วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548

สะพายเป้ หิ้วกล้อง ท่องเคแอล (KL) & โกตาบาห์รู (Kota Bahru) ตอน 1 นั่งแอร์เอเชียไปลงกัวลาลัมเปอร์ เที่ยวตึกเคแอล (KL tower) และตึกแฝดปิโตรนาส (Petronas Twin tower)


นึกได้ว่ามีตะลอนทริปที่ยังไม่ได้ลงอีกพอควร เลยนำทริปที่ไปต่อจากปางอุ๋งมาลงที่นี่ เป็นทริปที่แทรกเข้ามาเนื่องจากราคาตั๋วเครื่องบินของ AirAsia ไป KL ช่วงนั้น 600 บาท ประกอบกับราคาตั๋ว domestic ของมาเลย์เขาฟรีเสียแต่ค่าธรรมเนียม เลยจองจาก KL ไปลง Kota Bahru เมืองหลวงของรัฐกะลันตันที่อยู่ติดกับชายแดนไทยเรามากที่สุด ทริปนี้เรื่อยๆสบายๆแต่ก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเช่นกัน


ผมเริ่มเดินทางด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 737-300 ของแอร์เอเชีย ครั้งนี้ลายเครื่องบินแปลกออกไปเนื่องจาก operate by air asia มาเลย์ น้อยครั้งที่ขึ้นแอร์เอเชียแล้วได้เข้างวงช้าง ครั้งนี้จึงสบายๆนั่งรอที่อาคารด้านบน


ได้เวลา boarding ขึ้นเครื่องแล้ว เหมือนเดิมกับทุกๆครั้งที่ขึ้นเครื่องทีหลังแต่ได้นั่งที่ว่างๆช่วงด้านท้ายเครื่อง


เก้าโมงกว่าก็ได้เวลาเหินฟ้าออกจากประเทศไทย


เส้นทาง BKK-KL ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง ดังนั้นเวลา 11 โมงกว่าหรือเวลาในมาเลย์เที่ยงกว่าๆก็ใกล้จะถึงสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์แล้ว(KLIA) เครื่องเตรียมพร้อมที่จะร่อนลง


มาถึงแล้ว สนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ แว่บแรกที่ออกจากเครื่องทุกอย่างใสสว่างหมด ภายในอาคารก็ดูสว่างโล่งจากการใช้กระจกมากขึ้นในการสร้างสนามบินใหม่ๆในปัจจุบันเพื่อลดพลังงานไฟฟ้า ดังเช่นสนามบินสุวรรณภูมิของเรา


โล่งจริงๆ ทุกอย่างแลดูสะอาดสะอ้านไปด้วย ได้ทราบข้อมูลมาว่าสนามบินนี้เป็นสนามบินแห่งที่สามของ KL สร้างมาได้แค่ 6 หรือ 7 ปีเท่านั้นเอง


ต่อจากนั้น เมื่อออกจากพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ผมเลี้ยวขวาเพื่อจะไปขึ้นรถไฟเร็วที่วิ่งระหว่างสนามบินไปตัวเมือง KL ชื่อว่า KLIA Ekspres เดินลงบันไดเลื่อนเพื่อไปชั้นใต้ดิน


การซื้อตั๋วรถไฟนั้นง่ายมากครับ มีทั้งหยอดเงินอัตโนมัติและซื้อจากเคาน์เตอร์ ผมเลือกวิธีหยอดเงินจากเครื่องอัตโนมัติ ราคาคนละ 35 RM


ได้ตั๋วมาแบบนี้ ลักษณะดังที่เห็น


ที่นี่จะสังเกตเห็นพนักงานที่ใส่เสื้อสีฟ้ามีหน้าที่คอยเชื่อเหลืออำนวยความสะดวกผู้โดยสารโดยจะยกสัมภาระให้ แนวคิดดีมากๆ เพราะบางคนลงจากเครื่องมีข้าวของเยอะแยะพะรุงพะรัง


เดินเข้ามาในตัวรถไฟ ใหม่ สะอาดและโล่งดีครับ


มีจอ LCD ดูฆ่าเวลาด้วย รถไฟ KLIA Ekspres กับ KLIA Transit นั้นวิ่งเส้นทางเดียวกัน แต่ KLIA Ekspres จอดเฉพาะสถานีปลายทาง ส่วน KLIA Transit จอดทุกสถานีระหว่างทาง ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 3 สถานี ไล่สถานีจากสนามบินได้ดังนี้
KLIA-->Salak Tinggi-->Putrajaya/Cyberjaya-->Bandar Tasik Selatan-->KL Sentral


