วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549

หนาวนี้ ไปด้วยกัน ที่สิมิลัน วันฟ้าใส ตอน 2 ไปดำน้ำกัน


เช้าวันนี้สดชื่นดีจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามากนัก เพราะที่ทำการของเม็ดทรายทัวร์ก็อยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าศูนย์อนุรักษ์ฯนี้ ผิดกับคนที่พักในตัวเมืองภูเก็ตซึ่งต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรอรถตู้ที่ไปรับตามโรงแรมต่างๆ
วันนี้น่าจะเป็นวันที่อากาศดีอีกวันหนึ่ง ดูโดยรวมแล้วไม่มีฝนสักกะเม็ดเลย คงท่องเที่ยวสิมิลันอย่างสนุกสนานเต็มที่ เราหวังว่าอย่างนั้น


อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกไปคืนกุญแจที่อาคาร 1 กับทหารยาม ฟ้าใสเชียว


ออกมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่เม็ดทรายทัวร์ เจอกับพี่วรรณซึ่งรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ พี่วรรณเชิญเราทานกาแฟโอวัลติน พร้อมกับขนมปังคนละ 1 ชิ้น
เราเป็นรายแรกที่มาถึงก่อนใคร แน่นอนเพราะพักอยู่ใกล้ๆที่นี่ ดังนั้นเพื่อเป็นการฆ่าเวลา เลยเดินเล่นแถบๆนี้อีกสักรอบ เห็นป้ายหนีภัยซึนามิแล้วอดหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเมื่อ 2 ปีก่อนไม่ได้ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต้องมาล้มตายเพราะภัยธรรมชาติแท้ๆ นี่แหล่ะ คงเป็นการสอนให้เราเรียนรู้เท่าทันธรรมชาติในทุกอย่างก้าวของชีวิต ประมาทไม่ได้เลย


นี่ไง...ท่าเรือทับละมุ


พอเวลา 8:30 น.เม็ดทรายทัวร์นำรถพาเราไปขึ้นเรือที่ท่าอีกท่าหนึ่งใกล้ๆกันประมาณ 5 นาที ตอนแรกคิดว่าท่านี้ซะอีก เห็นเขาบอกว่าคนเยอะ เลยเปลี่ยนท่าไปขึ้นที่ท่าดังกล่าว
ในทริปนี้ มีคนไทยอยู่ประมาณ 5 คนด้วยกันรวมทั้งเราด้วย นอกนั้นเป็นฝรั่งหมด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับการท่องเที่ยวทะเลแถบอันดามัน โดยจะเจอคนไทยอีกทีก็ตอนช่วงเทศกาลหยุดยาวเท่านั้น


เรือสปีดโบ้ทแล่นออกจากท่าไม่นานก็เริ่มเร่งความเร็วแล้ว มองไปทางท้ายเรือมองเห็นฟองคลื่นแหวกออกจากกันเป็นเกลียวดูสวยงาม


เรือแล่นไม่นานนัก โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงยังจุดดำน้ำจุดแรกซึ่งอยู่ระหว่างเกาะ 4 กับเกาะ 5


แหงนมองฟ้าก็เจอท้องฟ้าใสๆ มองลงมาที่ทะเลก็เจอทะเลสีคราม สวยจริงๆเล้ย


โอ้ว....สวยๆ


ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้ว DicaPAC นั่นเอง กันได้ได้จริงๆมั๊ย.... ภาพนี้ถ่ายตอนกำลังลอยคอในทะเลครับ


มาถ่ายปะการังกัน ที่จุดนี้ไม่ค่อยจะสวยสักเท่าไหร่

ดูไปเรื่อยๆละกันครับ


จริงอย่างที่ใครๆเขาว่า สิมิลันเหมาะกับการดำน้ำลึกจริงๆ ปะการังน้ำตื้นหาแทบไม่เจอเลย


ปะการังเขากวางหรือเปล่า ถ่ายได้แต่ระยะไกล


มุม top view มั่ง


อันนี้มีรอยหยักคล้ายๆมันสมองคนเราเลย


ส่วนอันนี้อะไรไม่รู้แปลกตาดี


ส่วนใหญ่ก็จะเจอกับปลาตัวเล็กๆว่ายวนไปมารอบปะการัง


อันนี้สีสันสวยดีครับ



ประมาณ 11 โมง เรือก็พาเราขึ้นเกาะ 4 หรือเกาะเมียง ซึ่งเป็นจุดทำการอุทยานแห่งชาติสิมิลันที่มีบ้านพักแบบบังกะโลและเต็นท์รองรับนักท่องเที่ยวแบบเยอะมาก
ผมเข้าไปติดต่อเรื่องที่พักที่เป็นเต็นท์ซึ่งได้โทรมาจองก่อนหน้านี้แล้ว


แถวนี้จะเจอกับปูเสฉวนอาศัยอยู่มาก เดินไปเดินมาจนมาเจอกับกล้องผมซะนี่


หลังจากทานอาหารกลางวันจากแพ็คเกจทัวร์ของเม็ดทรายเสร็จก็เอาข้าวของมาเก็บไว้ที่เต็นท์ที่พัก


และแล้วก็ได้เวลาตระเวนถ่ายรูปท้องฟ้ากับน้ำทะเลใสๆแล้ว


ทรายนุ่มเหมือนกันนะเนี่ย


ทรายนุ่มเหมือนกันนะเนี่ย


ว้าว....ใสจนคิดว่าเรือลอยได้


ใสกิ๊กเชียว...


