วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2550

กลับไปทวนความทรงจำที่ดีครั้งก่อน ณ เกาะอาดัง ราวี หลีเป๊ะ ตอน 2 ดำน้ำตื้นต่อที่เกาะผึ้งใน, เกาะราวี, ชมปะการัง 7 สีที่ร่องน้ำจาบัง, ครั้งแรกกับกัลปังหาที่กองหินขาว Part II


หลังจากที่ได้ทานข้าวกันเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาลงเรืออีกครั้งเพื่อไปต่อยังจุดดำน้ำอีกจุดที่เรียกว่าเกาะผึ้ง เช่นเดียวกันว่าน้ำแรงมากๆ ลงที่เกาะผึ้งไม่ได้เลยมาลงอีกเกาะหนึ่งใกล้ๆกัน หลบคลื่นอยู่ เกาะนี้เรียกว่าเกาะผึ้งใน อยู่ระหว่างเกาะดงกับเกาะราวี เสียดายที่จุดดำดูปะการัง 7 สีจุดที่สามก็ลงไม่ได้อีกแล้ว


ที่เกาะผึ้งในก็ไม่ได้มีอะไรให้ดูมากมายนัก คงมีแต่เดิมๆคือปะการังมันสมอง และปลาเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง แต่ก็ทำให้ผมนั้นจดจำไปนานเลยก็คือ ผมโดนหอยเม่นตำหลังจากที่นอนหงายกับท้องทะเล ขาเลยไปตีเอาเข็มของมัน พอรู้สึกเท่านั้น ปวดมากๆ ฝ่าเท้ายังมีเข็มของหอยเม่นคาอยู่เลย ผมรีบใช้มือจับออก แต่มันก็ขาดคาตรงปลายฝังในฝ่าเท้าผมแล้ว ผมรีบกลับเรือแล้วขึ้นจากน้ำ เพื่อสอบถามกับคนเรือว่ามีพิษหรือไม่ กลัวตรงนี้อย่างเดียว พี่คนเรือแกบอกว่าไม่มีพิษ ส่วนที่ฝังในเนื้อเดี๋ยวก้ละลายจางไปเอง ผมค่อยยังชั่วหน่อย แต่ช่วง 5-10 นาทีแรกนั้น ยอมรับว่าปวดตรงฝ่าเท้าที่เข็มของหอยเม่นตำมากๆ แต่สุดท้ายก็หายปวดไปอย่างช้าๆ


มีเรือหางกับเรือยอร์ชจอดลอยลำอยู่ห่างๆ


สักพักก็ต้องจากเกาะผึ้งไปต่อเกาะราวีกัน นั่งเรือนานมาก แต่ก็ถึงในเวลาประมาณ 14:45 น. คนไม่เยอะ มีเจ้าถิ่นเป็นหมาสีดำมาต้อนรับถึงหน้าเรือเลย เจ้าหน้าที่ใช้ทอระโข่งบอกกับนักท่องเที่ยวว่าน้ำกำลังลด ให้ระมัดระวังปะการังเวลาดำน้ำด้วย
ป้ายแบบใหม่ของเกาะราวี ย้ายจากขอนไม้เหมือนอย่างแต่ก่อนมาติดตั้งที่หาดทราย ผมว่าแบบเก่าสวยกว่านะ


คนน้อย เรือมาจอดแค่ 2 ลำ


มาเกาะราวี ถ้าไม่ลองนั่งชิงช้าก็ดูแปลกๆไปนิดนะ


ได้เวลาลงดำน้ำแล้ว นี่ไง เจ้าถิ่นปลาเสือมาต้อนรับแบบดุดันเชียว


ปลาอะไรเอ่ย...ตัวสีขาวๆ ว่ายไปมา เสียดายไกลไปหน่อย


ปลาว่ายชนกันอย่างชุลมุนเลยแฮะ


เจอเจ้านีโม่เข้าให้แล้ว แต่เป็นลายดำขาว ตัวใหญ่ๆ ชื่อทางการ Clark's Anemonefish


ปลาสีส้ม แสบตาดีจัง


เห็นปลาปากแหลมๆว่ายผ่านไป รีบถ่ายแทบไม่ทัน ดูๆแล้วคล้ายๆฉลามเลยแฮะ แต่ไม่ใช่หรอก 555


