วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2555

นครวัด-นครธม-บันทายสรี-กบาลสะเปียน ตอน 2 เที่ยวนครวัด นครธม ปราสาทบายน พิมานอากาศ ลานพระเจ้าขี้เรื้อน ปราสาทตาพรหม


วันนี้เป็นวันที่สองของการอยู่เที่ยวกลุ่มปราสาท มรดกของโลกในเมืองเสียมเรียบ กัมพูชา

โปรแกรมคร่าวๆ อย่างที่แพลนไว้เป็นดังนี้ครับ
วันที่สอง  : ตื่นแต่เช้ามืด ไปเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัดข้างๆสระบัว
                กลับมาที่พักเพื่อทานอาหารเช้าที่โรงแรม
                สายๆ ไปต่อที่นครวัด ชมภาพฝาผนังที่วิจิตรบรรจง
                ทานอาหารเที่ยงแถวๆ ปราสาท
                บ่ายไปต่อที่นครธม -บายน(บายน)-บาปวน-พิมานอากาศ-ลานพระราชวัง-ลานช้าง-
                ลานพระเจ้าขี้
                เรื้อน-ธรรมนานน-เจ้าสายเทวดา-สะเปียนทมอ-ตาแก้ว-ตาพรหม
                หาอาหารเย็นทานแถวๆ Lucky Mall

มาดูกันว่า วันนี้จะพลาดหรือสมหวังกับอะไรบ้าง ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทุกสิ่งถือเป็นประสบการณ์หมดครับ นำมาปรับปรุงและแก้ไขกันต่อไป


วันที่สอง : 7 เมษายน 2555
อย่างที่บอกในตอนแรกว่า โซนัดเราที่ล็อบบี้โรงแรมเวลา 5.30 น. ซึ่งจริงๆแล้วมันสายพอที่พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว แต่ก็ยังคิดในแง่ดีว่าคงไปทันน่า  เอาเข้าจริงๆ ระหว่างทางเห็นแสงอาทิตย์แบบส้มๆกันแล้ว ลุ้นว่าจะทันหรือไม่ทัน รถจอดหน้าทางเข้าฝั่งตะวันตกของนครวัด เรารีบโกยอ้าวเดินไปให้ถึงข้างในกันเลยทีเดียว

อีกประมาณ 10 นาทีฟ้าเป็นแบบนี้แล้ว แต่บรรยากาศโดยรอบ ชื้นๆ เหมือนฝนจะตก


เข้าไปใกล้ๆ สระบัวฝั่งซ้ายมือ ก็ปรากฎมีนักท่องเที่ยวได้จับจองที่นั่งริมขอบสระกันหมดแล้ว แต่อนิจจา ฝนมาตกปรอยๆ

รอไปรอมาจะให้พระอาทิตย์ขึ้น ให้แสงสีส้มทาบทอขอบฟ้า มีปราสาท 3 ยอดของนครวัดเป็นแบ็คกราวนด์ก็ต้องล้มเลิกไป เพราะไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นให้เหล่านักท่องเที่ยวได้เก็บภาพไว้ คงมีแต่เพียงภาพนครวัดที่มีฝนปรอยๆตกลงสระบัวทำให้เกิดกลุ่มคลื่นน้อยๆ หลายๆ กลุ่มกระจายออกไปตามขนาดเม็ดฝนเท่านั้นเอง


เรารอจน 6.34 น. ก็ต้องยอมทำใจเดินคอตกกลับออกไป นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ลุกไปจากที่นั่งริมสระบัวกันทุกคนแล้ว เช้านี้ช่างเป็นเช้าที่ไม่มีโชคสำหรับใครหลายๆ คนที่จะมาเก็บภาพสวยๆ ณ นครวัดแห่งนี้จริงๆ

เดือนเมษายนอันร้อนอ้าว แต่อากาศยามเช้ามีฝนตกปรอยๆ มันเป็นไปได้อย่างไรเนี่ย ไม่เข้าใจ


ระหว่างทางกลับไปทางประตูฝั่งตะวันตก เห็นม้าขาวตัวหนึ่ง มันคงคันหลัง เลยล้มตัวลงกลิ้งถูหลังไปกับพื้นหญ้าให้นักท่องเที่ยวหลายคนชักภาพอันน่ารักนี้เป็นของฝากตอบแทนที่ไม่ได้ถ่ายภาพพระอาทิตย์ขี้อายยามเช้าตรู่นี้


