไม่ทราบว่าปลูกต้นอะไรซึ่งปลูกกันเป็นกลุ่มๆ มีกระต๊อบหลังหนึ่งอยู่ตรงกลางผืนไร่นั้น


ขับมาอีกหน่อยก็จะเจอกับถนนทรุดบางช่วง แต่มีป้ายบอกอย่างชัดเจน เรียกได้ว่าไม่อันตรายถ้าปฏิบัติตามป้ายครับ


ถึงจุดที่สูงสุดบนดอยแล้ว มองดูวิวสวยและโรแมนติกจริงๆด้วย


เส้นทางโล่งสวยงาม มีภูเขาและทางคดโค้งเป็นเพื่อนตลอดเส้นทาง


11 โมง 9 นาทีก็มาถึงยังศูนย์วัฒนธรรมชาวเขา ส่วนโครงการหลวงปังค่าต้องเข้าไปข้างในอีกประมาณ 6 กม.


เดินเข้ามาดูห้องที่เขาแสดงวัฒนธรรมของชาวเขาเผ่าม้งและเย้าและชาวไทลื้อ


ส่วนใหญ่ก็จะเป็นข้าวของเครื่องใช้ในการดำรงชีวิต แหงนมองข้างบนก็เอะใจกับสิ่งที่มีขนาดยาวตัวอักษรเป็นภาษาจีนคุ้นๆตา นั่นคือพาสปอร์ตที่ยาวที่สุดในโลกนั่นเอง ผมคุ้นๆเพราะเคยดูรายการทางช่อง 9 ที่นำออกมาเล่า ที่แท้มันอยู่ที่นี่นั่นเอง ไม่เสียดายที่เลือกใช้เส้นทางนี้จริงๆ


เข้ามาดูใกล้ๆ ด้านล่างมีคำอธิบายภาษาไทยว่า เกีย เซ็น ป๊อง พระราชสาส์น สำหรับ เดินทางข้ามภูเขา ซึ่งเป็นคล้ายๆหนังสือเดินทางให้คนจีนเดินทางมาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับแคว้นต่างๆในประเทศจีน โดยสังเกตมีตราประทับสีแดงจากแคว้นที่ไปเยี่ยมเยียนมาด้วย อันนี้เป็นของเก่าดั้งเดิมสมบูรณ์แบบที่สุดที่เคยมีมา


ผมขับเข้าไปยังโครงการหลวงปังค่า เส้นทางลงเขาขึ้นเนินตลอด มีจุดนี้ที่มองดูแล้วสวยงามมาก เลยจอดรถถ่ายรูปซะหน่อย


มาถึงโครงการหลวงปังค่าแล้ว วันนี้ดูจะมีคนพลุกพล่านเนื่องจากคงมีการต้อนรับข้าราชการบางกลุ่ม ผมเลยไม่มีใครมาดูแล :( เดินดูต้นไม้ที่เขาปลูกเองละกัน


พืชชนิดนี้ปลูกเป็นแนวยาวอยู่ภายในท่อพีวีซี


มาดูดอกไม้สวยๆของที่นี่กันบ้าง สวยมั๊ย ?


นี่เป็นดอกอะไรไม่ทราบ ผลมันคล้ายๆระกำ แปลกตาดี


เสร็จจากโครงการหลวงฯก็เดินทางไปต่อที่สุดท้ายของทริปนี้คือวัดพระเจ้านั่งดิน ตั้งอยู่ในอ.เชียงคำ จ.พะเยา


เดินเข้าไปในวิหารจะเจอกับลูกนิมิตให้พวกเราปิดทองกัน


....เป็นที่น่าสังเกตุว่าพระเจ้านั่งดินในปัจจุบันนี้ ไม่ได้ประทับฐานชุกชีหรือพระแท่นเหมือนกับพระพุทธรูปในพระวิหารวัดอื่น ๆ ทั่วไป มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานสืบกันมาว่า เคยมีชาวบ้านได้พากันสร้างฐานชุกชีแล้วได้อันเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ แต่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าได้ผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครา พุทธบริษัททั้งหลายจึงอาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิมตราบจนทุกวันนี้….


ตุงภายในวิหารห้อยระย้าเต็มไปหมด


ในที่สุดก็ได้เวลากลับกรุงเทพแล้วหล่ะครับ ผมออกจากอ.เชียงคำ พะเยาประมาณบ่ายโมง เลือกเข้าเส้นทางสายพหลโยธินผ่านงาวและลำปาง ช่วงงาวไปลำปางตอนนี้ถนนทำเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เป็นช่วงที่วิวสวยมากช่วงหนึ่งเพราะสองข้างทางมีต้นสักปลูกอยู่


ในช่วงที่จะผ่านอ.บ้านตาก จ.ตาก ผมนึกขึ้นได้ว่ามี 2 สถานที่ที่ผมพลาดไปตอนช่วงต้นปีที่ไป Big Trip #2 นั่นคือไม้กลายเป็นหินกับพระบรมธาตุบ้านตาก ผมจึงแวะเข้าไปดูก่อนกลับ

