เช้าวันนี้สดชื่นดีจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องตื่นเช้ามากนัก เพราะที่ทำการของเม็ดทรายทัวร์ก็อยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้าศูนย์อนุรักษ์ฯนี้ ผิดกับคนที่พักในตัวเมืองภูเก็ตซึ่งต้องตื่นแต่เช้าเพื่อรอรถตู้ที่ไปรับตามโรงแรมต่างๆ
วันนี้น่าจะเป็นวันที่อากาศดีอีกวันหนึ่ง ดูโดยรวมแล้วไม่มีฝนสักกะเม็ดเลย คงท่องเที่ยวสิมิลันอย่างสนุกสนานเต็มที่ เราหวังว่าอย่างนั้น
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ออกไปคืนกุญแจที่อาคาร 1 กับทหารยาม ฟ้าใสเชียว
ออกมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่เม็ดทรายทัวร์ เจอกับพี่วรรณซึ่งรอรับนักท่องเที่ยวอยู่ พี่วรรณเชิญเราทานกาแฟโอวัลติน พร้อมกับขนมปังคนละ 1 ชิ้น
เราเป็นรายแรกที่มาถึงก่อนใคร แน่นอนเพราะพักอยู่ใกล้ๆที่นี่ ดังนั้นเพื่อเป็นการฆ่าเวลา เลยเดินเล่นแถบๆนี้อีกสักรอบ เห็นป้ายหนีภัยซึนามิแล้วอดหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดเมื่อ 2 ปีก่อนไม่ได้ ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต้องมาล้มตายเพราะภัยธรรมชาติแท้ๆ นี่แหล่ะ คงเป็นการสอนให้เราเรียนรู้เท่าทันธรรมชาติในทุกอย่างก้าวของชีวิต ประมาทไม่ได้เลย
พอเวลา 8:30 น.เม็ดทรายทัวร์นำรถพาเราไปขึ้นเรือที่ท่าอีกท่าหนึ่งใกล้ๆกันประมาณ 5 นาที ตอนแรกคิดว่าท่านี้ซะอีก เห็นเขาบอกว่าคนเยอะ เลยเปลี่ยนท่าไปขึ้นที่ท่าดังกล่าว
ในทริปนี้ มีคนไทยอยู่ประมาณ 5 คนด้วยกันรวมทั้งเราด้วย นอกนั้นเป็นฝรั่งหมด ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับการท่องเที่ยวทะเลแถบอันดามัน โดยจะเจอคนไทยอีกทีก็ตอนช่วงเทศกาลหยุดยาวเท่านั้น
เรือสปีดโบ้ทแล่นออกจากท่าไม่นานก็เริ่มเร่งความเร็วแล้ว มองไปทางท้ายเรือมองเห็นฟองคลื่นแหวกออกจากกันเป็นเกลียวดูสวยงาม
โอ้ว....สวยๆ
ได้เวลาลองของเล่นใหม่แล้ว DicaPAC นั่นเอง กันได้ได้จริงๆมั๊ย.... ภาพนี้ถ่ายตอนกำลังลอยคอในทะเลครับ
ดูไปเรื่อยๆละกันครับ
มุม top view มั่ง
อันนี้มีรอยหยักคล้ายๆมันสมองคนเราเลย
ส่วนอันนี้อะไรไม่รู้แปลกตาดี
ส่วนใหญ่ก็จะเจอกับปลาตัวเล็กๆว่ายวนไปมารอบปะการัง
อันนี้สีสันสวยดีครับ
ประมาณ 11 โมง เรือก็พาเราขึ้นเกาะ 4 หรือเกาะเมียง ซึ่งเป็นจุดทำการอุทยานแห่งชาติสิมิลันที่มีบ้านพักแบบบังกะโลและเต็นท์รองรับนักท่องเที่ยวแบบเยอะมาก
ผมเข้าไปติดต่อเรื่องที่พักที่เป็นเต็นท์ซึ่งได้โทรมาจองก่อนหน้านี้แล้ว
แถวนี้จะเจอกับปูเสฉวนอาศัยอยู่มาก เดินไปเดินมาจนมาเจอกับกล้องผมซะนี่
หลังจากทานอาหารกลางวันจากแพ็คเกจทัวร์ของเม็ดทรายเสร็จก็เอาข้าวของมาเก็บไว้ที่เต็นท์ที่พัก
ทรายนุ่มเหมือนกันนะเนี่ย
ทรายนุ่มเหมือนกันนะเนี่ย
ว้าว....ใสจนคิดว่าเรือลอยได้
ใสกิ๊กเชียว...