แล้วเราก็กลับมาถึงที่พัก ทานอาหารเช้าที่รวมอยู่ในค่าห้องพักแล้ว อาหารเป็นแบบ American Breakfast ไข่ดาว 2 ฟอง เบคอน(ไม่เหมือนเบคอนแบบเรา) ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น แยม น้ำผลไม้ และกาแฟหรือชา  ทานเสร็จมีตบท้ายด้วยชุดผลไม้สด 1 จานครับ


ทานเสร็จก็ขึ้นห้อง นอนต่อเพื่อเอาแรง  เพราะออกแต่เช้าเชียว แล้วนัดโซให้เอารถมารับอีกครั้งตอน 9.30 น.เพื่อไปดูภาพสลักตามผนังของนครวัดกันต่อ

พอมาถึงแดดก็เริ่มร้อนแรงเหมือนเดิมแล้ว แขนยาวเตรียมไว้นะครับ และน้ำเปล่าเย็นๆ 1-2 ขวดเอาใส่เป้ไปด้วย ได้ใช้แน่นอนครับ


ครั้งนี้เราเดินเข้าตรงประตูฝั่งซ้ายสุด ไม่ได้เข้าตรงโคปุระกลางเหมือนปกติ เพื่อจะได้เก็บภาพแบบไม่มีคนครับ ระหว่างทางที่ทอดยาว ก็จะเห็นการแกะสลักเศียรของเหล่าเทวดาและยักษ์ของช่างแกะสลัก


ทางเดินปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ พอได้ร่มเงาไม่ร้อนเกินไปนัก


เราเดินเข้าไปที่ระเบียงคดชั้นแรกเพื่อไปชมภาพแกะสลักที่ยาวที่สุดในโลกกันครับ  เริ่มจากกำแพงทิศตะวันตกฝั่งใต้ และวนทวนเข็มนาฬิกาไปครับ


จุดนี้จะเป็นภาพแกะสลักนูนต่ำเกี่ยวกับกองทัพฝ่ายเการพกรีธาทัพสู่ทุ่งกุรุเกษตร


มาฝั่งทิศใต้ปีกด้านตะวันตกกันบ้าง รูปพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ประทับบนยอดเขาศิวบาท


กองทัพชาวเสียมหรือเสียมกุกอันมีชื่อเสียงของนครวัด ซึ่งสัณนิษฐานกันว่าเป็นกองทัพชาวสยามจากลุ่มน้ำกก


เดินต่อไปที่โคปุระกลางทิศใต้ แล้วเข้าไปตรงทางระหว่างระเบียงคดชั้นต่อไป สูดอากาศบริสุทธิ์กันบ้าง


ระเบียงคดทิศใต้ปีกตะวันออกนี้จะเป็นการแสดงภพทั้ง 3 คือ  สวรรค์  โลก และนรก (บน กลาง ล่าง)  ในรูปเป็นยมบาลเฆี่ยนตีคนบาปในนรกภูมิ


รูปนี้เป็นภพสวรรค์


เอ๊.....รูปนี้คืออะไรน้า ขอเปิดตำราก่อน

อ่า เจอแล้ว....เป็นพญายมประทับนั่งท่ามหาราชลีลาสนะบนหลังควายชื่อมหิงสา



ทางเดินที่ว่างเปล่าของระเบียงคดชั้นแรก ซึ่งจริงๆนักท่องเที่ยวเยอะตลอดเวลา แต่พอหาจังหวะที่ไม่มีคนนั่นเองครับ  สังเกตเห็นเพดานฝั่งขวามือที่มีภาพแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ 8 กลีบด้วยกัน สวยงามทีเดียว


มาตรงระเบียงคดทิศตะวันออกปีกด้านใต้กันบ้าง  เป็นตำนานการกวนเกษียรสมุทร โดยฝั่งอสูรฉุดทางหัวนาค


ตรงกลางลำตัวนาคเป็นรูปพระวิศณุนั่งอยู่บนเขามันทระ ด้านล่างมีเต่ายักษ์หนุนเขามันทระอยู่ เต่าตัวนี้คืออวตารของพระวิศณุ


มองผ่านเสาของระเบียงคดชั้นแรกเป็นประตูทางเข้านครวัดทางทิศตะวันออก ฝั่งนี้นักท่องเที่ยวจะเข้าไม่เยอะครับ