นี่น่าจะเป็นดาวขนนก เห็นมาหลายครั้งแล้ว จำไม่ได้สักที


อ้า....ปลาปักเป้าหน้าหมากำลังว่ายหลบในซอกหิน


ปลาอะไรไม่แน่ใจครับ


ตัวนี้ปากจู๋สีชมพูด้วย น่ารักดี


เจ้าตัวนี้สงสัยอยากเข้ากล้อง ออกอากาศทาง BP


อีกตัวหนึ่ง


และแล้วก็มาถึงพระเอกของเรา เจ้านีโม่นั่นเอง


สงสารชีวิตเจ้าปลาการ์ตูนจัง ต้องว่ายหลบซ่อนศัตรูคู่อาฆาตในดงดอกไม้ทะเลตลอด


ปลาการ์ตูนชุดนี้สีไม่ค่อยสดเท่าไหร่ครับ แต่ดูยังไงก็น่ารัก


ว่ายไปมาด้วยกัน แม้พื้นที่ไม่มากแต่ก็คงมีความสุขน่าดู


แหงนหน้าขึ้นก็จะเจอกับเหยี่ยวหรือนกอินทรี เขาว่าจะโชคดี


ปลาตัวยาวๆเหมือนเข็ม จำชื่อไม่ได้อีกแล้วเรา


ปลาสีเหลืองส้มนี่ก็น่ารักเช่นกัน


ต่อจากนั้นก็ได้เวลากลับแล้ว ยังรอลุ้นอยู่ว่าคลื่นจะลดลงจนได้ลงดูปะการัง 7 สีที่ร่องน้ำจาบังหรือเปล่า โชคดีเป็นของพวกเราทั้ง 5 คน น้ำไม่แรงแล้ว สามารถลงได้แต่ก็ทุลักทุเลน่าดู ต้องเกาะเชือกไปกับข้างๆเรือ เพราะเรือจะเจอน้ำพัดไปตลอด
แรกที่เห็นใต้น้ำก็ถือว่ามาทริปนี้คุ้มแล้ว


พี่คนเรือพยายามประคองความเร็วไม่ให้เร็วมาก เคลื่อนตัวเข้าใกล้ปะการังอ่อนไปเรื่อยๆ จุดนี้แหล่ะ เราอยู่เหนือกองปะการังแล้ว


พอหยุดเครื่องยนต์เมื่อไหร่ เรือก็จะเจอกระแสน้ำพัดออกไปอีก พี่คนเรือต้องวนกลับมาเริ่มต้นใหม่ให้พวกเรา


น้องที่มาด้วยกันถึงกับยกนิ้วให้เลยว่าสวยงามมากๆ โดยเฉพาะเห็นด้วยตาตัวเอง


ปะการังอ่อนชมพูขาว สวยงามจริงๆ ผสมผสานกันอย่างลงตัว


ต่อจากนั้นพี่คนเรือพาไปทีเด็ดอีกจุดหนึ่งคือกองหินขาว ไปถึงน้ำแรงมากไม่มีใครกล้าลงรวมทั้งผมด้วย กลัวลอยไปกลางทะเลแล้วไม่มีคนไปรับกลับมา แต่พี่คนเรือแกคงอยากให้เราดูมากๆ เลยหยิบเชือกยาวมาผูกกับเรือแล้วดำน้ำลงไปเองเพื่อไปผูกกับหินอีกจุดหนึ่งเพื่อจะให้เราจับเชือกไปดู พวกเราเห็นว่าแกลงทุนขนาดนั้นเลยยอมที่จะลงไปดูด้วย


ยอมรับว่าน้ำแรงมากๆ แต่ในความยากลำบากนั้นก็จะเจอกับรางวัลที่รอเราอยู่ตรงหน้า นั่นคือปะการัง 7 สีจุดใหม่ที่ผมไม่เคยมาดู


แถมที่นี่ยังมีกัลปังหาขึ้นแซมมาด้วย ที่แรกที่เจอทั้งสองอย่าง คุ้มจริงๆ แต่ก็ยังมีไม่เยอะเท่าไหร่


ปะการังอ่อนจุดนี้มีไม่มาก อยู่กระจายตัวเป็นหย่อมๆ


แต่ก็มีสีแปลกๆให้เจอเหมือนกันคือสีเหลือง ช่างเข้าได้กับปีมหามงคลปีนี้จริงๆครับ
จุดกองหินขาว ผมได้แผลเลือดออกมาหลายแผลเลยทีเดียว แต่ก็คุ้ม


พอจบจากกองหินขาวก็ไปต่อที่จุดสุดท้ายคือ จุดดำดูกัลปังหาหน้าเกาะอาดัง จุดนี้มีกัลปังหาเยอะเชียว ครั้งที่แล้วก็มาดำจุดนี้


กัลปังหาสีชมพูก็มีให้เห็น


ดูอีกมุมหนึ่ง


ปลาว่ายเหนือปะการังเยอะแยะเชียว


สีแดงก็สดไม่ใช่เล่น


จบจากดำดูกัลปังหาก็เป็นอันสิ้นสุดทริปดำน้ำสำหรับวันนี้ เรือมาส่งเราที่เกาะอาดังอีกครั้ง เราไปจ่ายเงินที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯคนละ 400 บาทและผมก็เอาเป้ที่ฝากไว้พากลับข้ามฝั่งด้วยเรือลำเดิมนี้ แสงสุดท้ายของวันนี้ระหว่างนั่งเรือหางไปเกาะหลีเป๊ะ


หลังจากเช็คอินที่พักที่เม้าเท่นรีสอร์ทเสร็จก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย จวบจนทุ่มกว่าๆก็มานั่งทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารของที่พัก  จุดนี้ลมแรงมาก คนไม่เยอะ


อาหารที่นี่ต้องบอกว่าแพงมาก และยังไม่ค่อยอร่อยอีก หรือว่าผมมาคนเดียวก็ไม่รู้ เลยสั่งง่ายๆผัดไทย พอเป็นพลังงานสำหรับวันใหม่ได้
วันนี้ก็จบทริแดน้ำทั้งวันเพียงเท่านี้ ขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาชมครับ มีความสุขทุกท่าน ราตรีสวัสดิ์ครับ


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น