วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2550

ทริปสั้นๆ ชายทะเลบ่อนอก ประจวบฯ ตอน 1 วันเดินทางไป "บ้านชมวาฬ" ต.บ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์


หลังจากที่กลับมาจากหลีเป๊ะได้เพียงอาทิตย์เดียว หัวใจก็ร่ำร้องให้ชีพจรลงเท้าอีกครั้งเพื่อตามหาทะเลสงบๆอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล สามารถขับรถไปเช้าและกลับอีกวันหนึ่งได้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ชายทะเลบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นั่นเอง


เราออกเดินทางจากกรุงเทพเมืองศิวิไลประมาณ 8 โมงครึ่ง ตอนแรก GPS บอกว่าจะถึงประมาณ 11 โมงครึ่ง แต่ไปๆมาๆ นานกว่าเดิมที่คำนวณไว้ 1 ชม.เนื่องจากมีการขยายถนนเริ่มตั้งแต่สมุทรสาครเลย ทำให้ทำเวลาไม่ได้ สุดท้ายเราก็มาถึงที่ปั๊มน้ำมันปตท.ที่กุยบุรี ประมาณเที่ยงตรง ปั๊มที่ได้รับรางวัลปั๊มทองคำแห่งปีเลยทีเดียว แต่ก็สมควรได้รับรางวัลแล้ว เห็นได้จากการจัดน้ำพุและสวนย่อยๆหน้าห้องน้ำก็รู้ถึงความเป็นหัวการตกแต่งของเจ้าของปั๊มแล้ว


ครั้งที่แล้วมาเที่ยวเกาะเต่า แล้วมาแวะพักรถและคนที่ปั๊มแห่งนี้ แต่เสียดายที่ไม่ได้แวะทานกาแฟที่ร้านนี้ เนื่องด้วยมาถึงตอนเที่ยงคืนพอดี แต่ครานี้ไม่พลาดแน่ จำชื่อไว้นะ "KAFFEE"


กาแฟรสชาติไม่เท่าไหร่ แต่บรรยากาศการตกแต่งภายในร้านนั้น ถือว่าสุดยอด

ร้านนี้มีอีกสาขาในฝั่งตรงกันข้ามขากลับกรุงเทพ ภายในปั๊มปตท.เช่นกัน ขากลับเราก็จะแวะ ส่วนรูปภายในร้านกาแฟนั้นผมขอแยกออกมาต่างหากในกระทู้นี้ ...ค อ ก า แ ฟ...ครับ เพราะบรรยากาศนั้นคลาสสิคจริงๆ ใครคอกาแฟคงไม่น่าพลาด


ไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึงที่บ้านพักน่ารักๆได้ยินอยู่บ่อยๆจากห้อง BP นั่นก็คือ บ้านชมวาฬ ในร้าน "ครัวชมวาฬ" นั่นเอง

กระท่อมบรูด้า เราจองไม่ได้ งั้นไม่เป็นไร ยังพอมีบ้านอีกหลังชื่อ "สร้อยนกเขา" ตั้งอยู่ข้างๆบ้านบรูด้านั่นเอง


ยังไงซะก็อยู่มองเห็นทะเลหล่ะน่า แม้มีอีกหลังมาบังก็ตาม


ที่นอนถูกปูไว้อย่างเรียบร้อยพร้อมผ้าห่มหอมๆ


ห้องน้ำแบบนี้ได้บรรยากาศดีจริงๆ ไม่มีน้ำอุ่น มีแต่น้ำเย็น


เก็บสัมภาระเสร็จพร้อมๆกับสำรวจภายในที่พัก ก็เดินออกมาหาวิวสวยๆถ่ายรูป พร้อมๆกับหยิบมือถือมาถ่ายรูปเพื่อ RePort online ทางอินเตอร์เน็ต


หลังนี้แหล่ะ ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปนัก กำลังพอดีๆ


กลับมานั่งตรงชานหน้าที่พักบ้าง มองออกไปก็จะเห็นฟ้าสีคราม ทะเลสีเขียวปรากฏกายอยู่เบื้องหน้า


เดินออกไปเก็บวิวชายทะเลบ้านบ่อนอกบ้าง คลื่นลมแรงทีเดียว ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ เหมาะกับการมากินบรรยากาศอย่างเดียว...อันนี้มองไปทางขวามือ


หันมาทางซ้ายบ้าง แดดร้อนจริงๆ


เดินไปเรื่อยตามชายหาดก็มาเจอกับลุงที่กำลังต่อเรืออยู่ ลุงส่งเสียงถามมาแต่ไกลสำเนียงเหน่อๆ ผมฟังไม่เข้าใจเลยเดินเข้าไปถามแกใกล้ๆ แกแซวว่าเห็นถ่ายรูปที่พักเยอะๆ จะเอาไปทำบ้างเหรอ ผมเลยตอบกลับไปว่า เห็นมันสวยดีเลยถ่ายเก็บไว้ หลังจากนั้นก็ชวนคุยกันเรื่องการซื้อขายที่ดินบริเวณนี้ และเรื่องอื่นๆอีกมากมาย จนไปถึงเรื่องการไปตกหมึก

ลุงแกเล่าว่า แกเบื่อที่จะออกเรือหางขาวไปจับสัตว์ในทะเลเพราะต้องคอยถือด้ามจับเครื่องยนต์ตลอด แกเลยต่อเรือลำนี้ซะเลย อีกอย่างไม่ร้อนด้วย ลุงแกเป็นพี่ของคุณกระรอก เจ้าของครัวชมวาฬแห่งนี้