ในที่สุดผมก็มาถึงยังย่าน Bukit Bintang หรือ Golden Triangle ซึ่งเป็นจุดที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวใน KL มาก ผมเดินหา Hostel ตามที่ได้จองไว้ทางเน็ตที่ชื่อว่า Red Palm Hostel สุดท้ายสอบถามกับคนขายก๋วยเตี๋ยวใกล้ๆ ปรากฏว่าพูดไทยได้เฉยเลยครับ เลยได้มาเจอที่พักจนได้ เป็นบ้านแบบทาวเฮ้าส์ 2 ชั้นไม่มีป้ายบอกว่าเป็น Hostel ชัดเจนเท่าไหร่


ผมเจอกับคนต้อนรับที่เป็นผู้หญิงเชื้อเชิญให้เข้าไปข้างใน หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยว่าผมได้จองห้องไว้ที่นี่ทางเน็ตพร้อมกับนำใบจองที่ print มาด้วยให้ดู เจ้าหน้าที่เขาบอกรายละเอียดการใช้งานต่างๆภายในบริเวณบ้าน เช่นผลไม้ในตู้เย็นทานได้ เน็ตเล่นได้แต่เสียเงิน มี CD ให้ burn ด้วย ฯลฯ ต่อจากนั้นจึงพาผมไปดูห้องพักด้านบน


มองออกไปผ่านมูลี่ไม้ไผ่ เห็นยังฝั่งตรงกันข้าม


ที่เลือกที่นี่ก็เพราะได้เห็นรูปการตกแต่งภายในที่พักเลยตัดสินใจไม่ลังเล
มุมทางเดินไปยังห้องน้ำรวม


ทางเดินขึ้นบันไดจากชั้น 1 มายังชั้น 2


บริเวณห้องรับแขกชั้นล่าง จัดตกแต่งได้สีสันมากครับ โคมไฟก็สวยงาม มีอินเตอร์เน็ตให้เล่น 2 เครื่อง และมีมุมอ่านหนังสือด้วย ตอนเย็นๆชาว backpacker ทั้งหลายจะมานั่งเล่นดูทีวีและคุยกันอยู่ที่นี่แหล่ะ


นี่แหล่ะ มุมสบายๆนั่งอ่านหนังสือ


ด้านขวามือเป็นห้องครัวและห้องซักรีด สำหรับนักเดินทางที่พำนักนานหน่อย


บ่ายสองโมงกว่าๆก็ได้เวลาหาอะไรรองท้องมื้อเที่ยงกันแล้ว ผมไม่ลังเลที่จะอุดหนุนก๋วยเตี๋ยวร้านที่ได้บอกทางก่อนหน้านี้ คนขายใจดีชื่ออาโป ที่พูดไทยได้เพราะมีภรรยาเป็นคนไทยนั่นเอง บะหมี่ลูกชิ้นเนื้ออร่อยมากกกๆ ราคา 4.5 RM ประมาณนี้ ถ้าใครไปผมท้าให้ไปลองเลยครับ


คุยกับอาโปเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ละแวกนี้ได้ครู่ใหญ่ๆ อาโปก็แนะนำเป็นอย่างดี ว่าเดินไปไม่ไกลมาก พร้อมกับบอกเส้นทางตามตรอกซอย ได้โปรอกรมคร่าวๆในวันนี้คือ ไป KL Tower แล้วต่อด้วยตึกแฝด Petronas Twin Tower ที่ตอนนี้เจอล้มแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในโลกจากตึก 101 ไต้หวันไปแล้ว


ที่ KL นั้น ยอมรับเลยว่าร้อนมากๆ อากาศค่อนข้างอ้าว เดินไปตามถนนต้องหลบแดดเป็นพักๆ เล่นเอาเหนื่อยไหลไปตามๆกัน


สักพักก็ถึงทางเข้าเพื่อไปยังตัวตึกที่อยู่ข้างใน ที่นี่เขาจะมีรถตู้บริการฟรีไม่เสียเงิน แต่ถ้าใครอยากเดินก็ย่อมได้แต่เหนื่อยน่าดูเพราะต้องเดินขึ้นเนินด้วย