ณ จุดนี้เป็นจุดที่ใหญ่และสมบูรณ์ที่สุด ต้นไม้ลำใหญ่ๆตั้งนอนอยู่ลึกลงไปจากผิวดิน มีสภาพเป็นหินแข็ง เขาบอกอายุประมาณ 800,000 ปี


ตัวอย่างไม้กลายเป็นหินนำมาให้นักท่องเที่ยววิเคราะห์พิจารณากัน


เดินมาดูต้นไม้กลายเป็นหินในจุดที่ 2 ห่างออกไปเล็กน้อย แต่สภาพไม่ดีเท่าจุดแรก


สุดท้ายของทริปนี้จริงๆคือพระบรมธาตุบ้านตาก


ตามความเชื่อของชาวล้านนา ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดคนเกิดปีมะเมียได้ซึ่งก็คือพระเจดีย์ชเวดากอง ประเทศพม่า มักจะเดินทางไปไหว้พระบรมธาตุบ้านตาก ใน จ.ตากแทน ซึ่งตำนานของพระบรมธาตุบ้านตากมีอยู่ว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้านิพพานแล้ว พระอรหันต์ได้นำพระเกศาธาตุมาประดิษฐานที่นี่ 4 องค์ ต่อมาอดีตเจ้าอาวาสได้ทำการบูรณะพระธาตุเจดีย์องค์เดิม เปลี่ยนให้มีรูปแบบเช่นเดียวกับพระเจดีย์ชเวดากอง

ก็เป็นอันว่าจบทริปสำรวจดินแดนอารยธรรมล้านนาตะวันออก นันทบุรีศรีน่าน หรือจังหวัดน่านและจังหวัดใกล้เคียงตามที่ตั้งใจไว้แล้ว ผู้คน ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณี ยังคงคู่กับวิถีชีวิตชาวน่านไม่เสื่อมคลาย เมืองสงบแบบนี้ยังรอการมาเยี่ยมมาเยือนของท่านทั้งหลายอยู่ ใกล้แค่นี้ไม่ไปได้ไง จริงมั๊ยครับ

==========
สรุปค่าใช้จ่าย
1.ค่าน้ำมันไปกลับประมาณ 3,760 บาท
2.ค่าที่พัก 2 คืน = 500 + 550 = 1,050 บาท
3.ค่าอาหารประมาณ 800 บาท
4.ค่าอื่นๆ 400 บาท
รวมทั้งสิ้นประมาณ 6,010 บาท

==========
ขอขอบคุณท่านผู้มีรายชื่อดังต่อไปนี้ที่แม้ท่านเองไม่ได้ตอบคำถามผมแต่ผมก็ได้ข้อมูลจากท่านทางการเสิร์ชเว็บพันทิปนี้
บุคคล
โอเชี่ยน ===> ได้ข้อมูลน่านจากคุณโจ้แห่งโอเชี่ยนสไมล์เยอะมากๆ และได้รู้จักเส้นทางสายโรแมนติคครั้งแรกด้วย
สะเทื้อน ===> คนนี้ไปยาวถึงเชียงราย ใจจริงก็อยากไปแต่เวลาไม่พอครับ
น้าปลานิลจิ๋ว ===> ได้รู้ว่าน้าแอบเอากิ๊กไปด้วย อิอิ
น้องกิ๊ก ===> รู้ข้อมูลแหล่งกินในเมืองน่าน
w@@n ===> แรงบันดาลใจให้ไปแวะวัดพระธาตุสุโทนก่อนไปน่าน
beebah ===> อ่านตอนสะพายเป้ไปน่านแล้วสนุกดี
ขาดตกใครขออภัยด้วยครับ

เว็บไซท์
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet ===> แหล่งข้อมูลท่องเที่ยวอัพเดทของไทย
http://www.oceansmile.com ===> ผมได้ข้อมูล ภาพ ประวัติจากเว็บนี้มากที่สุด
http://www.tat.or.th ===> จะไม่เข้าได้ไงเมื่อเป็นเว็บการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
http://www.nan.go.th/g3/02.html ===> เว็บเมืองน่านอย่างแท้จริง ข้อมูลเชื่อถือได้
http://www.google.co.th ===> เสิร์ชอินจินของจริง แหล่งข้อมูลมหาศาล
http://www.juthamasresort.com ===> เข้าไปดูรูป บรรยากาศและทราบราคาแล้ว ไม่พักได้ไง
ขาดตกเว็บไซท์ใดขออภัยด้วยครับ

======
กิโลเมตรสิ้นสุด : 233,027
เวลาล้อหยุด : 23:36 น.
รวมระยะทาง 1,916 กม.

Original Published on www.pantip.com at [ 28 ต.ค. 49 11:19:05 ] as below link


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น