ชิว ชิว


อ๊ะ....เรือยางสีแดงของอุทยานนี่


ถ่ายนานๆชักร้อน กลับมาพักในร่มดีกว่า


แดดอะไรจะดีขนาดนั้น


บางคนก็จองหาดทรายขาวเพื่อนอนอาบแดดเป็นหมูแดดเดียว อิอิ


มามุมนี้บ้าง


หันมาที่ในเกาะบ้างดีกว่า กับป้ายของททท.


โห....ฟ้าเข้มสะใจมากๆ


อ้าว....ได้เวลาดำน้ำที่เกาะ 8 แล้วเหรอ


เจ้าหน้าที่บอกว่าดำน้ำ 45 นาที งั้นลุย !!!


เสียดายที่ถ่ายแล้วติดแต่หางเจ้านีโม่ อดเลย
แต่จริงๆไม่ได้ถ่ายเองหรอก ให้เจ้าหน้าที่เขาดำไปถ่ายให้ 555


จุดนี้จะสวยกว่าจุดแรกอยู่เยอะเลย


ใครรู้บ้างว่าปลาอะไร สีสันสวยดีครับ


อันนี้คล้ายมันสมองคนเลยนะเนี่ย


ณ จุดนี้แหล่ะ พวกเราว่ายยังไงก็ไม่ไปไหน !!! เพราะน้ำมันแรงมาก จนเกือบหมดแรง แต่กัดฟัน ช่วยๆกันดันไปหาเรือจนได้ เกือบไป....


ตรงจุดนี้เจอแต่เจ้าตัวนี้


จะขึ้นเรือแล้วครับ  มุมนี้คล้ายๆไททานิคเลยแฮะ


สุดท้ายพอขึ้นจากน้ำแทนที่จะไปดำต่อที่เกาะ 9 แต่เจ้าหน้าที่พากลับเกาะ 4 เฉยเลย โอเค.....ฝากไว้ก่อนนะ สิมิลัน
เรากลับมาพัก อาบน้ำชำระร่างกาย แล้วไปพักผ่อนที่เต็นท์ พอได้เวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็ลุกออกมาดูแสงยามเย็นอีกครั้ง


มองขึ้นไปจากชายหาด ด้านบนเป็นที่พักของอุทยานแบบบังกะโล แต่ต้องเดินขึ้นเขาไป


บางกลุ่มก็ยึดชายหาดแบ่งทีมเล่นฟุตบอลกัน


ชักจะเย็นแล้ว ไปทานข้าวก่อนดีกว่า
มื้อนี้ขอเลือกหรูๆหน่อย ข้าวไข่เจียวหมูสับ จานละ 50 บาท โอวว.....หรูจริงๆ


ทานข้าวเสร็จก็กลับมานั่งชมวิวที่หน้าหาดอีกครั้ง แสงยามนี้ใกล้หมดลงไปเต็มทน


มาที่ชายทะเลครั้งใด คนใกล้ตัวไม่เคยพลาดที่จะเขียนคำว่า "อาร์ตตะลอน" จารึกไว้บนผืนทราย ณ หาดใดๆที่เราไปเที่ยวกัน


พานอรามาบ้าง


ถ่ายกับหินก็สวยงามไปอีกแบบ


เกาะที่เห็นด้านหน้าคือเกาะ 6 หรือเกาะปายู ส่วนดำๆคือหินนั่นเอง


แอบมองที่พักด้านบนว่าเขาทำอะไรกันผ่านช่องหิน


หลังจากนั้นเราก็กลับไปพักที่เต็นท์ต่อ เพื่อรอเวลา 2 ทุ่มตรงมาที่จุดประชาสัมพันธ์เพื่อไปดูปูไก่กัน โดยจะมีสต๊าฟของอุทยานพาไปจ๊ะ
เดินไปเงียบๆนะครับ....แล้วก็รอดูตามรูที่เขาอยู่ ใช้ไฟฉายส่องดู แต่ไม่เจอสักที สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ตะโกนว่า เจอแล้ว มาดูตรงนี้กัน นั่นไง ตัวใหญ่เชียว


ดูก้ามปูไก่ซะก่อน....ใหญ่มั๊ยหล่ะ....
พอชมและถ่ายรูปปูไก่กันหอมปากหอมคอ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยเขาไป เป้นอันว่าจบกิจกรรมในวันนี้ แล้วเจอกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น รอบเก็บตกวิวทะเลสวยๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามชมครับผม ไปนอนแล้วคร้าบบบ _/\_

Original Published on www.pantip.com at [ 28 พ.ย. 49 02:35:29 ] as below link

เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น