มาถึงระเบียงคดทิศตะวันออกปีกด้านเหนือ  เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชัยชนะของพระวิษณุเหนือเหล่าอสูร ซึ่งในรูปเป็นกองทัพเทวดาที่ร่วมกับพระวิษณุในการปราบอสูร



มาถึงระเบียงคดทิศเหนือปีกด้านตะวันออก  เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระกฤษณะปราพาณาสูร ซึ่งในรูปจะเป็นพระวิษณุประทับบนหลังพญาครุฑ



มาถึงระเบียงคดทิศเหนือปีกด้านตะวันตกบ้าง  เป็นเรื่องราวของเทวาสุรสงคราม ในรูปนี้น่าจะเป็นพระอัคนีทรงราชรถเทียมแรด


พระขันธกุมารเทพแห่งสงครามประทับบนหลังนกยูง


พระพรหมทรงหงส์



แล้วก็มาวนครบรอบ 4 ทิศ ณ จุดนี้

ระเบียงคดทิศตะวันตกปีกด้านเหนือ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศึกลงกา ในรูปสุครีพสู้กับกุมภะ



วนชมภาพแกะสลักนูนต่ำที่ยาวที่สุดในโลกจนครบแล้ว ก็เดินเข้าไปยังระเบียงคดชั้น 2 ไหว้พระพุทธรูปก่อนครับ


เจอนางอัปสราทรงผมต่างๆ สวยงามมาก


แล้วก็มาถึงระเบียงคดชั้นในสุด ชั้นบนสุดคือที่ประทับของเทพ


ทางขึ้นเดิมชันเอามากๆ เลยไม่เปิดให้ขึ้นกัน


ถ้าต้องการขึ้นไปชั้นบนสุด ซึ่งเป็นที่ประทับของเทพ ต้องเดินเข้าคิวตามนี้ครับ


เจ้าหน้าที่ให้ถอดหมวกก่อนคล้ายๆ กับให้ทำความเคารพกับสถานที่ก่อนเดินขึ้น และยังป้องกันหมวดหลุดลอยจากลมที่แรงแล้วอาจทำให้เจ้าของหมวกเผลอคว้าจนทำให้ตกบันไดได้

ขึ้นมาจนบนสุดแล้วหันมองลงไปด้านล่าง ทางชันไม่ใช่น้อยเลย ต้องจับราวบันไดดีๆ


ชั้นบนสุดนี้เรียกว่า "บากาน" ประกอบด้วยปรางค์ทั้งหมด 5 องค์


มีพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ตรงกลางซุ้มพระปรางค์  แสงน้อยหน่อยนะครับ ต้องเปิดรูรับแสงกว้างสุด


ทิศตะวันตกเห็นลานหน้าปราสาทและทางเดินยาวเหยียดเข้าสู่นครวัด


เดินชมเป็น 2 ชั่วโมงกันทีเดียวกว่าจะเดินลงกลับมาด้านล่าง เจอกับเจ้าจ๋อกำลังทานขนมและเกาไปด้วยพร้อมกันที่สะพานนาค


ก่อนกลับจะต้องตามหานางอัปสราแถวๆ เทวรูปแปดกร ที่กำแพงชั้นนอก โคปุระกลาง ให้ได้


และแล้วเราก็เจอจนได้  นางอัปสรายิ้มเห็นฟัน เชื่อว่ามีตนเดียวในนครวัดแห่งนี้ 


แล้วเราก็จบภาระกิจเที่ยวชมนครวัด สิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้แล้ว  ใช้เวลาจาก 10 โมงเช้า เสร็จประมาณ 13 นาฬิกา 3 ชั่วโมงเต็มกับการชมความอลังการที่นครวัดแห่งนี้

ก่อนไปต่อเราเลือกที่จะหาอะไรทานมื้อกลางวันแถวๆนครวัดนี้ ได้ร้านหนึ่งตามที่โซ recommend ไว้ แต่ราคาสูงครับ อย่างต่ำ 4 USD ขึ้นไป  แฟนผมเลือกกระเพราทะเล+ข้าวเปล่า (5.5 USD) ผมเลือกสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า (6.5 USD) อันแสนน้อยนิด

