จอดรถแล้วเดินเข้ามาภายในเพื่อจะขึ้นไปยังด้านบนเขา ที่นี่เขามี 2 options ให้เลือกครับ จะขึ้นรถลิฟท์(กระเช้าไฟฟ้า) หรือเดินก็ตามแต่สะดวก ลิฟท์ไม่เสียเงินครับ
ผมเลือกที่จะเดินขึ้นบันได ซึ่งก็คงไม่ยากลำบากอะไรมากมาย แถมเป็นการออกกำลังกายน้อยๆพอเรียกเหงื่อด้วย
กราบพระก่อนนะครับ
ภายในศาลา 3 ชั้น บนชั้น 3 จะเป็นพิพิธภัณฑ์ของโบราณครับ
ส่วนใหญ่ข้าวของเครื่องใช้จะเป็นแนวศิลปะแบบจีนครับ
ไซดักปลาขนาดยักษ์
ผมเกือบจะกลับแล้วครับ แต่คงมีบุญเห็นป้ายบอกพระบรมสารีริกธาตุให้ลงชั้น 2 เลยลงไปดู
รูปนี้ได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ถ่ายแบบใกล้ชิดมาแสดงให้เราดูกัน
ต่อจากนั้นก็ขับรถตามลายแทง ไปน้ำตกกระทิง พอถึงหน้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏก็เจอป้ายนี้เลยไม่เข้าไปครับ พักกินส้มตำไก่ย่างที่ร้านข้างๆทางเข้าแล้วค่อยไปต่อ
จากการผิดหวังน้ำตกกระทิง ขับรถผ่านกาแฟสดเลยแวะชิมซะหน่อย
ชิมกาแฟสดพอได้ที่ก็เริ่มเดินทางไปน้ำตกคลองนารายณ์และน้ำตกพลิ้วตามลำดับ ปรากฏว่าไปไม่ถึงสักที่เนื่องจากที่แรก 100 เมตรสุดท้ายทางไม่อำนวย ส่วนที่ที่สองคนเยอะครับ เลยตัดสินใจขับรถต่อไปยังตราดดีกว่า
ขับมาถึงแผ่นดินส่วนที่แคบที่สุดในประเทศไทยตอนเวลาประมาณห้าโมงครึ่ง
ต่อจากนั้นไปสิ้นสุดประเทศไทยที่ด่านไทย-กัมพูชา บ้านหาดเล็ก
เริ่มเย็นแล้ว เลยขับกลับเพื่อหาที่พักบริเวณนี้เลียบชายหาด แต่ก่อนจะเจอก็แวะเข้าไปที่ท่าเรือกัลปังหา มีเรือประมงจอดเรียงรายอยู่
สักพักก็ได้ที่พัก ที่หาดสนรีสอร์ท ที่นี่เลี้ยงกระต่ายด้วยครับ
ห้องพักที่นี่มีราคา 600 , 1,200 และ 1,500 บาท แต่เหลือเฉพาะ 600 บาท ผมเลยขอดูสภาพห้องก่อน
ภายในใหม่และสะอาดครับ
มีโทรทัศน์ให้ดู BB ด้วย
เก็บข้าวเก็บของเสร็จก็ออกมาทานอาหารเย็นครับ ที่นี่วิวสวยมาก
เลือกนั่งทานแบบศาลาโดยนั่งกับพื้นมีโต๊ะเตี้ยๆคอยวางอาหารที่มาเสริฟ
สั่งมาทานแค่ 3 อย่างไม่เอาข้าวเพราะกลัวจะอิ่มซะก่อน อาหารอร่อยครับ แต่ยุงเยอะมากกกกกๆๆๆๆ ผมโดนกัดไป 10-20 จุดได้ จนวันนี้ยังคันและมีรอยแดงๆอยู่เลย ไม่รู้จะเป็นไข้เลือดออกเปล่า
เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น