ผมเดินไปตรงไหน ลุงแกก็คอยตะโกนมาบอกให้ตลอดว่านี่คือ หลักของกรมเจ้าท่า ปักไว้เป็นเขตห้ามก่อสร้างอะไรหลังจากเลยเขตนี้ไปจนถึงทะเล


เรือสีฟ้ากับท้องฟ้าสีครามเข้ม เข้ากันได้ดี


ยามบ่ายๆแบบนี้แดดแรงจังเลย


กลับมาที่บ้านสร้อยนกเขาอย่างเดิมดีกว่า ลืมบอกไปว่า ที่บ้านพักตรงกันข้ามก็มีนักท่องเที่ยวสาว 2 คนมาพักที่นี่ แฟนผมเห็นเลยบอกว่าหน้าตาคุ้นๆจังและจำได้ว่าเคยพบกันตอนนั่งเรือเฟอร์รี่ไปหลีเป๊ะลำเดียวกันเมื่อครั้งแรก ซึ่งหลังจากทักทายก็ใช่จริงๆซะด้วย เออ...โลกมันแคบเนอะ


บ่ายสองโมง กลับมาห้องพักอีกครั้ง ขอเอนกายพักผ่อนก่อนหล่ะ เมื่อคืนดันโพสต์รูปหลีเป๊ะซะดึกเลย วันนี้เลยตาโหลๆ ของีบก่อนนะครับ

ในห้องยังสามารถมองผ่านมุ้งลวดเห็นทะเลอยู่ใกล้ๆ


หลังจากได้งีบหลับเอาแรง แม้ว่าจะเปิดพัดลม แต่ก็ยังร้อนอยู่ดีนะเนี่ย ตื่นขึ้นมา 5 โมงเย็น หลับไป 3 ชม.งั้นอาบน้ำแล้วออกไปเดินข้างนอกดีกว่า

ที่นี่มีเปลหลายเปลอยู่ให้แขกได้มานอนพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศทะเล๊ ทะเล


เดินไปตามชายทะเลไม่นาน เจ้านี่ก็เดินเข้ามาแล้ว


หมาเจ้าถิ่น ขนขาวสะอาดเชียว มันมาพร้อมกับพวกอีก 2 ตัว เข้ามาทักทายเราที่ชายหาดบ่อนอก ยามเย็นแบบนี้


ต้นมะพร้าวยังมีอยู่เต็มตามชายหาดบ่อนอกแห่งนี้


อะไรเอ่ยอยู่บนผืนทราย


นับได้ว่าเป็นงานที่สร้างสรรค์สวยงามตามธรรมชาติอย่างหนึ่งเลยนะเนี่ย


นั่นไง....จับตัวได้แล้วว่าเป็นฝีมือใคร เจ้าตัวน้อย ปูลมวิ่งไวๆนั่นเอง


เจ้าไม้ที่ปักลงไปในทะเลเรียงแถวอยู่นี้คืออะไรนะเหรอ ลุงที่คุยตอนบ่ายๆแกบอกว่า เขาปักไว้ดักแมงดาทะเล ไม่รู้ว่าแงดาทะเลมันจะมาติดอย่างไร แต่ดูแล้วคลื่นแรงน่าดูเลยเนอะ


และแล้ว มื้อเย็นก็เริ่มขึ้น แต่เป็นมื้อที่เราไม่ประทับใจเท่าไหร่ เรื่องรสชาติของอาหารใช่มั๊ย ? ไม่ใช่หรอก แต่จริงๆมันเรื่องการเสริฟผิดของเด็กนั่นแหล่ะ ผิดถึง 2 จาน(จานแรกก็ปลาสำลีทอดกรอบด้านซ้ายมือไง) แต่เราทานไป 1 จานที่เป็นปลาหมึก เพราะสั่งปลาหมึกย่างไปเหมือนกัน แต่มาเสริฟเป็นปลาหมึกทอดอะไรสักอย่าง(ดังที่เห็นในรูป) เราก็ไม่รู้หรอกเพราะมันปลาหมึกเหมือนกัน ทานไปครึ่งนึงแล้วจึงจะมาบอก เราก็เลยบอกว่า งั้นปลาหมึกที่สั่งไปหน่ะ ไม่เอาแล้ว แต่เขาไม่ยอม บอกว่าทำไปแล้ว สุดท้ายเสริฟปลาหมึกย่างที่เราสั่งไปครั้งแรกมาอีก กลายเป็นเบิ้ลเลย ทำให้เราต้องจ่ายเพิ่มมาอีกจานซึ่งไม่ใช่ความผิดของเราเลยที่เขาเสริฟผิดถึง 2 จานด้วยกัน ดีนะที่เราไม่เผลอไปทานอีกจานที่เป็นปลาสำลีเข้าด้วย ไม่งั้นต้องจ่ายอีก เฮ้อ.....เข็ดแล้ว


ทานไป แค้นไป และก็ดูต้นมะพร้าวยามที่แสงของวันจะหมดลงไป


ยามเย็นๆแบบนี้ ชาวบ้านบ่อนอกก็จะนัดกันมาเล่นฟุตบอลริมชายหาดกัน โดยวันนี้เป็นการเล่นบอลริมชายหาดท่ามกลางแสงพระจันทร์ด้วยนะเนี่ย


ทานอิ่มก็กลับที่พัก


นั่งชมบรรยากาศยามเย็น กระท่อมบรูด้ามีคนกลับมาจากข้างนอกแล้ว


ขอจบวันแรกของทริปด้วยวิวพระจันทร์ริมชายหาดกับแสงไฟสีเขียวเล็กๆเหนือผิวน้ำซึ่งก็คือเรือไปตกหมึกนั่นเอง

ขอขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน และทักทายกันนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ (_/\_)


เห็นว่าบทความนี้น่าสนใจ รบกวนกดแชร์ด้วยครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น