กระเพราทะเลรสชาติถูดปากเลยครับ ส่วนสปาเก็ตตี้น้อยมากๆ ทานไม่อิ่มเลย


ทานอาหารกลางวันเสร็จก็ไปต่อที่นครธม  ก่อนซุ้มประตูทางเข้านครธมทางทิศใต้


ลงเที่ยวปราสาทบายน(บายอน)เป็นปราสาทแรกของนครธมกันครับ


ช่วงนี้บ่ายกว่าๆ เรียกได้ว่าร้อนแบบสุดๆ ตอนชมปราสาทบายนก็เลยเป็นการชมและถ่ายภาพที่แลกมาด้วยเหงื่อทั้งนั้น


พระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในมุมต่างๆรอบตัวปราสาทบายน ดูมีเสน่ห์ และลึกลับมากๆครับ


แล้วเราก็ไปต่อที่ปราสาทบาปวนอย่างไม่กลัวแดดอันร้อนเปรี้ยง (จริงๆก็กลัวแหล่ะ แต่ทำไงได้เสียค่าตั๋วมาแล้วครับ)  มีทางเดินเป็นสะพานหินทอดยาวจากประตูไปยังตัวปราสาท


ปราสาทบาปวนเป็นองค์ปราสาทหลังเดียวก่อด้วยหิน มีระเบียง 2 ชั้น ลวดลายแกะสลักเป็นศิลปะเขมรแบบบาปวน และเป็นต้นแบบของปราสาทหินหลายแบบในเมืองไทย เช่น ปราสาทหินพิมาย  ในรูปเป็นด้านหลังของตัวปราสาท


ชมปราสาทบาปวนไม่นานนัก ก็เดินลัดเลาะด้านหลังไปยังปราสาทพิมานอากาศ  

ตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายอยู่ฐานศิลาแลงทรงปิรามิด เชื่อว่าเป็นปราสาทประดิษฐานเทพเจ้าประจำวัน  ในรูป ด้านหลังปราสาทมีนักท่องเที่ยวกำลังปีนลงอย่างทถลักทุเล


ด้านหน้าปราสาทเยื้องไปทางขวา


สระน้ำหรือบาราย อยู่ทางเหนือของตัวปราสาท ใช้เป็นที่อาบน้ำของเจ้านายในราชสำนัก โดยแยกสำหรับผู้ชายและผู้หญิง  ในรูปเป็นสระผู้ชาย


แดดร้อนอย่างนี้ ขอหลบแดดใต้ร่มเงาต้นไม้นี้ก่อนครับ ร้อนจริงๆเลย


หลังจากคลายร้อนแล้ว ก็เดินต่อไปทิศตะวันออก จะเจอกับลานพระราชวัง ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาเพื่อให้พระมหากษัตริย์ พระราชวงค์ เหล่าพราหมณ์ ขุนนางทั้งหลายนั่งชมพระราชพิธี


แล้วก็เดินไปต่อทางทิศเหนือ จะเจอกับลานช้าง หรือลานดัมเร็ย


ลงไปด้านล่างของลานช้างจะเจอกับปะติมากรรมม้า 5 หัวที่กำแพงซ่อนของลานดัมเร็ย ลักษณะคล้ายเขาวงกต


ไม่ไกลกันนัก ถัดออกไปก็จะเป็นลานพระเจ้าขี้เรื้อน

ประติมากรรมพระเจ้าขี้เรื้อนปัจจุบันเป็นรูปจำลอง ส่วนตัวจริงเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ในกรุงพนมเปญ


ด้านล่างลงไปจะเป็นกำแพงซ่อนของลานพระเจ้าขี้เรื้อน มีปะติมากรรมนูนต่ำบ่งบอกถึงนางสนมที่โศกเศร้าที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงพระประชวร


เหล่าเทวดาและนางอัปสราจำนวนมาก ณ ห้องด้านล่างลานพระเจ้าขี้เรื้อน


16.40 น. เราก็เดินทางต่อ โดยออกจากนครธมไปทางประตูชัยทางทิศตะวันออก ผ่านปราสาทเจ้าสายเทวดา อยู่ขวามือ แต่ไม่ได้ลงไปชมข้างใน


ส่วนด้ายซ้ายมือไม่ห่างกัน เป็นปราสาทธัมมานน ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าไปชมเช่นกัน

