วันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2547

ไหว้พระธาตุประจำปีเกิดที่แพร่และน่าน ตอน 2 จากแพร่ไปน่าน แวะผานางคอย เสาดินนาน้อย จนถึงวัดพระธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีเถาะ


จุดหมายต่อไปของวันนี้ ก็คือจังหวัดน่าน แต่ระหว่างทางนั้นที่อ.ร้องกวางจะมีถ้ำผานางคอย ซึ่งผมจะแวะที่นี่ก่อน ต่อจากนั้น ก่อนถึงอ.เวียงสา ผมจะแวะที่เสาดินนาน้อย คล้ายๆกับแพะเมืองผีแต่เล็กกว่า เสร็จจากนั้นก็เข้าตัวเมืองน่านเพื่อไปไหว้พระธาตุแช่แห้งตามที่ตั้งใจไว้


เช้านี้เป็นเช้าที่สดใสจริงๆ ผมตื่นนอนตั้งแต่หกโมงเช้า อาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวจึงต้องรีบตื่นก็เป็นได้


เดินออกมาจากบ้านพักเล็กน้อยก็จะพบกับน้ำตก ที่ไหลผ่านที่พักแห่งนี้ทำให้แบ่งรีสอร์ทเป็น 2 ส่วนด้วยกัน


ลำธารเล็กๆที่ไหลผ่านรีสอร์ทโดยมีสะพานขึงไม้เชื่อมต่อถึงกัน


ที่รีสอร์ทเองก็มีบริการอาหารเหมือนกัน แต่ดูจากเมนูแล้ว ราคาค่อนข้างแพง ผมจึงแวะทานที่ร้านอาหารบริเวณลานจอดรถที่วัดพระธาตุช่อแฮ มาเหนือโดยเฉพาะแพร่ด้วยแล้ว จะไม่ทานกาแฟสดก็กระไรอยู่ เพราะที่นี่เองดังด้านกาแฟสดมาก กาแฟสดเด่นชัยไงครับ พร้อมกับปาท่องโก๋และข้าวหมูทอดกระเทียมร้อนๆ แค่นี้ก็อิ่มท้องแล้ว


ระหว่างทาง ถนนเต็มไปด้วยหมอกยามเช้า เห็นแล้วสดชื่นดีจัง สักชั่วโมงก็มาถึงยังถ้ำผานางคอย ทางเข้าเป็นถนนแคบและเก่าพอควร แต่มีป้ายบอกจากถนนใหญ่


ต้องเดินขึ้นบันไดไปตามทางที่เขาทำไว้ ชันพอประมาณ


นี่เป็นรูปปั้นเจ้าหญิงอรัญญานีกับชายผู้ฐานันดรศักดิ์ต่ำกว่า โดยอยู่ในท่าที่ชายดังกล่าวกำลังพาเจ้าหญิงหนีโดยขี่ม้าลงทางใต้ของเมืองเพื่อหลบทหารของพระบิดาที่ตามมา


ก่อนเข้าไปในถ้ำจะมีตู้บริจาคเงินเพื่อใช้จ่ายเป็นค่าไฟฟ้าตอนเจ้าหน้าที่เปิดไฟภายในถ้ำให้ผมเข้าไปดู ภายในถ้ำค่อนข้างมืดครับ แต่ไฟที่เปิดก็ทำให้เห็นสิ่งต่างๆที่อยู่ในถ้ำชัดเจนทีเดียว เดินไปภายในจวนจะสุด จะมีหินงอกขนาดใหญ่มีลักษณาคล้ายผู้หญิอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน จึงเป็นที่มาว่า ผานางคอย


หลังจากนั้นผมก็ขับต่อไปเรื่อยๆ สักพักก็เข้าเขตจังหวัดน่าน เมืองงาช้างดำ


เจ้า GPS ช่วยพาผมมาทางลัดแทนที่จะพาไปอ้อมที่อ.เวียงสา แล้วค่อยมาที่เสาดินนาน้อย


ที่นี่จะคล้ายๆกับแพะเมืองผี ต่างกันที่ขนาดเสาดินจะเล็กกว่ามาก เป็นแท่งแหลมๆ


มีอันนี้แหล่ะ ที่ใหญ่กว่าเขาเพื่อน


ใกล้ๆกันก็จะเป็นอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ผมขับรถไปชมวิวด้านบนที่จุดชมวิว หลังจากนั้นก็ขับกลับลงมา


ในที่สุดก็มาถึงวัดพระธาตุแช่แห้งสักทีนะ บ่ายโมงครึ่ง


บริเวณวัดประดับประดาธงชาติและข้าวของต่างๆสำหรับพระสงฆ์เช่น ปิ่นโต ทิชชู่ ขัน ฯลฯ โดยแขวนไว้กับไม้ไผ่ ปักลงดินเป็นแถวเรียงรายอยู่ ทำให้เกิดความสงสัย