ชิว ชิว
อ๊ะ....เรือยางสีแดงของอุทยานนี่
ถ่ายนานๆชักร้อน กลับมาพักในร่มดีกว่า
แดดอะไรจะดีขนาดนั้น
บางคนก็จองหาดทรายขาวเพื่อนอนอาบแดดเป็นหมูแดดเดียว อิอิ
มามุมนี้บ้าง
หันมาที่ในเกาะบ้างดีกว่า กับป้ายของททท.
โห....ฟ้าเข้มสะใจมากๆ
อ้าว....ได้เวลาดำน้ำที่เกาะ 8 แล้วเหรอ
เจ้าหน้าที่บอกว่าดำน้ำ 45 นาที งั้นลุย !!!
เสียดายที่ถ่ายแล้วติดแต่หางเจ้านีโม่ อดเลย
แต่จริงๆไม่ได้ถ่ายเองหรอก ให้เจ้าหน้าที่เขาดำไปถ่ายให้ 555
จุดนี้จะสวยกว่าจุดแรกอยู่เยอะเลย
ใครรู้บ้างว่าปลาอะไร สีสันสวยดีครับ
อันนี้คล้ายมันสมองคนเลยนะเนี่ย
ณ จุดนี้แหล่ะ พวกเราว่ายยังไงก็ไม่ไปไหน !!! เพราะน้ำมันแรงมาก จนเกือบหมดแรง แต่กัดฟัน ช่วยๆกันดันไปหาเรือจนได้ เกือบไป....
จะขึ้นเรือแล้วครับ มุมนี้คล้ายๆไททานิคเลยแฮะ
สุดท้ายพอขึ้นจากน้ำแทนที่จะไปดำต่อที่เกาะ 9 แต่เจ้าหน้าที่พากลับเกาะ 4 เฉยเลย โอเค.....ฝากไว้ก่อนนะ สิมิลัน
เรากลับมาพัก อาบน้ำชำระร่างกาย แล้วไปพักผ่อนที่เต็นท์ พอได้เวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็ลุกออกมาดูแสงยามเย็นอีกครั้ง
มองขึ้นไปจากชายหาด ด้านบนเป็นที่พักของอุทยานแบบบังกะโล แต่ต้องเดินขึ้นเขาไป
บางกลุ่มก็ยึดชายหาดแบ่งทีมเล่นฟุตบอลกัน
ชักจะเย็นแล้ว ไปทานข้าวก่อนดีกว่า
มื้อนี้ขอเลือกหรูๆหน่อย ข้าวไข่เจียวหมูสับ จานละ 50 บาท โอวว.....หรูจริงๆ
ทานข้าวเสร็จก็กลับมานั่งชมวิวที่หน้าหาดอีกครั้ง แสงยามนี้ใกล้หมดลงไปเต็มทน
มาที่ชายทะเลครั้งใด คนใกล้ตัวไม่เคยพลาดที่จะเขียนคำว่า "อาร์ตตะลอน" จารึกไว้บนผืนทราย ณ หาดใดๆที่เราไปเที่ยวกัน
ถ่ายกับหินก็สวยงามไปอีกแบบ
เกาะที่เห็นด้านหน้าคือเกาะ 6 หรือเกาะปายู ส่วนดำๆคือหินนั่นเอง
แอบมองที่พักด้านบนว่าเขาทำอะไรกันผ่านช่องหิน
หลังจากนั้นเราก็กลับไปพักที่เต็นท์ต่อ เพื่อรอเวลา 2 ทุ่มตรงมาที่จุดประชาสัมพันธ์เพื่อไปดูปูไก่กัน โดยจะมีสต๊าฟของอุทยานพาไปจ๊ะ
เดินไปเงียบๆนะครับ....แล้วก็รอดูตามรูที่เขาอยู่ ใช้ไฟฉายส่องดู แต่ไม่เจอสักที สักพักก็มีเจ้าหน้าที่ตะโกนว่า เจอแล้ว มาดูตรงนี้กัน นั่นไง ตัวใหญ่เชียว
ดูก้ามปูไก่ซะก่อน....ใหญ่มั๊ยหล่ะ....
พอชมและถ่ายรูปปูไก่กันหอมปากหอมคอ เจ้าหน้าที่ก็ปล่อยเขาไป เป้นอันว่าจบกิจกรรมในวันนี้ แล้วเจอกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น รอบเก็บตกวิวทะเลสวยๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาติดตามชมครับผม ไปนอนแล้วคร้าบบบ _/\_
Original Published on www.pantip.com at [ 28 พ.ย. 49 02:35:29 ] as below link
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น