ตอนนี้เองจะมีการเตรียมการจัดงานดินเนอร์ เลยมีการเตรียมคบไฟเพื่อไว้จุดตอนค่ำๆให้ดูสวยงาม จุดนี้เราซื้อ Magnet 6 อันเป็นของฝาก ด้วยราคา 2 USD เท่านั้น


และผ่านสะเปียนทะมอซึ่งเป็นสะพานโบราณที่สร้างข้ามแม่น้ำเสียมเรียบ ก่อหินแบบเดียวกับการสร้างปราสาท


ผ่านปราสาทตาแก้วทางด้านซ้ายมือ ไม่ได้เข้าชมเช่นกัน รู้สึกกำลังปรับปรุงอยู่ด้วย


และแล้วก็มาถึงปราสาทสุดท้ายในโปรแกรมวันนี้ นั่นคือปราสาทตาพรม ในเวลา 17.09 น. คนเริ่มทะยอยเดินสวนกับเราแล้ว

จุดไฮไลท์จุดแรกคือต้นไม้นี้ จะมีแท่นยกสูงเพื่อให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่กับต้นไม้ ซึ่งต้นนี้มีชื่อว่า "สะปง"


เข้าไปด้านในก็จะเจอกับต้นที่ใหญ่กว่านั้นไปอีก เลื้อยไปเหมือนงูเลย


อีกมุมหนึ่ง


ส่วนจุดนี้ น่าจะเป็นจุดยอดนิยมที่เราจะเห็นนักท่องเที่ยวมาถ่ายกับต้นสะปงต้นนี้กันมากสุด แต่ก็อยู่ไกลสุดเช่นกัน อยู่เกือบหลังสุดของตัวปราสาทกันเลยทีเดียว แต่สำหรับเรา เราเดินออกด้านหลังปราสาทเพราะรถตุ๊กๆจะมารับเราที่ด้านหลังนี้ จะได้ไม่เดินย้อนไปด้านหน้า เสียเวลาอีก


ใกล้มืดแล้ว นกเริ่มทะยอยบินกลับรังกัน ขอเปลี่ยนเลนส์เป็นเทเลส่องนกหน่อย แต่ส่องได้แค่นี้ อิอิ


วันนี้เที่ยวชมปราสาทกลุ่มเล็กกันจนเกือบแสงหมดกันเลยทีเดียว

รถมาส่งเราที่โรงแรมที่พัก แล้วเราพักผ่อนสักชั่วโมงก็ออกเดินทางด้วยเท้าเดินไปหาอะไทานมื้อเย็นกัน ระหว่างทางก็เจอกับโรงแรม 2 ดาวเปิดไฟสวยๆ เลยถ่ายเก็บไว้


มื้อนี้ไม่ได้ไปที่ Night Market เช่นเดิม เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เลยเดินไปทางปากซอยเลี้ยวเข้าถนน Sivatha เดินเข้า Lucky Mall ขึ้นชั้น 2 มองหาอาหารแบบอเมริกันกิน ก็ไปเจอร้าน Lucky Burger ขายเบอร์เกอร์คล้ายๆ KFC ก็เลยสั่งมาตามรูป ถือเป็นการเปลี่ยนรสชาติอาหารเขมรกันบ้าง 

มื้อนี้จ่ายไป 7.6 USD แล้วก็กลับรถตุ๊กๆ ด้วยราคา 2 USD ถึงโรงแรม อาบน้ำนอนเพื่อตื่นสัก 8 โมง มีโปรแกรมไปเที่ยวปราสาทรอบนอก บันทายสรี และกบาลสะเปียนกันต่อไป

วันนี้ขอจบทริปไว้แค่นี้ แล้วคอยติดตามกันต่อไปในวันรุ่งขึ้นครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. มึนเลยค่ะ ภาพฝาผนัง เยอะเกินบรรยาย

    ตอบลบ
  2. ได้มีโอกาสไปเที่ยวนครวัด นครธม เหมือนกันค่ะ ตื่นตา ตื่นใจอย่างมากเลยค่ะ สนใจเพิ่มเติมคลิ๊กลิงค์นี้นะคะ
    https://travel-bydeedee.blogspot.com/2020/12/blog-post_31.html?spref=fb&fbclid=IwAR27pBTI-feJoIRvvGzqZDVvq70jJ6Vd72QNVU1MaLjb7HVUsKV96vwBurk

    ตอบลบ