มาถึงแล้วครับ องค์พระธาตุสีทองอร่ามสวยงามดีจัง

=======
ประวัติพระธาตุแช่แห้ง  
องค์พระธาตุตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ เป็นสีทองสุกปลั่ง สามารถมองเห็นได้แต่ไกล เนื่องจากสูงถึง ๒ เส้น  เป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัย ในอดีต ที่เชิงเนินปูด้วยอิฐ ลาดขึ้นไปยังยอดเนิน กว้างประมาณ ๒๐ วา มีบันไดนาคขนาบทั้งสองข้าง องค์พระเจดีย์เป็นแบบลานนาไทย ฐานเป็นสี่เหลี่ยมซ้อนกันขึ้นไปจนสูง ใช้แผ่นทองเหลืองบุรอบฐาน แล้วลงรักปิดทอง


ประวัติ(ต่อ)
จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่านได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไค้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก  พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง


มาไม่ผิดพระธาตุแน่ นี่ไง...เจ้ากระต่ายน้อย ตัวแทนคนเกิดปีเถาะ


ขอกราบพระก่อนครับ


รอบๆโบสถ์และรอบๆบริเวณจะมีฉัตรประดับอยู่ คล้ายๆกับว่าจะมีงานอะไรสักอย่าง สุดท้ายจึงได้ทราบจากหลวงพ่อทีระพงษ์ ธีระปัญโญ ว่าในวันรุ่งขึ้นจะมีงานตานก๋วยสลาก หรือสลากภัต ซึ่งหนึ่งปีจะมีครั้งเดียว ผมเองได้ฟังดังนั้นก็ดีใจมากที่ตัวเองโชคดีมีบุญกับเขาที่จะได้ร่วมงานใหญ่อย่างนี้ โดยที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะมีงานพิธีดังกล่าว


พระเจ้าทันใจ คิดอยากได้อะไรก้จะได้ตามที่ขอรวดเร็วทันใจ ผมขอแค่มีสุขภาพดีและขออยู่ทำความดีต่อไป


พระบาทจำลอง


ต่อจากนั้น ผมมุ่งหา Unseen แรกของน่านซึ่งก็คือ วัดภูมินทร์ซึ่งมีพระประธานจตุรทิศ หรือมี 4 ทิศนั่นเอง


พระประธานจตุรทิศ


เท่านั้นยังไม่พอ ที่ฝาผนังภายในโบสถ์จะมีภาพเขียนงานจิตรกรรมศิลปะไทลื้อ ซึ่งเป็นชนชาติที่อาศัยในจังหวัดน่านมานาน


มาครั้งนี้ต้องตามหา Unseen ตามที่ททท.เขาแนะนำไว้ ดังนั้นจุดหมายต่อไปของผมก็คือ วัดปรางค์ อยู่ในอ.ปัว ซึ่งจะมีต้นดิกเดียมต้นไม้สั่นได้ปลูกอยู่
แต่จากการไปสอบถามความจริงจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสด้วยตัวเองนั้น ผลปรากฏไม่ได้เป็นดังที่ททท.ว่าไว้ ซึ่งก็ทำให้ผมรู้ความจริงบางอย่าง จากการเสาะแสวงหาประสบการณ์ด้วยตัวเองนี้ แต่ก็เอาเถอะ มาแล้วก็ลูบซะหน่อย


ตอนนี้ค่อนข้างเย็นแล้ว รีสอร์ทที่จะไปพักก็โทรไปไม่มีคนรับสาย เอาอย่างไรดี ไปๆมาๆ ขับรถขึ้นดอยภูคาดีกว่า


ตอนแรกกะจะขับลงมาพักด้านล่าง สุดท้ายพอขึ้นไปถึงที่ทำการก็เย็นมากแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ ติดต่อห้องพักละกัน ปรากฏว่าห้องหมด เลยต้องนอนเต้นท์ แต่ก็สะดวกดีมากเลย เจ้าหน้าที่มากางให้เสร็จ จากนั้นก็หาอะไรทานมื้อเย็น มาที่นี่ได้เห็นต้นเมเปิ้ล กำลังผลิใบสีแดงเป็นครั้งแรก สวยดี


เจ้า GPS ตัวนี้บอกระดับความสูงของลานกางเต้นท์ที่ผมพักว่าอยู่ระดับ 1,344 เมตร จากระดับน้ำทะเล สูงเหมือนกันนะเนี่ย

Original Published on www.pantip.com


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น