KL Tower นี้เก็บค่าเข้าชมถ้าจะขึ้นไปดูวิวด้านบน ราคาถ้าจำไม่ผิดคนละ 15 RM ตอนแรกเห็นว่าแพง แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นเพราะไหนๆก็มาแล้ว อาจจะแค่ครั้งเดียวในชีวิตก็ได้
ขึ้นไปถึงจะมีหูฟังพร้อมเทปหลายภาษาบรรยายที่มาของตึกนี้ตามแต่ละคนว่าจะถนัดภาษาอะไรในการฟัง แน่นอนครับ ภาษาไทยก็เป็นภาษาหนึ่งที่มีในนี้ ผมจึงเลือกฟังคำบรรยายภาษาไทยไปพร้อมๆกับชมวิวตึกข้างด้วยกล้องส่งทางไกลที่ติดตั้งไว้รอบๆ


มองออกไปเห็นตึกน้อยใหญ่ตั้งอยู่ในตัวเมือง KL


ตึกสีน้ำตาลนี้เห็นเด่นกว่าตึกอื่นๆในละแวกเดียวกัน เกิดความสงสัยว่าเป็นที่ทำการของบริษัทอะไรหรือเปล่า


เดินมาอีกฝั่งหนึ่งก็จะเห็นตึกแฝด Petronas เหมือนกัน


ด้านบนนี้นอกจากจะให้ชมวิวแล้ว ยังมีทำเนียบตึกสูงระฟ้าต่างๆทั่วโลกมาจัดอันดับกันไว้ด้วย


6 โมงเย็นก็ได้เวลาเดินต่อไปยังตึกแฝดที่อยู่ไม่ไกลออกไป แต่ก่อนจะถึงขอแวะพักทานคาปูชิโน่ในร้านกาแฟระหว่างทางก่อนครับ


ใกล้มาแล้วหล่ะตึกแฝดที่ค้นหา เอ..แต่ทำไมอันเอียงก็ไม่รู้


เดินไป เก็บภาพร้านอาหารข้างๆทางไป ร้านนี้แปลกดี มีมือมาเป็นเสาคอยรองรับน้ำหนักของร้าน


เกือบทุ่มนึงก็มาถึงตัวตึกแฝด Petronas จนได้


เดินมาจนเหนื่อยทั้งคู่แล้ว ขอเข้าไปตากแอร์ให้เย็นฉ่ำที่ห้าง KLCC ข้างๆตึกแฝดหน่อย ห้างที่นี่หรูหราน่าดู จะเปรียบในไทยก็น่าจะเป็นดิเอ็มโพเรี่ยมมั้งครับ


หลังจากนั้นจึงออกมาถ่ายความสูงตระหง่านของตึกแฝด ปิโตรนาส (Petronas) ในมุมมองต่างๆกัน


ตึกปิโตรนาส (Petronas) มุมใกล้ ระหว่างกลาง


ตึกปิโตรนาส (Petronas) ในมุมที่ห่างออกไป


มาดูตึกปิโตรนาส (Petronas) แบบ zoom zoom บ้าง


ใกล้ค่ำแล้ว ตึกหลายๆตึกพากันเปิดไฟ


ผมติดฝนปรอยๆอยู่ที่นี่เกือบครึ่งชั่วโมง จึงได้อำลาตึกแฝดกับที่พัก ระหว่างทางก็ได้เก็บภาพบางส่วนของตึกเมื่อยามเปิดไฟ เสียดายที่ผมไม่ได้เอาขาตั้งกล้องมาด้วยภาพที่ได้จึงสั่น


ตึกปิโตรนาส (Petronas) ตอนกลางคืน


หลังจากเข้าที่พัก จึงออกเดินมาหาอะไรทานละแวกข้างๆ พบว่าของกินเพียบเลย ออกแนวโต้รุ่ง ที่นี่คนขายและเด็กเสริฟฟังพูดภาษไทยได้ดี อนุมานได้ว่าคนไทยคงมาเที่ยวและหาของกินที่นี่อยู่บ่อยๆ 

จบการเดินทางมา KL ในวันแรกเท่านี้ครับ ขอขอบคุณที่เข้ามาติดตามและอ่านจนถึงข้อความนี้

Original Published on http://www.pantip.com at [ 12 ต.ค. 48 13:00:42 ]


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น